อันอันทิ้งตัวลงนอน ไม่วายคิดถึงใบหน้ายิ้มหวานที่มีเขี้ยวสองข้าง อยู่ข้างกายอินจิ๋นมา2ปีนี่เป็นครั้งแรกที่เห็นรอยยิ้มของอินจิ๋น นอกนั้นมีแต่สั่งๆๆ และสั่ง
เข้าสดใส นั่งลงบนโต๊ะแป้งเพียงแค่จะผัดหน้ายังคิดดูก่อน ตัดสินใจลุกขึ้นมาอาภรณ์ชุดใหม่ที่อินจิ๋นนำมามอบให้ ถอนหายใจยาวลองสวมดูรึว่าจะไปกันได้กับอันอันไหม อาภรณ์สีขาวพิสุทธิ์ในแบบฮั่นฝู่ รัดหน้าอกเต่งตึงให้กลมมนน่ามองเนินอกถูกดันขึ้นมาด้านบนเอวคอดกิ่ว ที่ถูกรัดด้วยสายรัดเอวเนื้อผ้าบางเบา พลิ้วไหวปักลายดิ้นสีฟ้าที่ชายเสื้อและกระโปรงขับผิวขาวให้ยิ่งขาวเนียนหากจะแต่งแต้มใบหน้าด้วยสีชาดเสียหน่อย อันอันคงงดงามเกินใคร ทว่ากับไม่ยอมแต่งแต้มสีสันบนใบหน้า ผมยาวสลวยถูกเกล้าไว้เช่นทุกครั้ง ถึงกระนั้นก็งดงามแปลกตากว่าชุดขันที จะติก็ตรงที่ผ้ารัดอกที่รัดจนเนินเนื้อถูกดันให้เชิดสูงเด่นมากเกินไป อันอันดึงเสื้อคลุมสีเดียวกันมาสวมทับเพื่อปกปืดร่องอกและเนินอกเต่งตึงเสีย
ประตูเปิดออกช้าๆ
ร่างสูงในเสื้อคลุมมังกรก้าวเข้ามาข้างใน ตรงเข้ามายืนมองอันอันจากด้านหลัง
อันอันมองจากบานกระจกแล้วหันกลับมาประสานมือตรงหน้า
"อันอันถวายพระพรฝ่าบาท"สีหน้ายามนี้บ่งบอกว่าไม่ชอบใจนัก เหลือบตามอง อาภรณ์สีขาวกับผิวขาวเรียบเนียน อกอิ่มดันเนื้อผ้าออกมาอวดโฉม แม้จะมีเสื้อคลุม ปิดบังไว้แต่เสื้อคลุมกับบางเบาจนมองเห็นไปถึงไหนถึงไหน แม้จะมองว่างดงาม ทว่ากลับรู้สึกไม่พอใจเมื่ออาภรณ์ชุดนี้ช่างมองแล้วยั่วยวนยิ่ง หากบุรุษอื่นได้เห็นอันอันในอาภรณ์ชุดนี้ เขากลับรู้สึกว่าไม่ชอบใจนัก
"ถอดอาภรณ์นั่นออกเสีย"อันอันยกมือขึ้นกระชับเสื้อคลุมที่คลุมทับไหล่บางอีกชั้น ดวงตาแสดงความฉงน ไม่เข้าใจในท่าทีขึ้งโกรธของอีกคน
"ข้าบอกให้ถอดอาภรณ์นั่นออกเสีย"น้ำเสียงอ่อนลงเบือนหน้าหนีจากอกอิ่มที่เขาอยากจะมองมากกว่าเบือนหน้าหนี
"ทำไมกัน ก็อาภรณ์นี่ฝ่าบาทเป็นคนประทานมาให้" นึกน้อยใจว่า ไม่อยากให้อันอันสวมอาภรณ์งดงามตัวนี้หรือไร อินจิ๋นถอนหายใจยาว
"นั่นล่ะ ข้าไม่อยากให้เจ้าสวมมัน แล้วนี่อาภรณ์ชุดใหม่ที่ข้านำมาด้วยเปลี่ยนไปสวมใส่ตัวนี้แทน”
