“จำเอาไว้เลยนะไอ้วัวนม นายมันทุเรศ!”
หญิงสาวรีบวิ่งไปยังรถ แล้วสตาร์ทหนี ทำเอาคนตัวใหญ่ยืนหัวเราะด้วยความสนุก ที่ได้กลั่นแกล้งคู่ปรับสาวสวยอย่างเธอ
เสียงเดินลงบันได มธุรดาเงยหน้ามองเห็นบิดาก้าวลงมา พร้อมกระเป๋าใบใหญ่ในมือ หญิงสาวเข้าใจในทันทีว่า ในนั้นคงบรรจุเงินไว้ไม่น้อยเลย
“พ่อจะไปไหนเหรอ” เธอถาม แล้วมองกระเป๋า
“พ่อติดต่อซื้อที่ไว้น่ะ จะเอาเงินไปวาง”
“ให้ดาไปด้วยไหม”
“ไม่ต้องหรอก พ่อไปแป๊บเดียวก็กลับ”
“ไปแบบนี้มันอันตรายนะพ่อ”
“โอ้ย! จะมาห่วงพ่อทำไม พ่อมันเจ้าถิ่นอยู่แล้ว”
มธุรดาขมวดคิ้วสีหน้าหนักใจ ต่อให้พ่อจะเป็นที่รู้จักแค่ไหน แต่คนสันดานไม่ดีมันก็มีอยู่ เราอยู่ในที่แจ้งมันอยู่ในที่ลับ ย่อมแตกต่างกัน
“แล้วมีใครไปด้วย”
กำนันมงคลระบายลมหายใจ
“มีดนัยมันไปด้วย หายเป็นห่วงหรือยัง”
คนฟังคลี่ยิ้ม อาดนัยเป็นคนเก่ง แถมฝีมือยิงปืนแม่นอีกต่างหาก ทำให้เธอเบาใจ
“หายแล้วค่ะ พ่อไปเถอะ”
“งั้นพ่อไปก่อนนะ”
กำนันก้าวลงบันได บุตรสาวมองตามด้วยความห่วงใย ก่อนเห็นรถเคลื่อนออกจากบริเวณบ้าน รถแล่นมาตามถนนลาดยาง เพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานที่นัดหมาย
ตลอดเส้นทางเงียบจนรู้สึกอึดอัด ทว่ากำนันมงคลกลับไม่นึกกลัว เพราะตนเองเป็นเจ้าถิ่นที่นี้มานับชั่วลูกหลานแล้ว คงไม่มีใครคิดชั่วกับเขาหรอก ทว่ายังไม่ทันไร รถกลับต้องหยุดลง เมื่อพบต้นไม้ใหญ่ขวางทางด้านหน้า ดนัยเปิดกระจกรถมองดู
“ต้นไม้ที่ไหนมันจะล้มอยู่แถวนี้” กำนันออกความเห็น
ดนัยสีหน้าเครียดขึ้น รีบล้วงปืนออกมา แล้วค่อยๆ แง้มประตูลงจากรถ
“กำนันไม่ต้องลงมานะครับ เดี๋ยวผมไปดูอะไรสักหน่อย”
“ได้”
ดนัยค่อย ๆ ย่อง กวาดตามองรอบบริเวณจนกระทั่งเดินไปถึงต้นไม้ล้ม เขาเหน็บปืนไว้ตรงเอว แล้วลากท่อนไม้เพื่อให้พ้นทาง แต่กลับได้ยินเสียงปืนแหวกอากาศแทน
ปัง! ปัง!
ดนัยถอยหลังมายังรถ แล้วปิดประตูลง กำนันหมอบตำเพื่อให้พ้นวิถีกระสุน
“เอายังไงดี พวกมันมากันเยอะไหม!” กำนันมงคลถามเสียงเครียด
“ผมไม่รู้เหมือนกันครับ ได้ยินเสียงพวกมันมาจากป่าข้างทาง ผมไม่แน่ใจเลย”
“ฝ่าไปได้ไหม!”
ดนัยสีหน้าเครียด
“กำนันจะฝ่าไหมล่ะครับ ผมจะลองฝ่าออกไปดู”
“ฉันไม่อยากโดนพวกมันยิงแบบนี้ อย่างน้อยก็ให้ได้เอาคืนมันบ้าง!”
ดนัยกัดฟันแน่นนึกแค้นเคือง ไอ้พวกไหนนกรู้ดีนัก
“เราค่อย ๆ ลงจากรถกันเถอะครับ”
“ได้ๆ” กำนันรับคำเสียงสั่น
สองร่างค่อย ๆ ก้าวลงอย่างระมัดระวัง เสียงปืนยังคงดังเป็นระยะ กำนันรีบก้มศีรษะก่อนล้มตัวหมอบกับพื้น คลานไปยังด้านหลังกับลูกน้องคนสนิท
“ผมว่าพวกมันมีไม่ต่ำกว่าสิบคนแน่ ถ้าไม่มีคนมาช่วยเราคงแย่แน่ ๆ ครับ” ดนัยบอก
“โทรหาตำรวจเลย!”
“มันคงช้าไป มาถึงคงได้เก็บศพเราไปแทน” พวกคนร้ายเอง แอบซ่อนจนแทบไม่เห็น
ป่าข้างทางดันเป็นเกราะป้องกันอย่างดี ถ้าโผล่มาให้เห็นสักนิด เขาคงเก็บร่วงหมดแล้ว
ทว่าไม่กี่นาทีต่อมา เสียงรถดังแว่ว กำนันชะโงกดูรู้สึกใจชื้น เมื่อจำได้ว่ามันเป็นของคนคุ้นเคยกันดี ดนัยยิ้มด้วยความโล่งอก
ปัง! ปัง!
เสียงต่อสู้กันดังลั่น พร้อมกับเสียงแตกฮือของโจรที่แอบในป่า
“ระวังตัวกันด้วย ถ้าพวกมันเข้าไปในป่าไม่ต้องตามไป อันตราย!” เมธาสิทธิ์ตะโกนบอก
ชายหนุ่มรีบตรงไปยังคนถูกปล้น แล้วพยุงกำนันมงคลให้ลุกยืน ก่อนกวาดตามองรอบ ๆ ด้วยความระแวง เพราะไม่แน่ใจว่าพวกมันจะกลับมาปล้นอีกหรือเปล่า
“เป็นอะไรกันหรือเปล่าครับ!” เขาถามรัว
“ไม่เป็นไรสิทธิ์!”
“กำนันกับอาดนัยรอผมตรงนี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมไปดูลาดเลาก่อน”
“ได้ ๆ” กำนันรับคำ
เมธาสิทธิ์ก้มต่ำ แล้วกำปืนแน่น เร่งฝีเท้าไปยังบริเวณที่คาดว่าพวกมันแอบซ่อนอยู่ เห็นพงหญ้าสูงไหวสั่น จึงเล็งปืนตรงนั้น
ปัง!
“โอ้ย!” เสียงโจรร้องลั่น ล้มกองกับพื้น
สักพักได้ยินพงหญ้าสั่นไหวอย่างรุนแรง เมธาสิทธิ์โบกมือไม่ให้ลูกน้องติดตาม ดวงตาคมกริบหรี่มองไปยังชายปิดบังใบหน้า ตรงต้นคอมีรอยสักรูปมังกร ซึ่งเขาเคยเห็นมันมาก่อน กราบถูกขบแน่นแววตาวาววับ ความไม่พอใจแล่นพล่าน ไอ้พวกนี้ อย่าให้จับได้คาหนังคาเขา ถึงขนาดกล้าปล้นกำนันมงคล คงคิดการณ์ใหญ่ไว้สินะ
“พวกเราพอแล้ว ไปลากไอ้คนเจ็บในพงหญ้ามาหน่อย!” เมธาสิทธิ์ตะโกนสั่งลูกน้อง
โจรรูปร่างสันทัดถูกลากออกมา พร้อมกับใบหน้าที่ถูกคลุมไว้ด้วยผ้า มันพยายามเมินหนีไม่ให้ใบหน้าต้องถูกเปิดเผย แต่ไม่เป็นผล เมธาสิทธิ์กระชากผ้าคลุมออกจ้องมองมันที่กำลังหลุบมองต่ำไม่กล้าสบตา ตรงหัวเข่ามีเลือดสีแดงสดไหลออกมาสร้างความทรมานอย่างร้ายกาจ
เขาย่อกายลงจ้องหน้ามัน ใบหน้านี้คุ้นเคยดี เคยเห็นที่ตลาด เคยขับสวนกันมาก่อน ยังกล้าลงมือกับคนบ้านเดียวกันอีก ลูกน้องไอ้ชัยวัตร
“ใครสั่งให้แกปล้นกำนันมงคล” เขาถามเสียงเข้ม
“ไม่มี! ผมทำเอง!” มันร้องบอก
ผลั่ก!
เท้าเสยไปที่ปลายคาง จนมันล้มลง เลือดไหลกลบปาก โจรพยุงกายลุกขึ้นมา
“ไอ้เวรเอ้ย ทำมาหากินสุจริตไม่ทำ เสือกเป็นโจร ไม่อายพ่อแม่มึงบ้างหรือไง!” กำนันตวาดลั่น ในอกเดือดพล่านด้วยความโกรธ
“แกชื่ออะไร” เมธาสิทธิ์ถามเสียงเข้ม
“ผมชื่อมัดครับ”
“แกเป็นลูกน้องไอ้ชัยวัตรใช่ไหม”