อานนท์พาปรางทิพย์มาหาแม่ที่โรงพยาบาล รู้ว่าหญิงสาวไม่ค่อยสบายใจนัก เรื่องของนางปวีณาที่มีอาการเหนื่อยและอ่อนเพลีย
“แม่คะ กินอะไรได้บ้างไหมคะ ”
“ยังรู้สึกเหนื่อยอยู่เลยลูก ตาก้องเป็นยังไงบ้าง”
"แม่.....แม่กินอะไรได้บ้างไหมคะ"
"อื่ม....ก็ได้นิดหน่อยลูก สบายดี แม่สบายดี"
“ตาก้องสบายดีค่ะแม่ พยาบาลดูแลอยู่ คนของคุณอานนท์มาอยู่เป็นเพื่อน แต่ปรางก็อยากให้แม่แข็งแรงเร็วๆนะคะ จะได้กลับไปอยู่ด้วยกัน”
ปรางทิพย์ป้อนอาหารที่แม่ชอบกิน นางปวีณากินได้นิดหน่อย ทำให้ไม่ค่อยมีแรง อ่อนแรงมากสภาพของแม่ทำให้ปรางทิพย์เครียด รู้ว่าแม่เสียใจเรื่องน้องสาวและยังทำใจไม่ได้ ปรางทิพย์ต้องกลับบ้านกับอานนท์อีกครั้ง ความหวังว่าแม่จะได้กลับบ้าน ดูเหมือนจะยังไม่ใช่วันสองวันนี้ และอีกสองวันเธอต้องไปทำงาน แล้วหลานชายเธอล่ะ จะทำยังไงดีหญิงสาวถอนหายใจ
“อยากนวดไหม จะได้ผ่อนคลาย โทรศัพท์ดูกล้องที่บ้านได้ใช่ไหมครับ “
“ดูได้ค่ะ ตาก้องหลับอยู่ “
“ไปนวดหน่อยล่ะกันนะ เป็นร้านประจำของแม่ผม คุณจะได้ผ่อนคลาย”
ปรางทิพย์นิ่งไปสักพัก ก่อนที่จะตอบรับ เรื่องราวและเหตุการณ์ที่ผ่านมา มีผลทำให้เธอเหนื่อยทั้งกายและใจ ความวิตกกังวลหลายอย่างถาโถมเข้ามา เสร็จงานของน้องสาว แม่ไม่สบาย
“คุณผู้หญิงหลับไปแล้วค่ะคุณอานนท์ ดูท่าทางเธอเหนื่อยและเพลียมาก”
“ดีแล้วครับ ปล่อยให้เธอได้พักผ่อน คุณแม่มาบ่อยไหมครับคุณน้า”
“มาอาทิตย์ละครั้งค่ะ แต่อาทิตย์นี้ยังไม่มาเลย”
อานนท์ส่งข้อความหาแม่ บอกว่าคืนนี้เขาจะพักที่บ้านของปรางทิพย์ บอกกับแม่ตรงๆว่าเป็นห่วง ไม่อยากปล่อยให้อยู่ลำพังกับหลานและพยาบาล และยังบอกอีกว่าเขาจริงจังและจริงใจมาก
ปรางทิพย์หลับไปเกือบสองชั่วโมง ตกใจตื่นและสำรวจตัวเองรู้ว่าปลอดภัยดี
“ตื่นแล้วเหรอคะคุณผู้หญิง คุณผู้ชายรออยู่ด้านนอกแล้วค่ะ”
“ขอบคุณมากนะคะคุณน้า ฉันเผลอหลับไปนานเลย สบายและผ่อนคลายมากค่ะ”
“เป็นยังไงบ้างครับ สบายตัวไหม”
“สบายและผ่อนคลายมากขอบคุณมากนะคะ เรากลับกันเถอะค่ะเป็นห่วงตาก้อง”
“ครับแล้วเราจะกินข้าวที่ไหน กินก่อนไหมหรือจะซื้อเข้าไป หรือถึงบ้านแล้วค่อยสั่งเข้าไปกินดี”
“ซื้อเข้าไปดีกว่าค่ะ ฉันไม่อยากออกมาแล้ว ”
“ครับ”
“เกาะแขนผมได้นะ ถ้าคิดว่าตัวเองกำลังมึนงง”
