คุณดารายนั่งหน้างอบอกบุญไม่รับที่โต๊ะอาหาร หลังงานของอุสาวดี ลูกชายคนเดียวของนาง ยังอยู่ในอาการเศร้าโศก ไม่ทำงานทำการ ดื่มไม่หยุด โทษแต่ตัวเองว่าเป็นต้นเหตุทำให้อุสาวดีต้องเสียชีวิต พอนางบ่น ปราโมทย์กลับโทษผู้เป็นแม่ ว่าเพราะแม่อยากได้หลานชายมาก จนทำให้เขาต้องไปมีอุสาวดี กระทั่งมีก้องภพ เขาทั้งเสียใจที่เป็นต้นเหตุให้อุสาวดีเสียชีวิต และเสียใจที่ใจร้ายกับมารตี
“ไง ปราโมทย์ จะเอายังไง เมื่อไหร่จะไปเจรจากับบ้านโน้นเรื่องตาก้อง”
“แม่ครับใครจะกล้า ไม่ใช่ผมไม่อยากได้ลูกกลับมาเลี้ยงเองนะครับ แต่เราทำผิด เป็นสาเหตุทำให้อุสาวดีเสียชีวิต”
“แล้วยังไง อุสาวดีก็ไม่อยู่แล้ว ตาก้องยังมีพ่อ และมีย่านะ ทางโน้นเป็นแค่ยายกับป้า เรามีสิทธิ์มากกว่า”
“แม่ครับ อย่าลืมนะครับว่า แรกๆเราเป็นฝ่ายที่ไม่เชื่อว่าตาก้องเป็นลูกของผมจริงๆ และผมไปหลอกเขาว่าผมโสด ทางโน้นเขาถึงได้โกรธ”
“ไม่รู้ล่ะ ยังไงตาก้องต้องมาอยู่ในความดูแลของเรา แม่มารตีก็ไม่มีลูก แกอย่าลืมนะปราโมทย์ ว่ายังไงเราก็ต้องมีทายาทสืบสกุล และต้องเป็นก้องภพเท่านั้น หลานย่าโหงวเฮ้งดีมาก”
“ผมไม่กล้าไปคุยกับเขาหรอกครับ อดีตเราทำไม่ดีกับเขาตั้งมากมาย ไม่มีทางที่เขาจะให้ตาก้องมาอยู่กับเราง่ายๆ ถึงผมจะมีสิทธิตามกฎหมายก็ตาม ผมไม่กล้าครับแม่” ปราโมทย์รู้สึกผิดกับอดีตจริงๆเขาเหมือนเป็นคนทำให้อุสาวดีเสียชีวิตจริง ตามคำที่ปรางทิพย์พูดใส่หน้า จากที่เคยเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองมาก แต่เวลานี้การจากไปของอุสาวดี ทำให้เขาขาดความมั่นใจ สงสารทั้งอุสาวดี และมารตี เขาเจ็บปวด ทรมานทั้งเป็น
“ไม่ใช่ว่าแม่จะไม่รู้สึกผิด แต่ชีวิตมันต้องเดินต่อไป แม่ปรางทิพย์ เขาไม่มีเวลาเลี้ยงตาก้องหรอก เชื่อแม่ นี่ได้ข่าวว่าแม่ของเขาไม่สบาย อยู่โรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ”
“แม่ครับผมว่า เราอย่าเพิ่งไปยุ่งกับเขาดีกว่านะครับ เรื่องมันยังใหม่อยู่ รอให้เงียบกว่านี้ดีกว่านะครับ”
“แม่จะไปคุยกับ ปวีณาเอง”
“แม่ หยุดเถอะครับ แม่เห็นไหมว่ามันจะมีแต่ความสูญเสีย”
“แล้วยังไงล่ะ ยิ่งปล่อยไว้นาน ตาก้องก็จะโต เดี๋ยวก็จะติดทางโน้น ไม่รู็จักพ่อไม่รู้จักย่า อะไรๆมันก็จะยากขึ้น”
“แม่ครับผมขอร้องนะครับ แม่เชื่อผมสักครั้ง ที่ผ่านมาผมเป็นลูกที่ดี เชื่อฟังแม่ทุกอย่าง ขอผมเป็นตัวของตัวเองบ้างเถอะครับ และอีกอย่างนะครับ ผมไม่อยากให้มารตีเสียใจอีกแล้ว ที่ผ่านมาผมทำไม่ดีกับเขาไว้เยอะ ถึงเขาจะมีลูกให้ผมไม่ได้ แต่เขาก็เป็นภรรยาที่ดีนะครับแม่ “
