ตอนที่ 12 งานล่าสัตว์

1453 คำ
ป่าทางตอนใต้ของแคว้นหวง ดินแดนแห่งนี้แม้ในฤดูหนาวก็ไม่ได้หนาวเหน็บมากจนมีหิมะเฉกเช่นดินแดนทางเหนือ เป็นช่วงเวลาที่ใบชาจะพักตัวทำให้ไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้เหล่าผู้คนที่ทำเกษตรก็ได้พักยาวจนกว่าจะถึงฤดูเก็บเกี่ยวอีกครั้ง ช่วงเวลานี้จะเนืองแน่นไปด้วยเทศกาลมากมายทำให้ราษฎรได้ใช้เวลารื่นเริงเต็มที่ก่อนต้องกลับไปทำงานหนักอีกหน ทางวังหลวงเองก็มีการแบ่งปันข้าวสารซึ่งนำเข้ามาจากการค้าขายใบชาเพื่อจุนเจือผู้คนไม่ให้ขัดสน นอกจากนี้อากาศที่เพิ่งเริ่มเย็นลงจึงเป็นช่วงสุขสบายที่สุดของปี รอบด้านมีกระโจมของเหล่าผู้ใหญ่หลายตระกูลตั้งขึ้นเต็มไปหมดทั้งชายป่าถึงแม้จะเรียกว่างานล่าสัตว์เพื่อเซ่นไหว้ทวยเทพแต่ภาพที่เห็นในตอนนี้ไม่ต่างกับงานนัดสังสรรค์อวดบารมีของบรรดาขุนนางและคู่ค้าของแคว้นเสียมากกว่า “ไม่ต้องไปไหนเลย ถ้าไม่ติดว่าพี่เจ้าไม่อยู่รับหน้าแทน ข้าจะไม่พาเจ้ามาด้วยเลยจริงๆ เฮ้อ” คนที่กำลังถูกกล่าวถึงคือ ไป๋เย่เสวี่ย บุตรชายคนโตของแม่ทัพซึ่งทำหน้าที่รักษาการแทนบิดาที่อายุมากแล้วด้วยการบัญชาการทหารปกปักษ์ชายแดน เป็นเรื่องยากสำหรับพ่อแม่ที่ลูกชายคนเดียวต้องไปยังสถานที่ห่างไกล ส่วนลูกสาวตัวดีก็หาแต่เรื่องมาให้ไม่หยุดหย่อนทั้งที่เมื่อก่อนนางว่านอนสอนง่ายเพียงศึกษาตำราอยู่ในจวนอย่างสงบเสงี่ยมเยี่ยงสตรีทั่วไป แต่มาเพลานี้ทั้งซุกซนและออกไปสร้างเรื่องให้เขาปวดหัวตามใจชอบ เมื่อไม่นานมานี้เขาก็ได้ข่าวจากปากองค์รัชทายาทว่าพบกับบุตรีที่หอคณิกา ใต้เท้าไป๋ผู้เป็นพ่อแทบอยากจะยกเท้าขึ้นมาก่ายหน้าผากไม่ว่าเช่นไรก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นมิได้ แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าลูกตัวดีก็หลีกเลี่ยงไม่ยอมอธิบาย จะให้ตีด้วยหวายก็ทำไม่ลง “ท่านพ่อเมื่อไหร่จะเลิกโกรธเคืองข้าเสียทีเจ้าคะ” คนตัวเล็กถามเมื่อผ่านมาร่วมสัปดาห์ไป๋เฟยฉีก็ยังไม่ยอมให้อภัยทั้งที่ปกติเขาเป็นคนให้ท้ายลูกจะตาย “เมื่อเจ้าทำให้พ่อมั่นใจได้ว่าจะไม่ก่อเรื่องอีก” สายตาดุมองมายังคนตัวเล็กก่อนที่นางจะเสตาหลบไปในทันทียิ่งทำให้แม่ทัพเฒ่าทำใจสบายๆ ไม่ลง “ฮะๆ” คนงามทำได้เพียงยิ้มแห้งกลบเกลื่อน จะให้รับปากบิดาตนเองได้เช่นไรในเมื่อเรื่องที่นางกระทำไปวันนั้นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น “เฮ้อ เจ้าเข้าใจหรือไม่ว่าพ่อมีเพียงแค่พวกเจ้า