ย้ายบ้าน

2064 คำ
ตั้งแต่อุสาวดีจากไป นางปวีณาเทียวเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยๆ ก่อนงานทำบุญร้อยวัน นางขออนุญาตคุณหมอออกจากโรงพยาบาล ทั้งที่ยังไม่แข็งแรง อาการซึมเศร้าเสียใจยังมีอยู่ อานนท์ทำหน้าที่รับส่งทุกคน ช่วงที่นางปวีณาเข้าโรงพยาบาล เขาอาสามานอนเป็นเพื่อนปรางทิพย์ เพราะเห็นว่าอยู่กันแค่สามคน ปรางทิพย์ พยาบาล และก้องภพ เมื่อนางปวีณาออกจากโรงพยาบาล เขาก็กลับไปนอนที่คอนโด เป็นแบบนี้เรื่อยมา “แม่คะพรุ่งนี้ปรางจะพาแม่ไปดูบ้านใหม่ อยู่แถวนนทบุรีนะคะแม่ บ้านนี้ก็ประกาศขาย แม่ว่ายังไงคะ” “ก็ดีลูก แล้วเราจะย้ายกันยังไงของเยอะแยะเลย” “บางส่วนปรางไม่เอาไปนะคะแม่ พวกเฟอร์นิเจอร์ปรางซื้อใหม่ ปรางจะไปแต่ตัวกับเสื้อผ้า และของมีค่าเท่านั้น แต่ถ้าแม่อยากได้อะไรไปก็บอกนะคะ ปรางจะได้ติดต่อรถมาขน” “แม่ไม่อยากได้อะไรหรอก เอาแค่เสื้อผ้าของที่มีค่าไปก็พอ ที่เหลือก็แถมเจ้าของบ้านคนใหม่เขาไปก็แล้วกัน” “แล้วปืนล่ะลูก แม่ไม่อยากให้หนูเก็บไว้เลย” “ไม่ต้องห่วงค่ะแม่ พอคุณอานนท์คืนมาปรางก็ขายหมดแล้ว เหลือไว้แค่กระบอกเดียว” “ดีแล้วลูก ดีแล้ว แล้วคนบ้านโน้นมาวุ่นวายไหม” “ไม่ค่ะแม่ หายเงียบไปเลย ดีแล้วค่ะแม่”ปรางทิพย์ตอบนางปวีณาไปแต่ภายในใจยังหวั่น “หนูปรางลูก แม่ถามตรงๆว่าถ้าคุณดารารายกับปราโมทย์มาพูดคุยดีๆหนูจะว่ายังไงเรื่องของตาก้อง ส่วนตัวแม่ว่าเขามีสิทธิ์เต็มที่นะ ถ้าว่ากันตามตรงเราสู้เขาไม่ได้เลย และแม่ไม่อยากให้ต้องมีเรื่องมีราวฟ้องร้องกัน” “ปรางคิดอยู่ค่ะแม่ จริงๆปรางเข้าใจทุกอย่างเลย แต่แค่เมื่อแรกๆปรางโกรธที่เขามาหลอกอุสา และไม่เชื่อว่าตาก้องเป็นลูก ปรางสงสารน้อง ปรางรู้ว่าเขาต้องการลูก แต่เขาไม่ควรใช้วิธีนี้ แล้วปรางก็ไม่รู้ว่ามารตีจะรับตาก้องได้ไหม เขาจะเลี้ยงหลานเราดีไหม” “แม่เชื่อว่ายังไงมารตีก็ต้องยอม เพราะเขารักปราโมทย์ ถึงขนาดยอมให้สามีไปมีผู้หญิงอื่น ยังรับได้เลย และที่สำคัญเขามีลูกไม่ได้ไม่ใช่เหรอ” “ปรางไม่รู้เหมือนกันค่ะแม่ ไม่มี หรือมีไม่ได้ กลัวว่ารับตาก้องไปแล้วเกิดมีลูกอิจฉาขึ้นมาล่ะ ตาก้องมิเป็นหมาหัวเน่าเหรอคะแม่” “เอาเป็นว่าถ้าเขามาดี ปรางก็พอที่จะคุยกับเขาดีๆได้ใช่ไหมลูก แม่ไม่อยากให้มีเรื่องทะเลาะกันอีก” “ปรางรู้นะคะแม่ว่า ถ้าตาก้องไปอยู่กับทางโน้น เขาจะมีอนาคตที่ดีทุกอย่าง แต่ว่าขอปรางทำใจหน่อยได้ไหมคะ ปรางรู้ว่าตาก้องโตขึ้นทุกวัน แม่ก็แรงน้อยถดถอยลงทุกวันเหมือนกัน