“ยังไง ดียังไงเป็นผู้หญิงที่ผิดปกติ แต่งงานก็มีลูกไม่ได้ มันไม่สมบูรณ์”
“แม่ครับ แม่กับมารตีก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ทำไมแม่ไม่สงสารเขาบ้างครับ แค่เขายอมให้ผมไปมีคนอื่นเพื่อที่ผมจะได้มีลู นี่ผมก็ว่าเป็นผู้หญิงที่ดีมากๆแล้วนะครับ กลับกันถ้าเป็นแม่ แม่จะยอมไหมครับ ผมถามหน่อย เมื่อก่อนผมไม่เคยคิดถึงเรื่องถูกผิด แต่พอเสียอุสาวดีไป ผมละอายครับแม่ เราอย่าทำบาปอีกเลยนะครับ เรื่องตาก้องผมไม่ได้ถอดใจ แต่ผมขอเวลา”
“และอีกเรื่องนะครับ ผมขอร้อง อย่าพูดให้มารตีเสียใจอีกเลย ผมไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เหมือนอุสาวดีอีก แค่นี้ผมก็บาปมากแล้ว”
“แล้วทำไมเมื่อตอนที่แม่อุสาวดียังอยู่ แกไม่คิดแบบนี่ล่ะ แม่ก็เห็นแก่ก็ทิ้งให้แม่มารตีเขาอยู่บ้าน ก็เจ็บปวดเหมือนกัน เมื่อก่อนทำไมทนได้ อยู่ๆทำไมจะทนไม่ได้”
“แม่ครับ แม่จำได้ไหมครับว่า แรกเลย แม่เป็นคนไปขอมารตีจากครอบครัวเขา สัญญาว่าจะดูแลเขา รักเขาเหมือนลูก แต่พอเขามีหลานให้แม่ไม่ได้ แม่กลับเป็นแบบนี้ ผมขอร้องนะครับแม่ ผมจะไม่ทำผิดอีกแล้ว หรือถ้าแม่ยังไม่เข้าใจอะไรเลย ผมจะขอย้ายออกไปอยู่ข้างนอก และผมจะไม่ทำให้มารตีเสียใจอีกแน่นอนครับ”
“แม่ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีคนสืบทอด ผมอายุแค่นี้เอง ยังอยู่บริหารและดูแลธุรกิจได้อีกนานครับ แม่ไม่ต้องห่วงหรอก”
“แล้วแม่ไม่ต้อง ไปพูดไม่ดีกับมารตีเรื่องลูกนะครับ แค่นั้นเขาก็เสียใจมากแล้ว อย่าไปซ้ำเติมเขาอีกเลยครับ ถ้าแม่จะเอาแต่ใจตัวเอง สุดท้ายแม่จะไม่เหลือใครเลยนะครับ”
ปราโมทย์เดินหนีไปแล้ว เหลือเพียงคุณดารารายนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นคนเดียว
“ก็ได้ ฉันจะหยุดไว้ก่อน ช่วงนี้จะเงียบไปก่อน แต่ยังไงหลานต้องมาอยู่กับย่า”
มารตีค่อยๆถอยหลังเดินกลับขึ้นไปด้านบน ห้าปีที่เธอทุกข์ทรมาน เพราะความรัก ความซื่อสัตย์ ฐานะบ้านเธอไม่ได้ลำบาก มีหน้ามีตาพอๆกับบ้านสามี แต่เพราะรัก ถึงยอมทุกอย่าง ยอมให้สามีไปมีผู้หญิงอื่น เพื่อที่ว่าเขาจะได้มีลูก ยอมที่เขามีผู้หญิงอีกคนเข้ามาอยู่ในบ้าน ยอมอยู่กันสามคน เธอเสียใจไม่น้อยกว่าอุสาวดี แรกเธอเกลียดและอิจฉาอุสาวดีมาก ที่สามารถตั้งท้องได้ เสียใจที่สามีรักแม่มาก จนพาลให้ทำผิดศิลธรรม เสียใจที่สามีไปอยู่กับผู้หญิงอื่น แต่วันนี้เธอคิดไม่ผิดที่ยอมทุกอย่าง ในรอบห้าปีที่เธอรู้สึกว่า วันนี้นี่เองที่เธอจะไม่ทุกข์อีกแล้ว นึกดีใจว่าสามียังมีจิตสำนึกที่ดี รู้สึกตัวว่าตัวเองได้ทำผิดต่อเธอ ในเมื่อสามีกลับใจ และรู้สึกผิด เธอก็ยินดีและให้อภัยเขา