ยอมรับว่าหัวใจยังไม่เข้มแข็ง ห่วงหลายอย่าง ความวิตกกังวลในเรื่องต่างๆมารวมอยู่ในตัวเธอ แม่ที่เคยเป็นที่ยึดเหนี่ยวก็ล้มป่วย ผู้ชายคนนี้เข้ามาช่วงที่สับสนและลำบาก ยังไม่ทันที่จะคิดหาเหตุผลให้ตัวเอง มือและแขนแข็งแรงของเขาก็ขว้ามือของเธอให้ไปเกาะแขนแข็งแรงของเขาเอาไว้ เหมือนเป็นหลักให้เธอจริงๆและอยู่ในท่านั้นจนซื้อของเสร็จ กระทั่งกลับมาที่รถ
“ไม่ซื้ออะไรอีกใช่ไหม”
“ไม่ค่ะ อยากกลับบ้านเร็วๆคิดถึงตาก้อง”
ไม่นานทั้งสองคนก็กลับถึงบ้าน ปรางทิพย์พอใจที่สุด พยาบาลสองคนดูแลก้องภพดีมากๆ
“ฉันขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ คุณก็ต้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่นะคะ”
ปรางทิพย์อยากกอดอยากอุ้มหลาน วันนี้เธอไปวัด และโรงพยาบาล ต้องทำร่างกายให้สะอาดก่อนที่จะอุ้มหลาน หญิงสาวใช้เวลาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่นาน พบว่าอานนท์ยังนั่งอยู่ที่เดิม
“เสร็จแล้วใช่ไหม เดี๋ยวผมจะขึ้นไปอาบน้ำบ้าง”
“เชิญค่ะ”ปรางทิพย์เข้าไปหาหลานชายภายในห้อง ให้พยาบาลสองคนได้มีเวลาส่วนตัว
อานนท์อาบน้ำเรียบร้อยและลงมาข้างล่าง เจอแค่ป้ากับหลาน ส่วนพยาบาลสองคน นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นรอพยาบาลชุดใหม่มาเปลี่ยนสำหรับเวรกลางคืน
เขาเคาะประตูห้องกระจก และเข้าไปนั่งที่พื้น ปรางทิพย์นั่งอยู่บนเบาะกำลังอุ้มหลานชาย หน้าตาดูสดชื่นขึ้นมาบ้าง
“อยากลองอุ้มไหมคะ ดูตาก้องจะชอบคุณนะ อาจเป็นเพราะว่าไม่เคยเห็นผู้ชายบ่อยๆ ส่วนมากเขาจะอยู่แต่กับผู้หญิง”
“ผมไม่เคยอุ้มเด็กอ่อนขนาดนี้เลย”ปากบอกว่าไม่เคยแต่ก็ยื่นมือไปรับเด็กชายตัวน้อย ถ้าปราโมทย์เป็นน้องชายเขาจริงๆเด็กคนนี้ก็คือหลานชายของเขา เด็กควรมีพ่อและแม่ แม่นี่สำคัญมาก ยิ่งมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เขารู้สึกสงสาร เอ็นดูป้าของหลาน ที่กลัวว่าเขาจะอุ้มเด็กไม่ได้ดี คอยมาจัดแจงแขนและมือ สอนให้อุ้มเด็กน้อยอย่างถูกวิธี
“คุณต้องไปทำงานวันไหนครับ”
“อีกสองวันค่ะ”
“แล้วจะทำยังไงถ้าแม่ยังไม่ออกจากโรงพยาบาล จะปล่อยหลานไว้กับพยาบาลแบบนี้ทุกวันเหรอ”
เสียงถอนหายใจของคนตรงหน้า กับท่าทางที่ครุ่นคิดจากที่ยิ้มๆก็กลายเป็นนิ่งเงียบไป
“เราไปคุยกันข้างนอกไหมครับ ”
“ได้ค่ะ ฉันขอรายละเอียดของงานอุสาก่อนได้ไหมคะ จะได้โอนจ่ายให้คุณ”
“แล้วหลังจากนั้นจะทำยังไงต่อ แม่ก็ยังอยู่ที่โรงพยาบาล ตัวเองก็ต้องไปทำงาน หลานก็ต้องอยู่กับพยาบาล คุณจะไหวไหม”
“ฉันคิดว่าช่วงที่แม่ยังไม่ออกจากโรงพยาบาล จะจ้างพยาบาลให้อยู่กับตาก้องต่อค่ะ แค่ช่วงกลางวัน กลางคืนฉันจะเลี้ยงเอง จะรอจนกว่าแม่จะแข็งแรงดี”
