งานสวดอภิธรรมจัดครบสามคืนแล้ว วันนี้จะเป็นการจัดงานฌาปนกิจ ทุกคนจะได้ร่วมกันส่งอุสาวีไปสู่ภพภูมิที่ดี ตามความเชื่อของแต่ละคน พิธีนี้ไม่เพียงแต่เป็นการบอกลาครั้งสุดท้าย แต่ยังเป็นการปลอบประโลมและสร้างกำลังใจให้กับผู้ที่ยังคงอยู่ การได้รวมตัวกันในช่วงเวลาสำคัญนี้แสดงถึงความรัก และความสามัคคีของผู้ที่มาร่วมงาน
ตั้งแต่คืนนั้นคุณดารารายและปราโมทย์ไม่ได้มาที่วัดอีก แต่ปรางทิพย์ก็ไม่ได้วางใจ เธอระวังตัวตลอดเวลา ยังไม่หายเคืองอานนท์ แม่เธอก็อีกคน ทำไมถึงไว้ใจเขา ยังไม่รู้เลยว่าที่เขาเข้ามายุ่งวุ่นวายกับครอบเธอ เขาประสงค์สิ่งใด เขาอาจเข้ามาทำตีเนียนเพื่อเอาหลานชายของเธอไปก็ได้
แต่เขาก็ไม่ได้มีท่าที ที่จะเข้ามาหลอกลวง เพราะบ้านเธอไม่มีอะไรอยู่แล้ว แม่เขาก็ดูเป็นคนดี รวยมหาศาลขนาดนั้น คุณบุษบาและอานนท์ ทำให้เธอมีสติหลายอย่าง รู้ตัวเองว่าเวลาโกรธ แม้แต่แม่ก็ห้ามเธอไม่ได้ นึกโล่งใจที่ไม่ได้ทำอะไรตามใจตัวเอง และดีใจที่ปืนของเธอทั้งหมดอยู่กับอานนท์ ไม่เป็นไรฝากเขาไว้ก่อนละกัน
ทุกอย่างเตรียมการไว้เรียบร้อยดี ใกล้ได้เวลา สิ่งที่ปรางทิพย์ไม่ได้คิดไว้ก็เกิดขึ้น พ่อของเธอปรากฏตัวที่วัด เธอไม่ได้ตื่นเต้นหรือดีใจอะไร พ่อคุยกับแม่และทักทายเธอปกติ ถัดมาเป็นคุณอารักษ์พ่อของอานนท์
คุณดารารายและปราโมทย์ปรากฏตัวขึ้น ขณะที่กำลังเริ่มวางดอกไม้จันทน์ พ่อกับแม่เธอมายืนอยู่ฝั่งซ้าย พ่อกับแม่ของอานนท์ยืนอยู่ฝั่งขวา พยาบาลส่งตาก้องมาให้เธออุ้มไว้ อานนท์ยืนติดกับเธอ เขาใช้มือข้างซ้ายของเขา ตบลงบนไหล่ของเธอเบาๆ
ใจเย็นๆนะคุณ วันสุดท้ายแล้ว ถือว่าทำให้อุสาวดี บางทีอุสาวดีคงอยากอโหสิกรรมให้คุณน้าและสามี อย่าลืมว่าอุสาวดีเขายังรักปราโมทย์มาก วันนี้คนเยอะ คิดถึงหลานไว้ให้มากๆนะ ผมจะอยู่ใกล้ๆ
ปรางทิพย์เงยหน้ามองอานนท์ รอบข้างเธอมีแต่ผู้ใหญ่ ตาก้องหลับอยู่บนบ่าของเธอ พิธีการทุกอย่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว คุณดารารายกับปราโมทย์และมารตี มาวางดอกไม้จันทน์เป็นคนแรกๆ
สามคนมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้านางปวีณา และปรางทิพย์ สายตาที่ทั้งสามคนนั้น มองมาที่ก้องภพที่หลับสนิทอยู่บนไหล่ของเธอ แว๊บแรกปรางทิพย์เห็นว่าสายตาของปราโมทย์อ่อนโยนลง
“คุณแม่ครับ ปรางทิพย์ ผมมาขออโหสิกรรม ผมเสียใจ ผมผิดเอง”ปราโมทย์ยกมือไหว้นางปวีณา คุณอารักษ์ คุณบุษบา และอานนท์ ทั้งสามคนรับไหว้ไม่มีคำพูดใดๆออกมา
