ปรางทิพย์เงยหน้ามองคนที่มาห้ามเธอ อารมณ์ที่กำลังโกรธสองแม่ลูกนั่นอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งทำให้หญิงสาวโกรธเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ปรางทิพย์ดิ้นหวังจะเข้าไปหาสองแม่ลูก พร้อมคำพูดที่ใครก็ไม่คิดว่าเธอจะพูด
“นี่คุณจะบ้าเหรอปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันจะจัดการสองแม่ลูกนี้ มันทำให้น้องสาวฉันตาย ไอ้ผู้ชายหน้าตัวเมียมาได้แล้วเหรอ อะไรทำให้แกกล้ามา มาทำไม น้องฉันตายสมใจแกแล้วนี่อย่าหวังว่าฉันจะปล่อยให้แกเข้าไปไหว้ศพน้องฉัน ปล่อยนะคุณเรื่องอะไรมาจับฉันไว้เอาปืนฉันมาเดี๋ยวนี้นะ บอกให้ปล่อยไง”ปรางทิพย์ทั้งดิ้นทั้งด่า แต่มือของอานนท์ก็เหนียวเหลือเกิน
“อานนท์นี่มาอยู่ที่นี่เองเหรอ บอกนังผู้หญิงคนนี้หน่อยว่าอยากได้เงินเท่าไหร่ฉันยินดีจ่าย เรื่องจะได้จบๆแล้วก็เอาหลานฉันคืนมา ฉันจะเอาไปเลี้ยงเอง แหม....อยากได้เงินก็ไม่บอก ว้าย....อีบ้า”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดของคุณดาราราย ปรางทิพย์ดิ้นจนหลุดจากมือของอานนท์ ก้มลงถอดรองเท้า ทั้งสองข้างมาไว้ในมือ ขว้างใส่คุณดารารายและปราโมทย์ แม่นซะด้วย รองเท้าลอยไปปะทะระหว่างอกของคุณดาราราย ส่วนอีกข้าง ปราโมทย์หลบทัน ทำให้มันมันลอยเลยไปกระทบกับรถหรูของเขา เหตุการณ์ทุกอย่างผ่านไปเร็วมาก
“ไม่ไปใช่ไหม พวกแกไม่ไปกันใช่ไหม “ปรางทิพย์เอาความแค้นทั้งหมดใส่กับสองแม่ลูกเต็มที่ อิฐตัวหนอนที่วางเรียงรายอยู่กับพื้นก้อนใหญ่เหมาะมือ ปรางทิพย์ใส่ความโกรธความเกลียดทั้งหมด ลงไปที่หิน เธอขว้างมันสุดแรง โชคดีที่ปราโมทย์ฉุดแขนคุณดารารายวิ่งไปอยู่อีกด้านของรถทัน ทำให้หินสองก้อนลอยไปที่ประตูรถฝั่งซ้าย สองแม่ลูกลนลานรีบเปิดประตูรถ แล้วคนขับรีบขับรถออกไปทันที
อานนท์ยืนนิ่ง ไม่ห้ามและไม่พูดอะไร ในเมื่อห้ามไม่ได้เขาเลือกที่จะนิ่ง
นางปวีณาและคุณบุษบารีบวิ่งออกมาทันได้เห็น ว่าปรางทิพย์ขว้างอิฐใส่รถปราโมทย์ รู้ว่าต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่นอน ไม่งั้นลูกสาวนางคงไม่โกรธมากมายขนาดนี้ ภายในศาลาแขกหลายคนต่างก็ชะเง้อมอง
“ปรางลูก ปรางใจเย็นๆลูก นี่งานน้องนะ”นางปวีณาเข้ามากอดลูกสาว ปรางทิพย์ตัวสั่น
“มันดูถูกเรา แม่......มันบอกว่า จะเอาเงินฟาดหัวเราเรื่องจะได้จบ มันพูดขนาดนี้แม่จะให้ปรางทำยังไง ดีแล้วที่ปรางไม่ยิงมันทั้งสองคนให้ตามอุสาไป ปรางยอมติดคุกนะแม่ ปรางเกลียด ปรางเกลียดมันแม่”
คุณบุษบา เข้ามาจับมือทั้งสองข้างของปรางทิพย์เอาไว้ โอบกอดลูบหลังลูบไหล่เบาๆ
“หนูปราง พระท่านมาแล้ว ใกล้ได้เวลาแล้วลูก เข้าไปข้างในนะ แขกตื่นกลัวกันหมดแล้ว เข้าไปทำหน้าที่ของเรา ป้าเข้าใจ เข้าใจทุกอย่างเลย ให้มันผ่านคืนนี้ไปก่อนนะลูก ตาก้องรออยู่ข้างใน สงสารหลาน ป่ะลูกเข้าไปเถอะ”
คุณบุษบามองอานนท์ เห็นสายตาของเขา รู้ว่าลูกชายคิดอะไรอยู่ นางเห็นเหตุการณ์ตลอดตั้งแต่ดารารายกับปราโมทย์มา เห็นแล้วว่าปรางทิพย์เดินตรงมาหาสองแม่ลูก รู้ว่าปรางทิพย์ยิงปืนแม่น โล่งใจที่อานนท์เข้ามาห้ามทัน ไม่งั้นอาจมีเหตุร้ายเกิดขึ้นแน่
ปรางทิพย์สูดลมหายใจลึก ปาดน้ำตาขยับเสื้อผ้าให้เข้าที่ ลูบผมให้เรียบร้อย ตามคุณบุษบาเข้าไปในศาลา เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
คุณบุษบา สามี นางปวีณา นั่งเป็นประธานด้านหน้า ถัดมาเป็นปรางทิพย์ อานนท์นั่งใกล้ปรางทิพย์ กระเป๋าสีดำของเธออยู่กับเขา นางปวีณากระซิบบอกเขาว่า ลูกสาวยังมีปืนสั้นเล็กอีกกระบอกอยู่กับตัว ที่บ้านอีกหนึ่งกระบอก เขาสังเกตเห็นแล้ว ว่าคืนนี้ปรางทิพย์ใส่ชุดกระโปรงทรงสอบ ใส่คัทชูสูงใส่ถุงน่องดำและหนา เห็นแล้วว่ามีสายสีดำคาดอยู่ที่น่องข้างขวาของปรางทิพย์ ยอมใจผู้หญิงคนนี้
ปรางทิพย์ตกใจที่อยู่ระหว่างที่พระเริ่มสวด อานนท์นั่งลงใกล้ขาข้างขวาของเธอ ใช้มือทั้งสองข้างปลดปืนเล็กออกจากขาของเธออย่างรวดเร็ว มีเพียงนางปวีณา และคุณบุษบาเท่านั้นที่รู้ว่าเขาทำอะไร
ปรางทิพย์มองเขาอย่างไม่พอใจนัก พยายามระงับสติอารมณ์ ทั้งที่ภายในใจร้อนรุ่มมาก ใจของเธอมันเต้นแรง โกรธสองแม่ลูกที่เธอไล่ไปแล้ว ตอนนี้เธอเริ่มที่จะโกรธอานนท์ด้วยอีกคน อดทนจนกระทั่งพิธีกรรมสำหรับคืนนี้เสร็จสิ้นลง หลังส่งแขกคนสุดท้าย ทั้งหมดเตรียมตัวกลับบ้าน
“คุณปวีณา หนูปราง ป้ากลับก่อนนะลูก พรุ่งนี้จะมาใหม่ "
“ค่ะคุณป้า ปรางขอโทษนะคะที่แสดงกิริยาไม่ดีเลยวันนี้ ขอโทษอีกครั้งค่ะ”
“ป้าเข้าใจลูก เดี๋ยวค่อยคุยกันนะ”
“อานนท์ฝากส่งทุกคนด้วยนะลูก ถ้าดึกก็กลับไปนอนที่คอนโด ไม่ต้องกลับไปหาแม่”
“ครับแม่ เดินทางปลอดภัยครับ”
คุณบุษบากลับไปแล้ว อานนท์ยืนรอปรางทิพย์และนางปวีณาที่เข้าไปจุดธูปลา ไม่นานปรางทิพย์ก็ประคองนางปวีณาออกมา สองคนยืนมองคนดูแลปิดประตูศาลา ใจหาย ระหว่างเดินทางกลับบ้าน ภายในรถเงียบกริบ อานนท์นั่งคู่กับปรางทิพย์เหมือนเดิม เขารู้ว่าคนข้างๆพยายามปรับอารมณ์
ไม่นานทั้งหมดก็ถึงบ้าน ปรางทิพย์ตามเข้าไปดูหลานในห้อง อานนท์คุยกับนางปวีณาเรื่องอาวุธของปรางทิพย์และขออนุญาตบางอย่าง ซึ่งนางปวีณาอนุญาต เพราะคิดว่ามีอานนท์คนนี้คนเดียวเท่านั้นที่จะเตือนปรางทิพย์ได้ นางไม่ได้ห่วงเรื่องอื่น อยากให้อานนท์เก็บปืนของปรางทิพย์ไว้ ไม่อยากให้เกิดการสูญเสียอีก แค่อุสาวดีจากไป หัวใจของคนเป็นแม่ก็แทบจะไม่ไหวแล้ว
ปรางทิพย์แปลกใจที่อานนท์ยังไม่กลับ สงสัยว่าเขาคุยอะไรกับแม่ของเธอเป็นนานสองนาน
“แม่ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ หนูปรางคุณอานนท์มีเรื่องจะคุยกับหนู”
“ค่ะแม่ ระมัดระวังด้วยนะคะ "
ปรางทิพย์กำลังจะหย่อนตัวลงนั่งที่โซฟา อยู่ๆ อานนท์ลุกขึ้น เข้ามายืนใกล้จนเธอต้องถอยหลัง
“ปรางทิพย์ ไปเอาปืนที่เหลือมาไว้ที่ผม แม่คุณอนุญาตแล้ว ไปเอามาเดี๋ยวนี้เลย”
“ไม่ คุณอย่ายุ่งกับฉันได้ไหม และฉันขอของฉันคืนด้วย อุ้ย....”
มือใหญ่แข็งแรงของเขาคว้าข้อมือของเธอไว้ ออกแรงดึงพาเธอเดินขึ้นไปชั้นบนของบ้าน หญิงสาวจำต้องตามเขาไป
“คุณเก็บไว้ตรงไหน”
“ปล่อยฉันนะคะ คุณจะทำอะไร “
“ปรางทิพย์ นี่คุณไม่สงสารแม่กับหลานหรืออุสาวดีเลยเหรอ คุณคิดไหมว่าการกระทำของคุณจะทำให้เกิดการสูญเสียขึ้นอีก นี่แม่ของคุณเสียอุสาวดีไปแล้วหนึ่งคนนะ ถ้าหากว่าคุณเป็นอะไรไปอีก แม่กับหลานของคุณจะอยู่ยังไง คิดบ้างหรือเปล่า ผมรู้ว่าคุณยิงปืนแม่น แต่เรื่องนี้มันจะทำให้เกิดการสูญเสีย หรือคุณจะเสี่ยง “
“คุณจะมายุ่งกับฉันทำไม คุณก็เข้าข้างเขาอยู่วันยังค่ำ นี่ฉันยังไม่รู้เลยว่าคุณมาทำดีกับเราเพื่ออะไร ต้องการอะไร จะมาทำให้ฉันกับแม่ตายใจ แล้วคุณจะเอาตาก้องไปให้คนบ้านนั้นใช่ไหม“
"เปิดประตู เก็บของไว้ห้องไหน” แรงมือของเขาทำให้ จำต้องเดินนำเขาไปที่ห้องของตัวเอง เปิดตู้เซฟหยิบกระเป๋าหนังใบใหญ่ออกมาแล้วยื่นให้อานนท์ พร้อมถอนหายใจเสียงดัง
“ลงไปคุยกันข้างล่าง เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
อานนท์ยังไม่ยอมปล่อยมือของปรางทิพย์ เขาพาหญิงสาวลงมาข้างล่าง
“นั่งลงคุยกันก่อน ฟังผมนะปรางทิพย์ ผมบอกแลัวว่าผมไม่เคยคิดร้ายกับครอบครัวคุณ ที่ผมทำทุกอย่างเพราะผมหวังดี อยากให้คุณลองคิดดูดีๆผมเอ็นดูก้องภพ ส่วนพ่อและย่าเขาจะเป็นยังไง ผมไม่รับรู้ แต่ผมไม่อยากให้คุณทำผิดเพราะอารมณ์โกรธแค้น มีแต่จะสูญเสีย มีอาวุธอื่นอีกไหม"
“ไม่มีแล้วค่ะ”
“ผมต้องเชื่อคุณใช่ไหม จะทำอะไรคิดให้ถี่ถ้วน จะด่าจะว่าจะทำร้ายเขาผมไม่ว่า เพราะสองคนนั้นสมควรโดน แต่อย่าใช้ของพวกนี้ มันอันตราย”
ปรางทิพย์ ขัดใจ เรื่องราวทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับอุสาวดีกับปราโมทย์ผุดขึ้นมาในหัวของเธอ
หลังจากที่อุสาวดีเข้าไปอยู่ในบ้านของปราโมทย์ น้องสาวเธอเริ่มมีปากเสียงกับสามี และพาลูกกลับมานอนที่บ้านบ่อย ปราโมทย์จะเป็นคนมาตามให้กลับบ้าน อุสาวดียอมกลับไปทุกคร้ัง เวลาผ่านไปอุสาวดีเริ่มปรับทุกข์กับเธอและแม่ เธอเห็นว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัว ไม่อยากยุ่ง และแม่ของเธอก็พยายามบอกอุสาวดีให้อดทน อ้างว่าทุกครอบครัวก็เป็นแบบนี้ เดี๋ยวก็ดีกัน จนสุดท้ายน้องสาวเธอหันไปปรับทุกข์กับเพื่อน จนล่าสุด ถึงกับพาลูกกลับมาอยู่บ้านถาวร ขนทุกอย่างที่เป็นของตัวกลับมาหมด และไม่ยอมกลับไปหาปราโมทย์อีกเลย
ตลอดเวลา ปราโมทย์มักจะมาของ้อคืนดีกับอุสาวดี ตื้อให้กลับไปอยู่ด้วยกัน แต่จุดประสงค์ของปราโมทย์คืออยากได้ลูกกลับไปเลี้ยงเอง อุสาวดียื่นคำขาดกับสามีว่า ถ้าจะให้เธอกับลูกกลับเข้าไปอยู่บ้านอีกครั้ง เขาต้องเลิกกับมารตี ต้องมีเธอคนเดียวเท่านั้น ปราโมทย์ไม่สามารถทำตามที่อุสาวดีต้องการได้ เป็นสาเหตุที่ทำให้พูดคุยกันไม่รู้เรื่อง เกิดการทะเลาะกันทุกครั้งที่มาเยี่ยมลูก
หลังๆมา อุสาวดีเริ่มออกเที่ยวกลางคืน กับเพื่อนๆปล่อยให้ก้องภพอยู่กับยาย บางครั้งก็พาลูกไปต่างจังหวัดหลายๆวัน โดยมีนางปวีณาไปด้วยและทุกครั้งที่ไปต่างจังหวัด อุสาวดีไม่ยอมบอกปราโมทย์ เวลาเขาตั้งใจมาหาลูก แต่อุสาวดีไม่ยอมให้เจอ ทำให้เขาโมโหมาก คิดว่าอุสาวดีกีดกันพาลูกหนีหน้า ไม่ยอมให้พ่อกับลูกได้เจอกัน เกิดการทะเลาะและทำร้ายร่างกายกันบ่อยๆ
อุสาวดีเริ่มหัดดื่ม และดื่มหนัก พูดคนเดียวอยู่บ่อยๆ และกลายเป็นโรคซึมเศร้า ต้องพาไปพบหมอ ร่างกายเริ่มซูบผอมลง นอนไม่หลับเพราะคิดมาก กินทั้งยาแก้ซึมเศร้า และยานอนหลับ เป็นอยู่อย่างนั้น จนสองเดือนสุดท้ายอาการยิ่งหนัก ช่วงนี้ที่แม่เธอเล่าให้ฟังว่า ปราโมทย์มักมาพร้อมกับคุณดาราราย หรือไม่ก็อานนท์ เพื่อมาเจรจาขอลูกไปเลี้ยงเอง
นั่นยิ่งทำให้อุสาวดีเครียดหนักกว่าเดิม พูดย้ำๆซ้ำๆว่าปราโมทย์ไม่เคยรักเธอ หลอกลวงเธอ อาทิตย์สุดท้ายก่อนจะเสียชีวิต อุสาวดีขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง แม่กับเธอก็ได้แต่เฝ้าดูอาการ นางปวีณาต้องเลี้ยงหลาน ส่วนตัวเธอต้องทำงาน จนกลายเป็นโอกาสให้อุสาวดีต้องตัดช่องน้อยแต่พอตัว ไม่เคยคิดเลยว่าน้องสาวจะคิดสั้นแบบนี้ ทิ้งลูกที่ยังเล็กให้กำพร้า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เธอเองก็มีส่วน ที่ไม่มีเวลาให้น้อง เพราะเธอต้องทำงาน อุสาวดี น้อยเนื้อต่ำใจหลายอย่าง เสียใจที่ตัวเองหลงรักคนผิด เสียใจที่ตัวเองเหมือนไปแย่งสามีคนอื่น เสียดายความสาวความสวยของตัวเอง ดำเนินชีวิตล้มเหลว สุดท้ายก็ทำใจไม่ได้ เลือกที่จะจบชีวิตตัวเองแบบนี้