“จะไหวไหมเด็กตื่นบ่อย ต้องชงนม คุณก็ต้องทำงาน เอาอย่างนี้ล่ะกัน คุณก็ไปทำงานปกติ แต่ผมขอไปส่งและขากลับผมจะไปรับ เพราะอะไรรู้ไหม ที่คุณมีเรื่องกับปราโมทย์กับแม่เขา ผมไม่ไว้ใจบ้านโน้น คนของผมยังอยู่ที่บ้านนี้ และพยาบาลก็จ้างเหมือนเดิม รอจนกว่าแม่คุณกลับบ้าน และถ้าหลังจากแม่กลับบ้านแล้ว จ้างพยาบาลแค่หนึ่งคน แบบนี้ดีไหม”
“ทำไมคุณช่วยฉันทุกอย่างคะ”
“เพราะผมรู้จักอุสาวดี เธอก็เหมือนเป็นน้องสาวผม เพื่อตอบแทนที่ผมไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้เลย เมื่อครั้งที่เธอใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านของปราโมทย์ และผมไม่เคยคิดร้ายกับคุณ ผมสงสารเด็กเห็นใจคุณกับแม่ ผมอยากช่วย”
"นี่อย่าบอกนะว่า ที่คุณมาทำดีกับฉันเนี้ย เพราะจะมาเกลี่ยกล่อมฉันให้ยกตาก้องให้ สองแม่ลูกนั่น"
"เปล่าครับ ผมไม่ยุ่ง ผมแค่เป็นห่วงคุณ"อานนท์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ก็ผมบอกแล้วไงว่า ห่วงคุณ เรื่องตาก้องแล้วแต่คุณเลยว่าจะเอายังไง"
"ทำไมคะ ถึงไม่ยุ่ง คุณก็คุ้นเคยกับปราโมทย์ ฉันนึกว่าคุณจะเข้าข้างเขาซะอีก"
"ผมว่าคุณเป็นผู้ใหญ่พอ รู้ว่าอะไรควรไม่ควร เหมาะสมไม่เหมาะสม ไม่ต้องให้ผมแนะนำหรอก”
"แต่ผมแค่ห่วง กลัวว่าบ้านโน้นจะโกรธ คุณกับแม่อาจไม่ปลอดภัย“
“ก็ลองมายุ่งกับฉันซิ”
“คุณมีแฟนไหม” อานนท์เปลี่ยนเรื่อง ถามเรื่องที่เขาอยากรู้
“ไม่มีค่ะ เพื่อนๆบอกว่าคนสวยแบบฉัน ผู้ชายไม่ค่อยชอบ บอกว่าฉันนิสัยแข็งเกินไปไม่อ่อนหวาน”
“จริงอย่างที่เพื่อนๆพูดกัน”
“อ้าวคุณ”ปรางทิพย์ไม่คิดว่าอานนท์จะพูดออกมา”
“ผมพูดความจริงอย่างที่คิดคุณเป็นคนแข็งเก่งเป็นตัวของตัวเองเกินไป ผู้ชายเลยไม่อยากเข้าใกล้”
“ผมอยากให้คุณใจเย็นลงบ้าง มีสติมีสมาธิให้มากๆทำตัวให้เหมือนเวลาที่คุณทำงาน แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น อย่าลืมว่าคุณยังมีแม่และหลาน อย่าทิฐิและอคติมาก อย่าโกรธนะที่ผมพูดความจริง ที่ผมเตือนเพราะเป็นห่วง”
“เอ๊ะ....นั่นต้นองุ่นของคุณกำแตกยอดเลยน่ะ ผมเห็นรอบใบมันสีคล้ำๆคุณต้องดูนะ ไม่งั้นไม่ได้กินแน่”
“เพลี้ยเหรอคะ” จู่ๆอานนท์ก็เปลี่ยนเรื่อง เขาเห็นแล้วว่าหญิงสาวกำลังเครียด เลยอยากเปลี่ยนเรื่องคุย ได้ผล เขารู้มาว่าปรางทิพย์ชอบกินองุ่นมาก กระทั่งหาซื้อพันธุ์มาปลูกไว้สองต้น บังเอิญที่เขาก็ชอบกินองุ่น
“คุณมีหอมแดง กระเทียม พริกสด น้ำยาล้างจานไหม?”