พ่อไม่เคยหวังให้เจ้าได้เป็นพระชายา ได้อภิเษกหรือมีบรรดาศักดิ์ ขอเพียงให้เจ้ามีชีวิตยืนยาว มีครอบครัวที่พร้อมจะเป็นความสุขให้ เข้าใจที่พ่อพูดหรือไม่” สายตาดุเมื่อครู่อ่อนลงมาด้วยความเป็นห่วงที่มีต่อลูกสาว “…เจ้าค่ะ” เย่เซียวกลั้นน้ำตาไว้แทบไม่อยู่ เสียงหวานสั่นเครือยามเอื้อนเอ่ยรับคำ “ข้ารักท่านพ่อนะเจ้าคะ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นมา นางอยากกอด อยากขอโทษชายตรงหน้าอีกหลายร้อยครั้ง ที่ผ่านมานางไขว่คว้าหาความรักทั้งที่มีคนที่รักนางมากถึงเพียงนี้อยู่ใกล้แค่เอื้อม ‘ข้าที่มันโง่จริงๆ’ หนึ่งประโยคในใจมอบให้แก่ความตามืดบอดของตนในชาติก่อน “ใช้ลูกอ้อนไปก็ไม่ได้ทำให้พ่อใจอ่อนหรอก อย่าไปไหนเชียวรออยู่ดีๆ เล่า” ปากบอกว่าไม่ใจอ่อนแต่มือหนายังคงลูบหัวลูกสาวไปมาด้วยความเอ็นดู “ท่านพ่อก็ดูแลตัวเองดีๆ นะเจ้าคะ” เจ้าตัวน้อยอารมณ์ดีขึ้นมากจากไออุ่นนั้น “อืม” เขาขึ้นม้าและเคลื่อนตัวออกไปพร้อมเหล่าทหารอีกสี่นายก่อนที่จะหันกลับมามองร่างบางหลายหนด้วยความเป็นกังวล “เราก็ไปกันเถอะอิงอิง” เจ้าของรอยยิ้มที่เพิ่งจะโบกมือให้เจ้าของคำสั่งว่าอย่าไปไหนหันไปพูดกับบ่าวรับใช้ “จะไปไหนกันอีกเจ้าคะคุณหนู” สาวใช้คอตกเมื่อรู้ว่าลางสังหรณ์ของนายท่านถูกต้องเสียแล้ว “วันนี้ข้าไม่กลับไปมือเปล่าแน่” นางอุตส่าห์อ้อนวอนขอตามมางานล่าสัตว์ครั้งนี้โดนท่านพ่อตำหนิไปตั้งเท่าไหร่ อย่างน้อยก็ต้องบรรลุเป้าหมายให้ได้สักอย่าง “จะเป็นสิ่งใดเพียงแค่ร้องขอคุณหนูก็ได้มาโดยง่ายอยู่แล้วนะเจ้าคะ อย่าพาตัวเองไปลำบากเลย” สาวน้อยกล่าวด้วยความอ่อนใจหวังโน้มน้าวคนงามตรงหน้า “ไม่ทุกอย่างหรอกอิงอิง บางสิ่งที่ข้าเคยเสียไปแล้วครั้งหนึ่งข้าจะเสียมันอีกครั้งไม่ได้” ไป๋เย่เซียวกล่าวด้วยน้ำเสียงหม่น ครอบครัวที่รักนางยิ่งกว่าสิ่งใด เพราะนางรักแต่ตนเองไม่ยอมไปตามนัดและพวกเขาก็ยินดีจะไม่จากแผ่นดินบ้านเกิดไปโดยที่ไม่มีนางทำให้มีเพชฌฆาตออกคำสั่งสังหารพวกเขาอย่างโหดร้าย สุสานของตระกูลไป๋นางยังไม่มีโอกาสได้ไปเคารพ ศพของพ่อแม่ก็ไม่มีโอกาสได้เห็น หน้าที่ลูกครั้งสุดท้ายไร้ซึ่งวาสนาได้ทำ กลับมาครานี้เย่เซียวจะไม่มีทางยอมให้เกิดเรื่องเช่นที่ผ่านมาอีก อิงอิงทำได้เพียงเงียบไปเมื่อเห็นว่าคุณหนูที่เคยสดใสยิ่งกว่าตะวันมีท่าทางเศร้าสร้อย คุณหนูของนางต่างไปจากเดิมการกระทำก็คลุมเครือจนต่อให้เป็นคนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เล็กยังไม่เข้าใจ ร่างบางเดินเข้ามายังด้านในกระโจมก่อนจะบรรจงเขียนจดหมายส่งให้บ่าวตัวน้อยพร้อมทั้งแจ้งปลายทางและความประสงค์ของตน “อีกแล้วหรือเจ้าคะ” อิงอิงทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เมื่อได้ฟังเนื้อหาคำสั่ง “ข้าทำอะไรข้ารู้ดีทุกสิ่งเจ้าอย่าห่วงไปเลย” คนงามเอ่ยปลอบมิอยากให้คนสนิทกังวลมากนัก “ทราบแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้เช่นนางคงมิอาจทัดทานผู้เป็นนายได้ สุดท้ายแล้วดรุณีน้อยจึงเดินออกจากกระโจมไปจัดการตามที่ได้รับมอบหมาย อย่างที่รู้ว่างานนี้เป็นงานพบปะกันของเหล่าผู้มีอันจะกิน คู่รักหรือคู่ค้าเองก็เกิดขึ้น ณ งานล่าสัตว์ หวงซีซวนแม้เป็นองค์ชายแต่ทุกการใช้จ่ายย่อมจำเป็นต้องลงบัญชีและมีเอกสารชัดเจนถึงปลายทาง เขาคิดทำการใหญ่หมายกบฏจำต้องใช้ทรัพย์สินมหาศาลแล้วเงินทองพวกนั้นจะมาจากไหนได้ หากมิใช่จากท่อน้ำเลี้ยงเหล่านี้ คหบดีที่ค้าขายกับแคว้นมีทั้งระดับซื้อขายกับประชาชนทั่วไปได้แก่ใบชาและสมุนไพร แต่ถ้าเป็นเรื่องของอัญมณีจะถูกผูกขาดโดยฮ่องเต้ พ่อค้าที่เข้าไปทำการแลกเปลี่ยนได้ก็มิใช่ธรรมดา ผลประโยชน์หนึ่งที่พวกเขาจะได้รับจากการยืนอยู่ถูกข้างในสนามอำนาจคือการตอบแทนจากการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันในอนาคตซึ่งเรียกได้ว่าเกินคุ้ม “คุณหนู” ไม่นานบ่าวตัวน้อยก็กลับมาพร้อมกับคนด้านหลังที่เย่เซียวต้องการพบ “แปลกใจนิดหน่อยที่คุณหนูต้องการพบข้านะขอรับ” เจ้าของใบหน้าหมดจรดที่มีรอยยิ้มประดับอยู่เสมอก้มตัวทักทายอย่างเป็นกันเอง ดาวตาสีอ่อนคู่สวยได้มาจากเชื้อชาติของมารดาที่มิใช่คนแผ่นดินใหญ่ทำให้ร่างสูงตรงหน้าดูมีเสน่ห์ บวกกับนิสัยช่างเจรจาของเขาทำให้เป็นคนที่เข้าสังคมได้ง่ายและน่าสนทนายิ่งกว่าบุรุษหลายคนซึ่งวันๆ เอาแต่พูดจาโอ้อวด “คุณชายอัน นั่งก่อนเถอะเจ้าค่ะ” แขกผู้มาเยือนนั่งลงยังที่ว่างด้านข้าง เขาคืออันหลิวหยาง พ่อค้าอัญมณีผู้มีอายุน้อยแต่มากไปด้วยประสบการณ์ ราคาของหินมณีแต่ละก้อนที่เขาเป็นคนพิจารณาให้นอกจากจะเที่ยงตรงแล้วยังได้ราคามากกว่าเจ้าไหนๆ ไม่นานคงได้เป็นพ่อค้ารายใหญ่ส่งขายอัญมณีของแคว้นหวงไปสู่โลกกว้าง คนตัวเล็กมองไปยังด้านหลังที่นั่งก่อนจะพบว่าเขามาเพียงลำพังไร้ผู้ติดตาม พวกเขานั่งยังริมลำธารไม่ห่างจากกระโจมมากนัก แต่ว่าผู้ติดตามในตอนนี้มีเพียงอิงอิงทำให้เย่เซียวไม่ค่อยสบายใจเท่าใด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม