และมัน... มันขยับได้
เมื่อครู่นางไม่ทันได้สังเกต เพราะตามองหาแต่เพียงต้นสมุนไพร
เจ้าก้อนหินก้อนนั่น จู่ๆ ก็กลายเป็นร่างดำทะมึนขนาดใหญ่คล้ายกับว่ากำลังยืดตัวขึ้น ไม่ช้าก็ค่อยยืดจนสุดตัวกลายเป็นโครงร่างของคน แต่เป็นสัดส่วนที่ดูสูงผิดจากมนุษย์ทั่วไปเล็กน้อย
หรือนี่จะเป็นความน่ากลัวอย่างหนึ่ง ที่ศิษย์พี่กล่าวท้วงเอาไว้ก่อนนางเข้ามา
แต่แล้ว...เมื่อมี่ฮวนมองไปยังก้อนหินดำๆ ก้อนนั้น กลับพบว่าเจ้าก้อนดำก้อนนั้นกลับไม่ได้ดูน่ากลัวเสียทีเดียว แลดูอ้างว้างและโดดเดี่ยวอยู่ในที ราวกับเป็นสิ่งเดียวมาแต่กำเนิด เช่นนั้นก็คงไม่ต่างจากนางที่เกิดมาอย่างไรก็ไม่รู้ไร้ที่มาที่ไป
และแล้วความรู้สึกที่มี่ฮวนกำลังมีต่อเจ้าก้อนดำก้อนนั้นก็แตกสลายลงเมื่อร่างดำร่างนั้นพุ่งเข้ามาหานาง ทว่ากลับร่วงตกลงตรงพื้นข้างหน้าของนางไม่ถึงหนึ่งหลาดีด้วยซ้ำ
ก้อนดำก้อนนั้นหาใช่ก้อนหินไม่
แต่มันคือมนุษย์ แต่เป็นมนุษย์ที่ร่างสูงใหญ่เกินกว่ามนุษย์ทั่วไปเล็กน้อย
มี่ฮวนโล่งใจนักที่เจ้าก้อนดำก้อนนั้นมีโซ่ตรวนเส้นใหญ่อันยาวตึงมันเอาไว้อยู่ ไม่เช่นนั้นมันคงพุ่งเข้ามาหานางแล้วเมื่อครู่นี้
นางโชคดีอีกครั้งหนึ่ง
มี่ฮวนยกมือลูบอกของตัวเอง แทบกลั้นหายใจ แล้วทำท่าขยับเท้าถอยหลังออกไป จนติดผนังถ้ำ คิดว่าจะใช้วิธีใดพุ่งเข้าไปเด็ดต้นสมุนไพรต้นนั้นออกมาดี
“มาปลดปล่อยโซ่นรกนี่เสียที”
เสียงคำรามสั่งขึ้น มี่ฮวนยืนนิ่งรอดูทีท่าของก้อนดำร่างนั้น ที่แท้มันพูดภาษามนุษย์ได้ด้วย ทั้งๆ ที่ร่างของมันใหญ่โตเกินมนุษย์ทั่วไป นางนึกว่ามันคือปีศาจ อมนุษย์ อสูรกายหรืออะไรเทือกนั้นเสียอีก
“เจ้าเป็นใคร” เสียงแหบคำรามถามดังออกมาอีกประโยค
มี่ฮวนไม่พูดไม่ตอบคำใด นางถอยหลังออกมาอยู่ในจุดที่คิดเอาเองว่าคงไม่เป็นที่สังเกตมากนัก เพื่อที่นางจะได้สังเกตร่างดำโดดเดี่ยวร่างนั้นให้แน่ชัด ก่อนจะเข้าไปจัดการเจ้าต้นโม่วยีนั่น
เมื่อพบว่าไม่มีเสียงตอบกลับมา ร่างดำใหญ่ร่างนั้นก็โผกลับไปยังจุดเดิม ต้นสมุนไพรต้นนั้นไหวเล็กน้อยเมื่อแรงจากร่างนั้นปะทะเข้าหาขณะที่ร่างนั้นกระแทกตัวทรุดลงนั่งอย่างเดิม
มี่ฮวนจับจ้องว่าร่างดำโดดเดี่ยวร่างนั้นจะขยับอีกหรือไม่ พบว่าร่างนั้นขยับไปมาเป็นระยะ
พลันนั้นเองที่ข้างกายของนางรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตบางอย่าง นางขยับใบหน้าลงมองที่สิ่งนั้น แล้วพึมพำขึ้นมาเบาๆ อย่างรู้สึกผิด
“ขอโทษด้วยนะเจ้าตัวเล็ก”
นางพึมพำจบก็เบ้หน้าเล็กน้อย เมื่อคำว่า ‘ตัวเล็ก’ เสียดแทงเข้ามาในหัวใจของตนเองอย่างจัง รูปร่างแคระแกร็นเช่นนี้ นางมักโดนล้ออยู่บ่อยครั้ง แต่ช่างเถิดผู้ใดสนใจกันเล่า คิดได้อย่างนั้นแล้วก็คว้าหมับไปยังสิ่งที่เคลื่อนไหวข้างกาย
มี่ฮวนออกแรงสุดกำลัง โยนสิ่งนั้นเข้าไปให้ใกล้เจ้าร่างดำโดดเดี่ยวร่างนั้นให้ได้มากที่สุด
บางทีเจ้านั่นอาจจะหิว
หากใช้เวลากินอะไรสักครู่ มันอาจเลิกสนใจนาง
มี่ฮวนคิดเอาว่านางจะออกวิ่งไปเป็นจุดๆ เพื่อที่ว่าจะได้เข้าใกล้ต้นโม่วยีให้มากเข้า และอยู่ให้พ้นจากรัศมีของโซ่เหล็กนั้นด้วย เมื่อเข้าไปใกล้มากพอ นางก็จะได้คว้าของที่นางต้องการ แล้วออกไปจากตรงนี้ให้ไว
มี่ฮวนวักน้ำเข้าปากดื่มแก้หิว ไม่รู้ว่านางอยู่ในนี้มากี่วันแล้ว รู้เพียงว่า นางรู้แล้วว่าเจ้าร่างดำโดดเดี่ยวนั่นจะทำสิ่งใด เวลาไหนบ้าง
ประเดี๋ยวจะลงไปล้างตัวที่ตาน้ำตรงเบื้องล่าง
เจ้านั่นใช้เวลาราวข้อยามก็จะขึ้นไปสะบัดตัวบนแท่นหินประจำตำแหน่ง ช่วงเวลานี้นับว่าเจ้านั่นอยู่ห่างจากต้นโม่วยีนานที่สุด
เอาละ เจ้านั่นไถลตัวลงมาแล้ว
มี่ฮวนรีบใช้จังหวะนี้ เขยิบตัวอย่างเชื่องช้า เจ้านั่นไม่เห็นนางหรอก และนางก็ต้องรีบชะงักขาที่กำลังจะก้าวไปหาต้นโม่วยีเมื่อเห็นว่าร่างดำใหญ่ร่างนั้นชะงักตัว ก่อนจะนอนลอยที่บนผิวน้ำด้วยท่วงท่าสบายอารมณ์
มี่ฮวนเห็นเช่นนั้นนางรีบออกวิ่งไปคว้าต้นโม่วยีในทันที นางออกแรงดึงทีหนึ่งไม่หลุด
ช่างยากเย็นนัก!
มี่ฮวนออกแรงอีกที สองตาของนางก็คอยชำเลืองมองไปทางนั้น พบว่าร่างดำร่างใหญ่ยังนอนลอยตัวอยู่ก็เร่งรีบสุดชีวิต ออกแรงดึงจนสุดกำลัง หากเป็นเวลาที่เข้ามาในนี้ตั้งแต่ทีแรก นางคงเหลือเรี่ยวแรงที่จะเด็ดมัน แต่นี่นางไม่ได้กินอะไรเลย ไม่รู้กี่วันมาแล้ว แต่ก็ยังพอเหลือแรงอยู่บ้างล่ะน่า
มี่ฮวนฮึดสู้แล้วออกแรงอีกที พลันนั้นเองหูของนางได้ยินเสียงหินแตกตรงใต้เท้า มันมีรอยแยกแตกมากยิ่งขึ้น เจ้าต้นนั้นจึงค่อยๆ หลุดออกมา นางกระเด็นไปยังอีกทิศทางทันที พร้อมกับเจ้าร่างดำนั่นที่เริ่มรู้ตัวแล้วว่านางรุกล้ำเข้ามาในที่ของมัน
เพียงกะพริบตาเดียว ร่างนั้นก็โผขึ้นจากน้ำพุ่งตัวตรงมาทางนาง มี่ฮวนกำสมุนไพรในมือของนางแน่น หันหลังแล้วถลาไปด้านหลัง พร้อมกับหลับตาลงด้วยความหวาดเสียว เพราะกลัวว่าจะไม่พ้นระยะของโซ่ตรวน
หัวใจของมี่ฮวนไม่เคยเต้นแรงเท่านี้มาก่อน
นางถลาไปพร้อมกับนึกบทสวดภาวนาอยู่ในใจว่าขอให้ไปให้พ้นจากร่างดำร่างนั้น และแล้วนางก็หนีพ้น มี่ฮวนยืนติดอยู่กับหินตรงขอบถ้ำพอดี มันพอดีกับระยะของโซ่ตรวนที่ตึงรั้งร่างดำของเจ้านั่นเอาไว้
มี่ฮวนพ่นลมหายใจออกปากเบาๆ นางพึมพำด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงฟังให้ดีออกจะมีแววเยาะเย้ยเจ้านั่นด้วยซ้ำไป
“เจ้านี่น้า ช่างน่าสงสารยิ่งนัก”
ไม่ให้นางเยาะมันได้อย่างไร เจ้านั่นทำให้นางหิว ทำให้นางเหนื่อย มี่ฮวนเฝ้าคอยจังหวะเช่นนี้อยู่หลายวัน กว่าที่นางจะคว้าเจ้าต้นโม่วยีนั่นออกมาได้
มิคิดเลยว่าเพียงแค่นางหันหลังจะมุดกลับไปยังช่องทางเดิม กลับมีเสียงบางอย่างถูกปลดปล่อย มี่ฮวนใจหาย นางหันกลับไปมองที่ด้านหลังช้าๆ จึงค่อยพบว่าโซ่ตรวนเส้นใหญ่เหล่านั้นกำลังหลุดออกมา
“เจ้าสงสารใคร สงสารตัวเองเช่นนั้นหรือ”
เสียงแหบคำรามถามเจือเสียงหัวเราะในลำคอ พร้อมกับที่ร่างนั้นเคลื่อนเข้ามาหานาง
มี่ฮวนถูกร่างนั้นดึงเข้าหา พร้อมกับถูกพาเข้าไปอยู่ที่ใต้ร่างดำร่างใหญ่ร่างนั้น
“นี่เจ้า เจ้า เจ้า อย่าได้!”
นางร้องได้เพียงเท่านั้น ก็พบว่าร่างแคระแกร็นของนางถูกดึงทึ้งเสื้อผ้าออกจนหมดกาย ตามติดด้วยฝ่ามือร้อนราวไฟรุกรานนางทั้งกาย ก่อนจะตามมาด้วยความเจ็บปวดลึกซึ้งหลังจากนั้น