“คุณจะเอาไปทำอะไรคะ ฉันต้องดูก่อน เพราะไม่ค่อยได้ทำกับข้าว แต่น้ำยาล้างจานมีแน่นอน”
“เพลี้ยลงต้นองุ่นคุณ ถ้ามีของที่ผมถาม เอามาตำรวมกันแล้วผสมน้ำฉีด บริเวณรอบๆต้นองุ่น เพลี้ยจะค่อยๆตายไป แล้วคุณก็จะได้กินองุ่น”
“แล้วฉันจะบาปไหมคะ เพลี้ยตายเยอะนะ หลายตัวเลยล่ะ”
อานนท์หัวเราะเสียงดัง “ผมรู้ว่าพื้นฐานคุณเป็นคนจิตใจดี
วันนี้ดูคุณแปลกๆนะคะ ฉันไปเตรียมของทำน้ำยาไล่เพลี้ยดีกว่า
“ไม่เป็นไรหรอก ผมทำเอง กลัวคุณจะบาป”
“อ้าวแล้วคุณไม่กลัวบาปเหรอคะ”
“ผมรับเอง ผมเป็นผู้ชาย มีพลังมากกว่าคุณ” อานนท์ทำทุกอย่างเสร็จแล้วนำไปฉีดที่ใบองุ่น
ปรางทิพย์นั่งดูเขาทำโน้นทำนี่อยู่ที่แปลงผักของแม่ เขาดูทนุถนอมต้นองุ่นของเธอ เพิ่งสังเกตผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า เขาเป็นผู้ชายรูปร่างสูง ผิวขาว หน้าตาเป็นคนใจดี เธอเห็นเขาผ่านๆตา เวลาที่ไปส่งอุสาที่โรงแรม และน้องสาวเธอเองก็ชมเขาให้เธอฟังบ่อยๆว่าเป็นคนใจดีใจเย็น
หลังจากปราโมทย์กับอุสามีปัญหากัน เธอเกลียดปราโมทย์คุณดาราราย และพาลเกลียดไม่ชอบญาติของปราโมทย์ ทั้งที่รู้แล้วว่าเขาไม่ได้เป็นพี่น้องคลานตามกันมา เธอก็ยังรู้สึกไม่ดีกับเขา ขนาดเธอแสดงกิริยาไม่ดี เขาก็ไม่ได้โกรธ ช่วยเหลือเธอทุกอย่าง แต่ก็ยังไม่ไว้ใจไม่ได้หรอก เขาอาจรู้ว่าช่วงนี้เธอไม่มีใครและอ่อนแอ เลยเสนอตัวเข้ามาเกี่ยวข้องกับเธอ
แต่การที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับเขา และท่าทางที่เขาแสดงกับเธอและครอบครัว ไม่มีทีท่าว่าเขาจะมาหลอกลวงอะไร ยอมรับว่าเขาเป็นผู้ใหญ่และให้คำแนะนำดีๆหลายอย่างกับเธอ
“คุณ....... ปรางทิพย์ มองอะไร นี่คุณมองผมนานแล้วนะ”
“ขอบคุณนะคะ สำหรับทุกอย่าง ฉันรับรู้ว่าคุณหวังดีกับครอบครัวฉัน”
“เตรียมตัวไปเยี่ยมแม่กันเถอะ ทางนี้ไม่ต้องห่วง คนของผมอยู่รอบๆบ้าน หรือเราจะพาต้องก้องไปเยี่ยมยายด้วย จะได้มีพลังมีแรงหายเร็วๆ”
“ดีค่ะ ฉันคิดถึงแม่แล้วเหมือนกัน”
“คุณว่าแม่จะดีขึ้นไหมคะ”
“ผมว่าดี ทุกอย่างจะดีขึ้นแน่นอน”
“ฉันต้องเชื่อคุณใช่ไหมคะ”
“แน่นอน เพราะผมมีแต่ความหวังดี”
สรุปว่าทุกคนไปโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมนางปวีณา โดยมีคนของอานนท์เฝ้าอยู่รอบบริเวณบ้านเหมือนเดิม
“คุณคะ ฉันเห็นปราโมทย์ เขามาทำอะไรที่โรงพยาบาล”
“เขาเห็นเราไหม”
“ไม่เห็นค่ะ ฉันเห็น เขาอยู่ที่ประชาสัมพันธ์”
“เขามาขอจ่ายค่ารักษาพยาบาลของแม่คุณ”
“คุณรู้ได้ยังไงคะ”
“มีคนของผมอยู่ทั่วไป”
“ฉันรู้แล้วค่ะว่าคุณเป็นคนกว้างขวางและมีอิทธิพล”
“ไม่หรอกครับ ช่วยได้ผมก็ช่วย”
“แต่คุณต้องให้ฉันจ่ายนะคะ ถึงคุณจะจ่ายก่อนก็เถอะ ไม่ว่าค่าอะไรก็ตาม”
“ครับ”
“คุณก็ครับตลอด ค่าใช้จ่ายของอุสาคุณก็ยังไม่ส่งให้ฉันเลยนะคะ”
อานนท์ไม่ได้พูดอะไรเขาเดินนำหน้าทุกคนไปที่ห้องพักของนางปวีณา ไม่ได้สนใจว่าปรางทิพย์จะพูดอะไรต่อ ชอบที่ได้พูดนั่นนี่กับปรางทิพย์ บางทีเหมือนเป็นผู้ใหญ่ บางทีเหมือนเด็ก น่ารักดี