วางอาภรณ์ลงบนโต๊ะก้าวขาออกจากห้องไปในทันที จะบงการสิ่งใดย่อมได้เสมอก็เขาเป็นฮ่องเต้นี่อันอันจะกล้าขัดบัญชาหรือไร
อันอันหยิบอาภรณ์ตัวใหม่ขึ้นมาสวม อาภรณ์ในแบบจี๋ฝูเผา ผ่าข้างที่มีกระดุมปิดมิดไปถึงลำคอส่วนด้านล่างคลุมยาวมาถึงน่อง
อันอันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก็ดีแล้วแค่นางหน้าพระพักตร์จะงดงามไปทำไมกัน สวมอาภรณ์ในแบบจี๋ฝูเผา ก้าวเดินออกจากห้องไปในทันที
“นายหญิงเจ้าขา ฝ่าบาทเชิญนายหญิงที่ท้องพระโรงทันที”
“ข้าไม่ต้องจัดการเรื่องการต้อนรับหรือไร”เอ่ยปากถามนางกำนัล
“ฝ่าบาทบอกว่าเมื่อคืนนายหญิงนอนดึก เกรงว่าวันนี้จะไม่ไหวไหนจะต้องคอยรับใช้ฝ่าบาท ฝ่าบาทจึงให้ขันทีพิธีการรับหน้าที่ไปแล้วนายหญิงแค่เพียงไปร่วมงานต้อนรับองค์หญิงใหญ่ ที่ท้องพระโรงพร้อมกับฝ่าบาทและเหล่าขุนนาง”
อันอันยิ้มบางๆ ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ท้องพระโรงคราคร่ำไปด้วยเหล่าขุนนางที่จับกลุ่มพุดคุย อินจิ๋นนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรอย่างสง่างาม ข้างๆ เสี่ยวจื้อยืนก้มหน้า
“อันอัน มานี่”เหมือนกับคอยอยู่ตลอดเวลาว่า อันอันจะเข้ามาตอนไหน อันอันดึงชายกระโปรงก้าวขาเข้าไปในท้องพระโรงเหมือนที่เคยทำเป็นประจำ ไม่มีอะไรพิเศษ ไม่มีอะไรตื่นเต้น ไม่มีใครมองมา มีเพียงหน้าที่ตรงหน้าให้ต้องทำ พื้นที่ข้างๆ อินจิ๋นยังว่างอันอันก้าวขาไปยืนตรงนั้น
“อืมชุดนี้เหมาะกับเจ้าเสียจริง”อันอันประสานมือเช่นเคย อินจิ๋นรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ที่ไม่เห็นอันอันย่อกายงดงามเช่นเดียวกันกับเมื่อคืนที่ผ่านมา
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
“เสี่ยวจื้อให้นางกำนัลนำอาภรณ์ชุดนั้นที่ห้องของนางหน้าพระพักตร์อันอันไปเผาทิ้งเสีย”เสี่ยวจื้อทำสีหน้างงงัน
“อาภรณ์ชุดไหนกันฝ่าบาท”จึงถามเพื่อความกระจ่าง
“ชุดฮั่นฝูสีขาวขลิบฟ้าตัวนั้น” อันอันถอนหายใจ
“ฝ่าบาทอาภรณ์นั่น เป็นผ้าเนื้อดีจากทางเหนืออีกอย่างราคาค่อนข้างสูง”