มารตียังคงอาศัยอยู่ภายในบ้านของปราโมทย์ โล่งอกและสบายใจมากขึ้น แต่ก็ยังคงไม่ไว้ใจนักเพราะกลัวว่า คุณดารารายจะหาผู้หญิงคนใหม่ให้สามีของเธออีก แต่อีกใจเธอก็เชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับอุสาวดีครั้งนี้ จะทำให้ปราโมทย์เข็ดไปอีกนาน
ที่บ้านของปรางทิพย์ ตั้งแต่เสียลูกสาวคนเล็กไป นางปวีณารู้ตัวเอง ว่าแรงถดถอยลงไปเยอะ ประกอบกับก้องภพโตขึ้นทุกวันๆ แรงเยอะเล่นเก่ง ต้องจ้างพยาบาล มาคอยช่วยดูแลหลานชาย ปรางทิพย์เองก็ต้องทำงานทุกวัน ออกไปทำงานแต่เช้า กลับค่ำ มีเวลาอยู่กับหลานแค่วันเสาร์และอาทิตย์
“ปราง รีบตื่นทำไมลูกกว่าจะได้หยุด ทำไมไม่นอนตื่นสายๆ”
“ไว้ค่อยตื่นสายพรุ่งนี้ค่ะแม่ อยากเล่นกับตาก้อง ช่วงนี้งานปรางเยอะมากค่ะ”
“ดีนะที่เรามีพยาบาลมาคอยช่วย ไม่งั้นแม่ก็แย่เหมือนกัน”
“ตาก้องโตขึ้นทุกวัน แข็งแรงมาก ปรางยังอุ้มนานๆไม่ค่อยไหวเลยค่ะ”
“แม่คะ ปรางทำเรื่องลาออกแล้วนะคะ พอทำบุญร้อยวันเสร็จเราก็ย้ายบ้านกันได้เลย “
“แล้วเราจะไปอยู่ที่ไหนกันลูก”
“แม่อยากไปอยู่ที่ไหนคะ มีไว้ในใจไหม”
“จริงๆแม่ไม่อยากออกไปไกลจากกรุงเทพฯเลย เอาแค่แถวนนทบุรีไหมลูก”
“แม่คิดเหมือนปรางเลยค่ะ งั้นเดี๋ยวอาทิตย์หน้าเราไปดูบ้านกันดีกว่านะคะแม่ “
"ถ้าเราได้บ้านแถวนั้น ปรางหางานแถวนั้นได้ใช่ไหมลูก"
“ใช่ค่ะแม่ จริงๆปรางส่งใบสมัครงานล่วงหน้าไปบ้างแล้ว ”
“ปรางจะไปวัดนะคะแม่ จะไปคุยกับหลวงพ่อท่าน เรื่องทำบุญร้อยวัน”
“แม่ขอตัวนะลูก รู้สึกเหนื่อย“
“แม่พักเถอะค่ะ ปรางไปแป๊ปเดียว เสร็จแล้วจะแวะไปซื้อของใช้สักหน่อย”
“หนูปราง โอนเงินคืนคุณอานนท์เขาหมดแล้วใช่ไหมลูก”
“โอนคืนหมดทุกอย่างแล้วค่ะแม่ ตอนนี้ค่าพยาบาลที่มาดูแลตาก้อง ปรางก็จ่ายเองค่ะ”
“ดีแล้วลูก จะได้ไม่ติดค้างกัน “
“งั้นปรางไปก่อนนะคะแม่ แล้วจะรีบกลับค่ะ”
“หนูปราง นัดคุณอานนนท์ไว้เหรอลูก มาโน้นแล้ว”
“เปล่านะคะแม่ ปรางไม่ได้ติดต่อเขามาสองสามวันแล้ว”
อานนท์มาจอดรถหน้าบ้าน ร่างสูงใหญ่ของเขาเดินเข้ามาหาสองแม่ลูก ปรางทิพย์ยกมือไหว้เขา สงสัยว่าเขามาทำไม เหมือนว่าเธอกับแม่ไม่ต้องติดต่อกันแล้ว ที่สำคัญเธอจ่ายเงินเขาหมดแล้วที่เขาสำรองจ่ายให้ หรือเขาลืมอะไร หรือต้องการมาพูดเรื่องหลาน แต่คุณดารารายกับปราโมทย์เงียบไปแล้วนี่นา
“สวัสดีครับคุณน้า ผมมาเยี่ยมครับ แข็งแรงดีแล้วใช่ไหมครับ”
“ยังไม่ดีเท่าที่ควรหรอกค่ะคุณ ยังเหนื่อยไม่ค่อยมีแรง”