และการที่เราจะจ้างพยาบาลมาดูแลตาก้องตลอดเวลา ปรางก็จะไม่ไหวเผื่อแม่ไม่สบายขึ้นมาอีก ปรางบอกตรงๆว่าเงินที่เก็บไว้ปรางก็เอาไปลงที่บ้านใหม่เกือบทั้งหมด ลำพังเงินเดือนปราง ดูแลเลี้ยงแม่ได้สบายๆแต่ถ้าตาก้องโตขึ้นเราต้องอยู่กันอย่างประหยัด ถ้าเราขายบ้านหลังนี้ได้เร็วก็คงดีนะคะแม่” “เรื่องเงินทองก็สำคัญ นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง คุณดารารายกับปราโมทย์คงไม่ยอมให้ลูกเขาหลานเขาลำบาก” “เข้าใจค่ะแม่ ปรางว่าอีกไม่นานเขาคงส่งทนายความ มาเจรจาแน่นอน จริงๆปรางทำใจไว้บ้างแล้ว รู้ค่ะว่าที่ผ่านมาทำนิสัยไม่ดี เราเสียน้องไปทั้งคนนะคะ ” “แม่รู้ลูก แม่เองก็เสียใจไม่น้อยกว่าปรางหรอก เดี๋ยวเราค่อยคุยกันนะลูก แม่เหนื่อยแล้วว่าจะนอนพักสักหน่อย” นางปวีณาขอตัวเข้าห้องเพื่อพักผ่อน ปรางทิพย์แวะเล่นกับหลานสักพัก และขึ้นห้องเพื่อพักผ่อนเหมือนกัน เอาจริงๆเธอแทบจะไม่ค่อยได้อยู่พูดคุยหรือเล่นกับหลาน ส่วนมากตาก้องจะอยู่กับพยาบาลมากกว่า หลังงานทำบุญร้อยวันอุสาวดี เธอเองก็ยุ่งกับเรื่องบ้านใหม่ ยุ่งกับเรื่องการประกาศขายบ้าน และเริ่มเก็บของเตรียมย้ายไปบ้านใหม่ ประกอบกับห่วงอาการของแม่ ช่วงนี้อานนท์ไม่ได้มาที่บ้าน เขาบอกว่าอยากให้เธอได้อยู่กับแม่และหลาน แต่เขายังโทรและไลน์หาเรื่อยๆ เธอตอบบ้างไม่ตอบบ้าง แปลกใจนิดหน่อยว่าอยู่ๆเขาก็หายไป จากปกติเขาจะคอยอยู่ช่วยเธอทำโน้นทำนี่ตลอด ก็เข้าใจได้ว่างานของอุสาวดีก็เสร็จเรียบร้อยไปนานแล้ว งานทำบุญร้อยวันก็เสร็จเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน ไม่มีอะไรที่เขาจะต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับเธอ ถูกแล้วที่เขาหายไป คิดได้แบบนั้น เธอก็ไม่ได้นึกถึงอานนท์อีกเลย หลังจากนั้นอีกหนึ่งสัปดาห์ ปรางทิพย์พานางปวีณา ก้องภพย้ายเข้าไปอยู่บ้านหลังใหม่ ที่อยู่ไกลจากที่เก่ามาก ถึงจะอยู่ติดกรุงเทพฯ ก็เหมือนอยู่คนละฝั่งกันเลย บ้านเก่าของเธอติดประกาศขาย โชคดีที่หางานใหม่ได้เร็วมากแถมงานใกล้บ้าน ทุกสิ่งอย่างดูเหมือนเป็นการเริ่มต้นใหม่ ปรางทิพย์จ้างพยาบาลหนึ่งคนไว้คอยช่วยดูแลก้องภพและนางปวีณา นางปวีณาเริ่มสดใสและแข็งแรงขึ้นมาก เมื่อย้ายออกมาจากบ้านหลังเก่า มาอยู่บ้านหลังใหม่ ตลาดสดใหม่ ห้างสรรพสินค้าใหม่ การใช้ชีวิตในที่ใหม่ ทุกสิ่งอย่างภายในบ้านใหม่หมด ไม่ต้องเจอกับอะไรเดิมๆทำให้สองแม่ลูกจิตใจดีขึ้นมาบ้าง แต่ไม่เคยลืมเรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้นกับอุสาวดี