“ข้าบอกให้เผาก็เผา”อันอัน ไม่ได้รู้สึกอะไร หลายอย่างที่อินจิ๋นทำมักไร้เหตุผลเสมอ เสี่ยวจื้อหันประกระซิบกับนางกำนัลก่อนที่นางจะออกจากท้องพระโรงซึ่งไม่ต้องสงสัยว่าไปทำอะไรนางก็คงนำอาภรณ์งดงามยั่วยวนตัวนั้นไปเผาเสียตามบัญชาของคนไร้เหตุผลนามอินจิ๋น
“ขบวนราชทูตแคว้นฉี เดินทางมาถึงแล้วววววว”เสียงขันทีพิธีการขานขึ้นดังๆ ขุนนางที่กำลังจับกลุ่มคุยกันกลับเงีบยเสียงหันหน้ามายังทางเดินทอดยาว มุ่งสุ่ใจกลางท้องพระโรงที่ด้านบนสุดเป็นบัลลังก์มังกรสูงสง่า
“อือหือ อ่าาาา”เสียงแซ่ซ้องเมื่อเห็นว่า ขบวนราชทูตที่เดินเข้ามามีหญิงงามราวเทพีสวรรค์ สวมใส่อาภรณ์สีแดงบ่งบอกถึงความนัยย์บางอย่าง ชุดฮั่นฝูที่สวมใส่ พลิ้วไหวงดงามรับกับใบหน้า ริมฝีปากแต้มด้วยชาดสีแดงเข้ม อวบอิ่มจนน่าจุมพิตยิ่ง อกอวบถูกดันออกมาล้ำหน้ากว่าสิ่งอื่นใด เอวคอดกิ่ว สะโพกกลมมนบั้นท้ายงอนงามจนสะดุดตา อินจิ๋นเหลือบตามององค์หญิงใหญ่แคว้นฉี อันอันยิ้ม แบบนี้ช่างตรงตามความนิยมของอินจิ๋นยิ่งนักคืนนี้หรือคืนไหนสักคืนอันอันคงไม่ต้องเหนื่อยในการจัดหานางใน ไม่วันไหนก็วันไหนอินจิ๋นจะต้องรวบหัวรวบหางองค์หญิงใหญ่ที่ทอดสะพานเพียงนี้แต่จะว่าไปอินจิ๋น ไม่ชอบหญิงที่มักจะยั่วยวนเกินงามเขามักจะนิยมหญิงที่มีท่าทีชดช้อยและอ่อนหวานน่าถนุถนอมมากกว่า อันอันเผลอยิ้ม อยากรู้จริงว่าใครกันส่งข้อมูลความนิยมของอินจิ๋นให้กับองค์หญิงใหญ่ แล้วยังอยากจะรู้ว่าอินจิ๋นจะแพ้ทางให้กับองค์หญิงใหญ่ผู้นี้หรือไม่ ในเมื่อนางเดาใจอินจิ๋นถูกแปดในสิบส่วน
“องค์หญิงใหญ่ชิงซีถวายพระพรฝ่าบาท”น้ำเสียงดุจระฆังทอง ดวงตาหวานหยดทว่าไม่สบตาอินจิ๋น อันอันยิ้มนางถูกเก้าส่วน รู้ว่าอินจิ๋นไม่ชอบหญิงงามที่ใช้สายตาเชิญชวน
“อันอัน”
อันอันก้มลงเอาหูแนบกับริมฝีปากอินจิ๋นเหมือนที่เคยทำ แต่ครั้งนี้อินจิ๋นกลับใกล้กว่าที่เคยลมหายใจอุ่นๆ รินรดที่สองแก้มเนียน
“เจ้าว่านางเป็นอย่างไรบ้าง”ชิงซีเหลือบตามองอันอันเพียงแว่บเดียว ก็มีท่าทีเป็นปกติ
“นางเป็นแบบที่ฝ่าบาทโปรดปราน”อันอันพูดตามที่คิด
“ข้าชอบนาง”