“ฉันด้วย ฉันมาขออโหสิกรรม ฉันเสียใจ ปวีณา ปรางทิพย์ ฉันขอโทษ” คุณดารารายพูดเสียงสั่น
มารตีที่อยู่ด้านหลังของปราโมทย์ ยกมือไหว้นางปวีณาและปรางทิพย์ สีหน้าหวาดหวั่น จริงๆเธอไม่จำเป็นต้องมาก็ได้ แต่เพราะเธอก็มีส่วนที่ทำให้อุสาวดีเป็นแบบนี้
สองแม่ลูกไม่พูดอะไร คุณดารารายเหลือบสายตามองไปที่คุณอารักษ์และคุณบุษบาที่ยืนคู่กัน แววตาบ่งบอกความน้อยใจ แต่ความผิดของตัวเองก็มาก ทำได้แค่ยอมรับและทำใจเท่านั้น
นางปวีณาร้องไห้ไม่หยุด นั่นทำให้ปรางทิพย์น้ำตาเริ่มไหล และในที่สุดก็ต้องร้องไห้ออกมา นายองอาจเข้ากอดปลอบอดีตภรรยา ถึงจะเลิกลากับแม่แล้ว ยังไงอุสาวดีก็เป็นลูกเขา
ปรางทิพย์กอดกระชับหลานชายไว้แน่น ก้องภพหลับไม่รู้เรื่อง ไม่รู้หรอกว่าอะไรเป็นอะไร เพราะยังเด็กมาก อานนท์คอยอยู่ใกล้ๆหญิงสาวตลอดเวลา
“ปรางทิพย์ส่งก้องภพมา เดี๋ยวจะพาหลานล้ม เกาะแขนผมไว้”
หญิงสาวยอมให้อานนท์อุ้มก้องภพ พยาบาลเข้าไปดูแลนางปวีณาหนึ่งคน ประคองปรางทิพย์หนึ่งคน คุณอารักษ์และคุณบุษบายังอยู่กับทุกคนไม่ห่าง ไกลออกไปบริเวณที่จอดรถ กลุ่มของคุณดารารายยังยืนอยู่บริเวณนั้น
ปราโมทย์มองไปที่อานนท์ ที่กำลังอุ้มลูกชายของเขาไว้ รู้ว่าปรางทิพย์หวง และห่วงหลานมาก เขาเป็นพ่อแท้ๆยังไม่ได้รับอนุญาตให้อุ้มเลย
ทุกคนดูวุ่นวายเมื่อนางปวีณาทรุดตัวลงกองกับพื้น
“คุณพาแม่ไปโรงพยาบาลดีกว่า ชีพจรอ่อนมาก ทางนี้ไม่ต้องห่วงมีคนของผมอยู่เฝ้าตลอด ไม่ต้องห่วงตาก้องนะ เดี๋ยวฝากไว้กับแม่ผม
“หนูปรางไม่ต้องห่วงนะลูก รีบตามแม่ไปโรงพยาบาลเถอะ อย่าลืมเอกสารของแม่ ขอกุญแจบ้านให้ป้าไว้ด้วยนะลูก “
รถฉุกเฉินมารับนางปวีณาอย่างรวดเร็ว ปรางทิพย์ไปกับแม่ หลังดูความเรียบร้อยของงานแล้ว อานนท์ตามไปที่โรงพยาบาลทันที
มารตีเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง นั่นยิ่งเหมือนเป็นการตอกย้ำให้เธอรู้สึกผิด ถ้าเธอไม่อนุญาตให้ปราโมทย์ไปมีสัมพันธ์กับอุสาวดี เรื่องก็จะไม่เป็นแบบนี้ ปกติก็เศร้าอยู่แล้ว เวลานี้ยิ่งรู้สึกเสียใจน้ำตาไหลไม่อยุด ถ้าหากแม่ของอุสาวดีเป็นอะไรไปอีกคน มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย เจ็บใจตัวเองที่ไม่สามารถมีลูกให้สามีได้ จนต้องปล่อยให้เขาไปมีสัมพันธ์กับผู้หญิงคนอื่น
ถ้าแม่สามีไม่คอยพูดถึงเรื่องทายาท ชอบพูดว่าเธอเป็นคนไม่ปกติ อุตสาห์แต่งงานมีหน้ามีตา กะอีแค่มีหลานชายคนแรก ทำไมมีให้ไม่ได้
ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่ทำอะไร เด็กหลอดแก้วเอย บำรุงร่างกายเอย ใครว่าอะไรดีเธอสรรหามากิน หรืออะไรก็แล้วแต่ บนบานศาลกล่าว มูแล้วมูอีก ต่างประเทศหรือที่ไหน ที่คนเขาบอกว่าไปขอแล้วขอแลัวจะได้ลูก เกือบทุกที่เธอไปทำมาหมด แต่ก็ไร้วี่แวว เหลือเพียงอย่างเดียวคือ อุ้มบุญ
แต่เพราะความกดดันจากสามีและแม่ เป็นช่วงที่ปราโมทย์เจออุสาวดี และถูกใจมาก เขาคบกับอุสาวดีเพื่อหวังที่จะมีลูกให้ได้ และเมื่อได้ลูกสมใจแล้ว จะเลิก เพราะความรัก เธอไว้ใจสามี ก่อให้เกิดเรื่องยุ่งยากมาจนถึงวันนี้ พวกเธอเห็นแก่ตัว ไม่ได้คิดถึงจิตใจของอุสาวดีเลย
เรื่องไม่ได้เป็นไปอย่างที่ปราโมทย์และเธอตกลงกันไว้ อุสาวดีรักปราโมทย์มาก เพราะเข้าใจว่าเขาโสด สาวน้อยไม่ทันเห่ล์เหลี่ยมคน เมื่ออุสาวดีตกเป็นของปราโมทย์ และเมื่อตั้งท้อง ปราโมทย์พาอุสาวดีเข้ามาอยู่ในบ้านใหญ่ และสติแตกเมื่อรู้ว่าสามีที่อยู่ด้วยกัน ที่บอกว่ารักเธอกับลูก แต่ที่บ้านกลับมีผู้หญิงอีกคนที่เรียกว่าภรรยาหลวง
อุสาวดีสู้ทนอยู่อย่างนั้น ทนกับสภาพสามคนผัวเมีย ทนกับคำพูดถากถางของคุณดาราราย ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจเด็ดขาด หอบลูกกลับไปอยู่บ้านกับแม่และพี่สาว หวังว่าสามีจะตามไปง้อ และเลิกกับภรรยาหลวง แต่ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด ปราโมทย์ง้อจริงแต่อยากได้แค่ลูก ไม่อยากได้แม่
คุณดารารายยื่นคำขาดว่า จะรับแค่ลูกของอุสาวดีกลับคืน ส่วนแม่ของลูก จะมอบเงินจำนวนมหาศาลพอที่จะใช้ชีวิตสบายไปทั้งชาติ แต่มีข้อแม้อีกว่า ต้องยกลูกชายเป็นลูกบุญธรรมของมารตี คงเพราะข้อเสนอแต่ละอย่างทำให้อุสาวดีเจ็บปวดมาก เลยเลือกที่จะจบชีวิตลงแบบนี้
คุณอารักษ์ คุณบุษบา พาก้องภพและพยาบาลอีกสองคนกลับไปตั้งหลักที่บ้านของปรางทิพย์ คุณอารักษ์พอที่จะเข้าใจเรื่องราว เห็นท่าทางของลูกที่แสดงออกกับปรางทิพย์ รู้ว่าลูกชายชอบจริงจัง ที่ผ่านมาอานนท์ทำแต่งาน ไม่สนใจใคร ไม่เคยเห็นเขาดูแลแทคแคร์ใครเหมือนหนูปรางทิพย์คนนี้ ดูท่าทางไม่ใช่จะพูดจากันง่ายๆเลย ท่าทางเป็นตัวของตัวเอง อานนท์เหมือนพ่อ ชอบอะไรที่ยากๆ
คุณอารักษ์เองดำเนินชีวิตผิดพลาดที่ปันใจให้ดาราราย จนทำให้บ้านแตก แยกออกมาใช้ชีวิตอยู่กับดาราราย สุดท้ายมารู้ว่าผู้หญิงที่เขายอมออกมาอยู่ด้วย ไม่ได้ซื่อสัตย์ หลอกลวงเรื่องลูก เขาเข้าใจมาตลอดว่าปราโมทย์คือลูกของตัวเอง แต่สุดท้ายเป็นลูกของชายอื่น อุตสาห์ช่วยเหลือให้มีหน้ามีตา สุดท้ายมาหลอกลวงกัน จะกลับไปคืนดีกับคุณบุษบาก็อาย เลยต้องเลือกแยกไปอยู่คนเดียว สบายใจกว่า นานๆลูกชายไปพักด้วยบ้าง ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมีความสุขดี รู้สึกผิดที่เคยทำไม่ดีกับคุณบุษบา มันเหมือนตราบาปที่อยู่ในใจตลอด