ไม่นานนางปวีณากลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม สามารถอุ้มหลานเลี้ยงหลานได้ปกติเหมือนที่เคยทำมา ปรางทิพย์ยังไม่ไว้ใจนัก ยังคงจ้างพยาบาลไว้คอยดูแลแม่และหลานเหมือนเดิม ปรางทิพย์ได้งานใหม่ งานคล้ายที่บริษัทฯเก่า งานเยอะกว่าเดิมมาก ออกจากบ้านแต่เช้า กลับบ้านค่ำมืด หยุดวันอาทิตย์วันเดียว เลือกไม่ได้ต้องทำ โชคดีที่ที่ทำงานใกล้บ้าน เธอไม่ต้องขับรถไปทำงาน นั่งรถเมล์สายเดียวก็ถึง ใกล้โรงพยาบาล ใกล้วัด ใกล้โรงเรียน สะดวกสบายทุกอย่าง วันนี้เป็นวันเสาร์ พรุ่งนี้เป็นวันหยุดของเธอ ปรางทิพย์แวะห้างสรรพสินค้า เพื่อซื้อของใช้ภายในบ้าน นมและของใช้ของหลานชาย กว่าจะซื้อของเสร็จกลับถึงบ้านทุกคนคงกินข้าวเย็นกันหมดแล้ว หญิงสาวเลยเลือกที่จะกินข้าวก่อน เธอชอบอาหารญี่ปุ่น ชอบใจที่ห้างใกล้บ้านมีร้านอาหารญี่ปุ่น เธอชอบไปไหนมาไหนคนเดียว เวลากินก็กินคนเดียว รู้สึกมีความสุขดี ไม่ได้รู้สึกเหงาอะไร กลับชอบซะอีก คล่องตัวกว่าเวลาที่มากันหลายๆคน ไม่ต้องรอใคร ปรางทิพย์เลือกนั่งโต๊ะที่หันหน้าออกไปหน้าร้าน สั่งอาหาร ระหว่างที่รอนั่งมองโน้นนี่ไปเรื่อยๆ สายตาไปปะทะกับผู้ชายร่างสูงผิวขาว คุ้นตาเหลือเกิน ผู้ชายคนนั้นกำลังประคองผู้หญิงที่มาด้วยกันอย่างทนุถนอม พาเดินเข้ามาภายในร้านอาหารญี่ปุ่น เธอมักยินดีเสมอเมื่อเห็นคนรักดูแลกันดี ดูท่าทางผู้ชายมองไกลๆรักผู้หญิงมาก แต่ยิ่งมองยิ่งคุ้นรูปร่างที่สูงใหญ่ ผิวขาวนั่น เหมือนมีก้อนอะไรมาจุกที่บริเวณลำคอของเธอ อานนท์ เธอเข้าใจแล้วว่าที่เขาหายไปไม่ติดต่อเธอกลับมาเกือบเดือน คงเพราะแบบนี้นี่เอง ผู้หญิงของเขาสวยมาก สวยแบบบรรยายไม่ถูกเลยจริงๆรูปร่างหน้าตากิริยาท่าทาง สองคนนั้นเหมาะสมกันมาก อะไรทำให้ไม่อยากนั่งกินอาหารที่ร้าน แต่ต้องกินเพราะสั่งอาหารมาแล้ว พนักงานยกอาหารมาวางบนโต๊ะ ยกเลิกก็ไม่ทัน ลุ้นว่าสองคนจะนั่งโต๊ะไหน อานนท์นั่งห่างจากโต๊ะของเธอไปหนึ่งโต๊ะ ถ้าไม่มีคนนั่งโต๊ะตรงหน้าเธอ คงเป็นเขา โชคดีที่เขาไม่ได้สังเกตุและนั่งหันหลังให้เธอ ห่างกันแค่โต๊ะกั้น ยิ่งผู้หญิงคนนั้นมานั่งใกล้ๆปรางทิพย์ที่ไม่เคยสนใจใคร แต่รู้สึกอิจฉาความสวยของเธอคนนั้น ถึงเธอจะไม่ได้ยินว่าสองคนนั้นพูดคุยอะไรกันบ้าง ท่าทางของทั้งสองใครเห็นก็รู้ว่าเป็นแฟนกัน แบบนี้นี่เองที่ทำให้เขาหายไปจากชีวิตของเธอ ปรางทิพย์นึกถึงคำพูดของเขาที่บอกว่าจะหาเวลาไปชิมอาหารที่เธอทำ นึกถึงคำพูดของเขาที่บอกว่า หวังดีกับครอบครัวเธอ ก็แค่ลมปากของเขาพูดไปเรื่อย จะอะไรก็ช่างเถอะ ป่วยการจะกลับไปคิดหาเหตุผล ว่าเขาเอาตัวเข้ามาสนิทสนมกับครอบครัวเธอทำไม เขากับเธอก็แค่บังเอิญมาเจอกัน หญิงสาวรีบกินรีบอิ่มรีบจ่ายเงิน รีบเดินออกไปจากร้านอาหารญี่ปุ่นทันที เขาจำเธอไม่ได้หรอก ตั้งใจเดินออกไปเงียบๆ “มองอะไรคะพี่นนท์ ใครเหรอคะ”อรกันญามองตามสายตาของพี่ชาย ทันได้เห็นหลังผู้หญิงที่ดูเหมือนว่าใส่ชุดยูนิฟอร์มของบริษัทฯรูปร่างสูงโปร่งถือของรุงรังเดินเร็วออกไปด้านหน้าร้านอาหาร “กันญารอพี่อยู่ที่นี่แป๊ปนะ เดี๋ยวพี่กลับมา” อรกันญาตกใจกับท่าทางของพี่ชายที่ดูทั้งดีใจและตกใจ เมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เดินผ่านโต๊ะของเธอไป เธอสังเกตเห็นตั้งแต่เข้ามานั่งที่โต๊ะได้สักพักแล้ว ผู้หญิงท่าทางมั่นใจ มองบางมุมสวยมาก บางมุมน่ารัก บางมุมเท่ ไม่ใช่คนที่สวยจัด ผู้หญิงแบบนี้มองไม่เบื่อ ขนาดเธอเป็นผู้หญิงยังแอบมอง แล้วพี่ชายเธอจะเหลือไหม แปลกใจว่าสองคนนี้ต้องรู้จักกันแน่ๆ พี่ชายเธอถึงกับรีบลุกตามผู้หญิงคนนั้นออกไปอย่างเร็ว “คุณ.....คุณครับ ปรางทิพย์ ปรางทิพย์รอผมก่อนได้ไหม”อานนท์ต้องวิ่งมาดักหน้าของหญิงสาวเอาไว้ ไม่งั้นปรางทิพย์ไม่หยุดเดินแน่นอน “ปรางทิพย์ คุณมาที่นี่ได้ยังไง คุณนั่งอยู่ในร้านนานแล้วหรือยัง แล้วทำไมไม่ทักกันบ้างเลย นี่คุณหายไปไหนมา ผมไปหาคุณที่บ้าน คุณบล็อคเบอร์ผมทำไม เห็นแต่ป้ายประกาศขายบ้าน ถามเจ้าของบ้านใหม่เขาก็ไม่รู้ว่าคุณย้ายไปอยู่ที่ไหน นี่ผมดีใจมากเลยนะ” “ปรางทิพย์พูดกับผมบ้างได้ไหม”อานนท์เดินไปดักหน้าหญิงสาวที่พยายามจะเดินหนีเขา “ฉันไม่ว่างค่ะ จะรีบไปซื้อของ “ “คุณใช้เบอร์เดิมใช่ไหม นี่คุณโกรธอะไรผมเนี้ย” “เรื่องอะไรที่ฉันต้องโกรธคุณ” “ก็ทำไมไม่หยุดคุยกันดีๆล่ะ นี่ผมตามคุณมาไกลแล้วนะ” “แล้วคุณจะตามฉันทำไม” “ปรางทิพย์ คุณเป็นอะไร นี่คุณตั้งใจหนีหน้าผมเหรอ” ปรางทิพย์เกือบจะพูดออกไปว่า ใครกันแน่ที่หนีหน้า แต่หยุดไว้ทัน เธอนิ่งเสียไม่ยอมพูดอะไร ตกใจที่อานนท์เข้ามาแย่งถุงอาหารที่เธอถือรุงรัง เอาไปถือไว้เอง “นี่คุณอย่ามายุ่งกับฉันนะ เราไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องคุยกันแล้ว” “คุณไม่มีแต่ผมมี” “ห่ะ.....เอ๊ะ คุณปล่อยฉันนะคะ "ปรางทิพย์ตกใจที่มืออีกข้างของอานนท์ ยึดข้อมือของเธอไว้แล้วพาเดินกลับไปที่ร้านอาหารที่เธอเพิ่งออกมาเมื่อสักครู่ พยายามดึงมือกลับ แต่มือเขาเหนียวกว่า
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม