“เราจะให้เจ้าขายสินค้าที่เผ่าของเราได้ แต่จำไว้! หากเจ้าแตะต้องตัวเราอีกครั้ง กริชเล่มนี้จะได้ลิ้มลอง ‘เลือด’ ของเจ้าแน่”
ฮาริย่าขู่ฟ่อทิ้งท้าย ก่อนจะก้าวเท้ายาวๆ เกือบเป็นวิ่งกลับไปยังบ้านพักของตนเองอย่างรวดเร็ว ราวกับกำลังวิ่งหนีบางสิ่งบางอย่างที่กำลังวิ่งวนก่อกวนอยู่ในหัวใจดวงน้อย
อานีสต์มองตามร่างบอบบางที่เดินหนี ก่อนจะหัวเราะฮึๆ แล้วพึมพำอยู่กับสายลมละอองเม็ดทราย
“ต่อไปเราจะไม่แค่เพียงแตะต้องเจ้า แต่เราจะจูบที่ปากอิ่มๆ ช่างจรรจา เพื่อพิสูจน์ให้รู้ว่าหวานฉ่ำสักปานใด”
คืนแรกของการปลอมตัวเป็นพ่อค้าเร่ รอนแรมมาพำนักยังดินแดนของ ฮาริย่า องครักษ์เอกอานีสต์ไม่ได้หลับใหลอย่างที่ควรทำหลังจากเหน็ดเหนื่อย จากการเดินทางไกลหลายสิบไมล์ตลอดทั้งวัน ท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุ
องครักษ์หนุ่มซึ่งอยู่ในชุดสีดำสนิท ไม่ต่างจากราตรีกาล ได้หยิบผ้าคลุมหน้าสีเดียวกันมาปิดใบหน้าให้มิดชิด จากนั้นก็หยิบมีดพกเล่มเล็กทว่าคมกริบ ชนิดที่สามารถฆ่าคนได้ในพริบตาเดียว มาเสียบไว้ตรงซอกเอวหนา และสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการสำรวจพื้นที่อันมืดมิด ที่ไม่อาจใช้แสงไฟนำทางได้นั่นก็คือ แว่นตาที่ใช้สำหรับมองกลางคืน
เมื่อสวมแว่นเรียบร้อยแล้ว องครักษ์หนุ่มค่อยๆ ลงจากลำเกวียน ที่มีการต่อเติมให้เป็นที่หลับนอนด้วย เพื่อดูลาดเลาว่ามีคนอยู่ด้านนอกหรือเปล่า เมื่อทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสงบ องครักษ์หนุ่มก็รีบวิ่งหายเข้าไปในความมืด เพื่อสำรวจให้ทั่วอาณาบริเวณของเผ่าอัยรีน ซึ่งมีราษฎรอาศัยอยู่ราวๆ ร้อยหลังเรือนเห็นจะได้
“ช่างฉลาดจัดการเรื่องสาธารณูปโภคยิ่งนัก”
อานีสต์เอ่ยชมผู้ที่เป็นหัวหน้าเผ่า เมื่อได้ใช้เวลาร่วมชั่วโมงสำรวจตรวจตรา พร้อมกับจดจำทุกตำแหน่งที่ตั้งของอาคารบ้านเรือน แม้เผ่าอัยรีนจะเป็นเผ่าเล็กๆ ที่มีพื้นที่น้อยนิด ซึ่งถูกโอบล้อมด้วยประเทศใหญ่ๆ อย่างอัลนูรีน แต่ผู้ที่เป็นหัวหน้าเผ่าก็จัดการเรื่องระบบสาธารณูปโภคได้ดีเยี่ยม ที่นี่มีทั้งโรงเรียน สถานพยาบาล แหล่งค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้า แม้จะไม่ใหญ่โตเทียบเท่ากับเมืองใหญ่ๆ แต่ทุกอย่างก็พร้อมสำหรับการให้บริการคนที่นี่
“อยากรู้จริงๆ ว่าเจ้าบริหารงานในเผ่าเพียงผู้เดียว หรือมีบุรุษชาติคอยช่วยเหลือด้วย”
อานีสต์พึมพำถามตนเอง แล้วมีอันต้องชะงักเท้า ที่กำลังจะเดินลัดเลาะมาจนถึงท้ายหมู่บ้าน ซึ่งมีทางเล็กๆ ให้เดินไปยังกระโจมที่ตั้งโดดเดี่ยว แยกกลุ่มจากที่พักของชาวบ้านอีกสองกระโจม เมื่อได้ยินเสียงน้ำตกที่ล่องลอยมาพร้อมกับเสียงฮัมเพลงสากลเบาๆ จนเขาต้องเงี่ยหูฟัง ด้วยไม่มั่นใจว่าตนเองหูฟาดไปหรือเปล่า
“เอาไว้คืนพรุ่งนี้ ค่อยไปดูว่ากระโจมหลังนั้นเป็นของใคร”