“ขอให้แข็งแรงเร็วๆนะครับ “
“นี่กำลังจะไปไหนเหรอครับ ปรางทิพย์”
“หนูปรางกำลังจะไปวัดค่ะ จะไปคุยกับหลวงพ่อเรื่องทำบุญร้อยวัน”
“ดีเลยครับ ให้ผมไปส่งดีกว่า คุณยังจิตใจไม่ดีขับรถเองเดี๋ยวจะเกิดอันตราย “
“เอ่อ...ฉันว่า”
“นะครับคุณน้า ผมรับรองความปลอดภัย เสร็จแล้วจะพามาส่งที่บ้านนะครับ”
“ไปเถอะหนูปราง ดีแล้วลูกแม่ไม่อยากให้หนูขับรถเอง”
นางปวีณามองตามท้ายรถคันใหญ่ของอานนท์ไป แน่แล้วว่าอานนท์สนใจลูกสาวคนโต สายตาเขาปิดไม่มิดหรอก คนแบบนี้รักก็บอกรัก ชอบก็บอกชอบ จริงใจ หวังว่าสองคนจะใจตรงกัน เห็นว่าลูกสาวนางฟังอานนท์อยู่บ้าง ทั้งๆที่จริงๆไม่เคยอ่อนให้ใครเลย แม้กระทั่งพ่อกับแม่ อาจเป็นเพราะปวีณาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง เหมือนเป็นผู้นำครอบครัว ตั้งแต่นางแยกมาจากพ่อของลูก ทุกสิ่งทุกอย่างลูกสาวจึงเหมือนเป็นผู้นำ นางเชื่อว่าลูกสาวเหนื่อยกว่าอายุมาก หากได้คู่ครองที่ดี ก็อยากให้เป็นผู้ใหญ่ และสามารถดูแลปรางทิพย์ได้
นางปวีณาเข้าบ้าน แวะเข้าไปดูหลานชาย ที่กินนมแล้วหลับปุ๋ยอยู่กับพยาบาล เรื่องหลานชายนี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้นางต้องคิดหนัก ความจริงแล้วก้องภพควรที่จะไปอยู่กับย่าและพ่อ บ้านโน้นเขามีเงิน โอกาสดีๆของหลานยังมีมากกว่าอยู่กับยายและป้า นางเองไม่มีปัญหาถ้าหากหลานชายจะต้องไปอยู่กับพ่อเขา นางรู้ว่ามารตีรักปราโมทย์มาก ยอมได้ทุกเพื่อที่จะให้คนที่รักมีความสุข ถึงแม้ว่าตัวเองจะเจ็บปวด และรู้ว่ามารตีไม่ใช่คนใจร้าย หากว่าได้เลี้ยงดูก้องภพ จะต้องเป็นแม่เลี้ยงที่ดีแน่นอน
แต่ติดที่ปรางทิพย์ ที่ไม่ฟังอะไรเลย อ้างแต่ว่ากลัวบ้านโน้นจะดูแลหลานไม่ดี จะไม่รักเท่าที่ยายกับป้ารัก เพราะแรกๆที่อุสาวดีท้อง ปราโมทย์เคยระแวงว่าก้องภพไม่ใช่ลูกของตัวเอง ทำให้ปรางทิพย์โกรธ และเกลียดบ้านนั้น นางก็ได้แต่หวังว่า ลูกสาวจะใจอ่อน บางทีอานนท์อาจทำให้ลูกสาวของนางเปลี่ยนใจได้บ้าง
ลำพังปรางทิพย์เองทำงานก็เหนื่อยมากแล้ว เช้าออกไปทำงาน กว่าจะกลับบ้านก็เกือบสามทุ่ม กลับมาก็แทบจะไม่มีเวลาพูดคุยกัน ต้องรอให้ถึงวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ ถึงจะได้มีโอกาสพูดคุยกันนานๆบางคืนปรางทิพย์กลับมา แม่กับหลานก็หลับไปแล้ว เช้ามืดไปทำงานบางวันหลานก็ยังไม่ตื่น
นางปวีณานั่งนิ่งๆคิดทบทวน เรื่องราวของตัวเองตั้งแต่หนหลัง กระทั่งปัจจุบัน ไม่มีครั้งไหนที่จะเหนื่อยและท้อแท้มากเท่าครั้งนี้ การสูญเสียลูกสาวไปอย่างไม่มีวันกลับ ทำให้นางเศร้า