“ฝ่าบาท… แคว้นฉีเดินทางมาเจริญสัมพันธไมตรีในครั้งนี้ได้นำเครื่องบรรณาการ อันประกอบไปด้วยผ้าไหม หนึ่งหีบ แร่เงินสองหีบ เครื่องลายครามสองหีบ และเครื่องทองอีกหนึ่งหีบ พร้อมกันนี้ฮ่องเต้แคว้นฉีได้ ให้ความสำคัญกับไมตรีครั้งนี้อย่างมากจึงหมายใจว่า.. ฝ่าบาทจะไม่ปฏิเสธบรรณาการชิ้นสำคัญ คือองค์หญิงใหญ่อันเป็นที่รักของฮ่องเต้และชาวแคว้นฉี ในการนี้องค์หญิงใหญ่ได้เดินทางพร้อมเครื่องบรรณาการมาเพื่อถวายตัวกับฝ่าบาท”อันอันอมยิ้ม อินจิ๋นหลุบตามองพื้น
“ขอบพระทัยฝ่าบาทแคว้นฉียิ่งนัก ข้ายินดีรับเครื่องบรรณาการ”อันอัน ก้มหน้ามองมือตัวเอง อินจิ๋นกวักมือเรียกอันอันให้ก้มตัวลงไปให้เขากระซิบกระซาบ
“เจ้าว่านางจะยินดีให้ข้าทำเหมือนที่เคยทำไหม”อันอันยิ้มบางๆ
“นั่นอยู่ที่ฝ่าบาทว่าจะ..พอ กับสิ่งที่เคยทำมาเสียนานได้หรือยัง แต่อันอันคิดว่า ฝ่าบาทควรพอได้แล้ว”พูดไปยิ้มไปก็ในเมื่อนางเป็นถึงองค์หญิงจะไม่ให้เกียรตินางได้อย่างไร
“หากข้าพอ ก็คงต้องปลดเจ้าจากตำแหน่งไม่จำเป็นต้องใช้เจ้าอีกแล้ว”อันอันใจหายวาบแต่ทว่ากับ ยิ้มกลบเกลื่อนเสีย
“ข้าว่า จะต้องลองดูว่านางจะตรึงใจข้าได้ดีเพียงใด บางทีข้าอาจหยุดที่นาง”น้ำเสียงแหบพร่าเหมือนในทุกครั้งที่พบเจอหญิงงามถูกใจ
“อันอันหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”น้ำเสียงที่พยายามปรับให้เป็นปกติ
“อืม ข้ายังไม่พบใครที่ทำให้ข้าหยุดเรื่องนี้ได้ พนันกันไหมว่านางไม่อาจตรึงใจข้าได้”พูดยิ้มๆ
“ฝ่าบาทก็จะทำให้ตัวเองชนะพนัน โดยการบอกอันอันว่า ..อันอันคืนนี้ข้าต้องการหญิงงามคนใหม่…” อินจิ๋นยิ้ม ลุกขึ้นยืนก้าวเดินลงจากบัลลังก์ไปหยุดยืนตรงหน้า ชิงซี เอื้อมมือกุมมือชิงซีดึงให้ลุกขึ้นยืนมืออีกข้างเชยคางมน
“ข้าอินจิ๋นยินดีรับบรรณาการ แต่ยังไม่คิดจะมอบตำแหน่งใดในตอนนี้ ข้าให้เวลาองค์หญิงใหญ่ได้พยายาม หากองค์หญิงใหญ่สามารถทำให้ข้ายกตำแหน่งฮองเฮาให้นางได้ ข้าอินจิ๋นก็ไม่ลังเล แต่หากองค์หญิงใหญ่ไม่สามารถทำให้ข้าอินจิ๋นพอใจ ก็คงไม่อาจมอบตำแหน่งใดในวังหลวง”
ไม่สนใจผู้ใดเช่นเคยอินจิ๋นผู้ไม่แยแสผู้ใด
อันอันก้มหน้ามองมือตัวเองราวกับไม่เคยเห็นมัน ใจหล่นอยู่ที่ตาตุ่ม หรือไม่ดวงใจดวงน้อยก็หายไปแล้ว กลัวว่าชิงซีจะพยายามครองใจอินจิ๋นให้ได้