ด้วยพ่ายแพ้ให้กับน้ำเสียหวานๆ ที่ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี เท้าใหญ่แข็งแกร่งในรองเท้าหนา จึงได้เปลี่ยนทิศทางไปตามที่มาของเสียงน้ำตก อานีสต์ใช้เวลาเดินตามที่มาของเสียงไม่ถึงห้านาที ก็ได้เห็นสิ่งที่ทำเอาตกตะลึงตัวชา นิ่งขึงราวกับถูกสาป เมื่อได้เห็นร่างโปร่งบางขาวผ่องราวกับนางฟ้าจำแลง ได้ลงเล่นน้ำจากแอ่งขนาดใหญ่ ที่มีการกั้นแบ่งเป็นน้ำดื่มและน้ำที่ใช้สำหรับชะล้างร่างกายอย่างชัดเจน น้ำตกเล็กๆ ที่เห็น ชายหนุ่มคิดว่าไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติอย่างแน่นอน อาจจะเป็นฝีมือมนุษย์ที่ชาญฉลาด ซึ่งสามารถเนรมิตทุกอย่างได้แม้ในดินแดนที่แห้งแล้งเช่นนี้
“นางฟ้าจำแลง! แอบมาเล่นน้ำอยู่ที่นี่เอง”
อานีสต์งึมงำเสียงแผ่วเบา พร้อมกับแอบซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้ ใกล้กับบริเวณที่ฮาริย่าได้วางเสื้อผ้าและผ้าเช็ดตัวไว้ องครักษ์หนุ่มนึกดีใจที่ตนเองตัดสินใจสวมแว่นตา สำหรับมองกลางคืนมาด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วเขาคงไม่สามารถมองเห็นความงดงามเต็มตึงขาวผ่องได้ด้วยตาเปล่า ในค่ำคืนที่ไร้แสงจันทร์อย่างคืนนี้
“ฮาริย่า...เธอเกิดมาเพื่อเป็นนางยั่วโดยแท้”
อานีสต์กระซิบกับคลื่นสายลมอ่อนๆ เย็นสบาย ยอมรับเต็มอกว่าฮาริย่าเป็นอย่างที่ตนเองได้เอ่ยออกไป เพราะแค่เพียงมองร่างอรชรขาวผ่อง ซึ่งเห็นแค่เพียงท่อนบนและเห็นปทุมอิ่มไม่เต็มตาด้วยซ้ำ แต่ความเป็นชายชาติของเขาก็ปวดหนึบแข็งขมึงขึ้นมาทันที
“อยากเป็นสายน้ำที่โอบกอดร่างบางระหงของฮาริย่าชะมัด”
องครักษ์หนุ่มถอดผ้าคลุมศีรษะออก เพื่อรับลมเย็นสบายขณะนั่งยิ้มกริ่ม เท้าคางมองนางฟ้าจำแลง ที่ยังคงอาบน้ำว่ายวนไปมา ภายในแอ่งน้ำขนาดย่อมอย่างสุขสำราญ โดยไม่รู้ว่ามีถ้ำมองแอบชื่นชมความงดงามของเธออยู่เงียบๆ
ฮาริย่าใช้เท้าตีน้ำเย็นๆ ขณะว่ายวนไปมา ภายในแอ่งน้ำเป็นเวลาเนิ่นนานโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ราวกับมัจฉาที่ร้างราผืนน้ำ พอมาเจอแหล่งชีวิตจึงขอหลอกล้อกับผืนน้ำให้เพลิดเพลิน หญิงสาวฮัมเพลงสากลในท่วงทำนองหวานซึ้ง อย่างสุขใจ โดยไม่นึกกลัวว่าใครจะมาแอบดูตนเอง
แหล่งน้ำแห่งนี้อยู่ไกลจากบ้านเรือนของราษฎรพอสมควร แต่ระยะทางนั้นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เธอคลายกังวลเรื่องการถูกแอบดู ฮาริย่าผู้ชาญฉลาดได้อาศัยความเชื่อของราษฎรในเรื่องภูตผีปีศาจ รวมทั้งเทพเจ้าผู้พิทักษ์บ้านเมือง ให้เป็นประโยชน์ หญิงสาวได้อุปโลกน์ว่าสถานที่แห่งนี้ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่สิ่งสถิตของเทพผู้อารักษ์เผ่าอัยรีน ไม่ว่าจะเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน ก็ห้ามให้ใครย่างกรายเข้ามาก่อนจะได้รับอนุญาต หากใครฝ่าฝืน เทพผู้อารักษ์จะทรงพิโรธ ทำให้เกิดอาเพศ การล้มตายของคนในเผ่า
แม้จะดูเป็นเรื่องที่งมงายบ้าง ในสายตาของชาวโลกที่เจริญด้วยอารยะธรรมล้ำสมัย แต่สำหรับฮาริย่า สิ่งที่เธอโกหกชาวบ้านไปนั้น เป็นการดีต่อการรักษาแหล่งน้ำที่มีเพียงน้อยนิดในเผ่าของเธอ ให้เพียงพอต่อการใช้สอยตลอดทั้งปีจนกว่าจะได้รับความเมตตาจากธรรมชาติพร่างพรูหยาดน้ำฝนมายังดินแดนที่แห้งแล้งแห่งนี้ สำหรับแหล่งน้ำที่หญิงสาวใช้อาบนั้น ได้มีการแยกเป็นสัดส่วนกับแหล่งน้ำที่ใช้สำหรับอุปโภคบริโภคในครัวเรือน