เรื่องราวของปราโมทย์และอุสาวดี คุณอารักษ์พอรู้มาบ้างจากลูกชาย นั่นยิ่งตอกย้ำว่า ดารารายกับปราโมทย์นี่ร้ายจริงๆ เห็นแก่ได้ เขาเคยคิดผิดที่หลงคำหวานและรูปร่างหน้าตาที่สวยงามของ เห็นผิดเป็นชอบ จนทำให้ครอบครัวแตกร้าว
“คุณบุษบา ลูกเรานี่ยังไงแน่นอนแล้วใช่ไหม”
“ฉันก็ไม่รู้หรอกค่ะ แต่คิดว่าแน่นอนนะ แต่หนูปรางทิพย์เขากลัวว่าอานนท์จะเข้ามาเพราะพยายามจะมาเจรจาเรื่องตาก้อง“
“ทำไมหนูปรางเขาถึงไม่ยอมล่ะ ปราโมทย์ก็เป็นพ่อ”
“หนูปรางคงเจ็บใจ ที่ดารารายกับปราโมทย์ อยากจะได้แค่ลูกแต่ไม่เอาแม่ สองคนเป็นสาเหตุที่ทำให้น้องสาวเขาจากไป หนูปรางแกคงแค้น และคงสงสารน้องมาก "
จากนั้นคุณบุษบาเล่าเรื่องที่ปรางทิพย์ ใช้ขวดขว้างใส่อานนท์ และจะยิงสองแม่ลูกให้อดีตสามีฟัง คุณอารักษ์ตกใจ ไม่คิดว่าปรางทิพย์จะโหดขนาดนี้ และนั่นทำให้คุณอารักษ์เริ่มสำรวจรอบๆบ้านของปรางทิพย์
“นี่ไงคุณ นี่แชมป์ยิงปืนเชียวนะ “คุณอารักษ์สำรวจรูปของปรางทิพย์ที่วางอยู่บนตู้โชว์
“เอ่อ...ฉันก็มาที่นี่ตั้งหลายครั้ง ฉันก็ไม่เคยสังเกต แต่หนูปรางเชื่อฟังลูกเรานะคะ ถ้าเขาจะรักชอบกันฉันก็ไม่มีปัญหานะ”
“ผมก็ไม่มีปัญหาหรอก ยิ่งอยากให้แต่งงานเร็วๆจะได้อุ้มหลาน”
“ฉันว่าปัญหาของหนูปรางกับบ้านโน้นมันจะมากขึ้นนะคะ ดารารายกับปราโมทย์ไม่ยอมแน่ๆสองคนนั้นอยากได้ลูกกลับไปเลี้ยง ซึ่งจริงๆแล้วเขามีสิทธิ์ ฉันล่ะเหนื่อยแทนหนูปราง สู้เขาไม่ได้หรอก”
“คงต้องคุยกับอานนท์ ว่าเขาจะเอายังไง แต่ผมเชื่อว่ายังไงหนูปรางก็ต้องฟังลูกเรา เห็นเหตุการณ์วันนี้ไหม แล้วก็วันที่หนูปรางจะส่องสองแม่ลูกนั่น คุณเล่าให้ผมฟังเอง เพราะอานนท์หนูปรางทิพย์ถึงได้หยุด”
สองสามีภรรยาถึงจะไม่ค่อยได้พูดคุยกันบ่อยนัก เพราะตั้งแต่คุณอารักษ์มีดาราราย คุณบุษบาก็ไม่หวนคืนหาสามีอีกเลย แต่ที่ต้องพูดคุยกันเพราะยังเป็นพ่อและแม่ของลูก ทั้งสองคนทำไมจะไม่รู้นิสัยลูกชาย ว่าชอบผู้หญิงแบบไหน ร้อยทั้งร้อยนี่แหละพ่อกับแม่อยากเห็นลูกเป็นฝั่งเป็นฝาและได้พบกับคนดีที่เหมาะสมกัน คุณบุษบาหวังว่าสองคนจะลงเอยกันด้วยดี นึกตะขิดตะขวงใจตัวเองเหมือนกัน ยังอยู่ในระหว่างงานขาวดำ แต่กลับมาคิดเรื่องผู้หญิงของลูกชาย