“มันบ้าหรือเปล่าวะน่ะ”
ฉันบ่นพึมพำออกมาแล้วก็เก็บเงินใส่กระเป๋าแล้วจากนั้นกลุ่มเพื่อนฉันแล้วก็เพื่อนผู้หญิงในห้องก็เริ่มล้อขึ้นมา
“งู้ยยย ฝากซื้อของแล้วไม่ต้องจ่ายเงินแบบนี้ได้เหรอคะสาว”
“อือ ถ้าเป็นแฟนก็คงได้ แต่คนที่ไม่ใช่แฟนมันคืออะไรเหรอแม่ เฟื่อนปะ”
“พวกมึงหยุดเลยค่ะสาว มันก็อาจจะนิสัยรวยไง”
“วงเล็บ กับมึงคนเดียวค่ะสาว ฮัลโหล”
“หยุดฮัลโหล อย่าเพิ่งฮัลโหลค่ะ พวกมึงก็เห็นว่าไอ้นั่นมันบ้า วันๆ กินยาครบหรือเปล่าก็ไม่รู้ ยาหมดแล้วมั้ง อาการแม่งถึงขาดๆ เกินๆ”
“ฮ่าๆ ไอ้สัสเอ๊ย”
“เออ น้ำกูเกือบพุ่ง มันควรเป็นโมเมนต์หวานๆ ปะ”
“มิๆ เปิดเพลงนะ”
“เออๆ เปิดเลย ประตูมันเป็นกระจกอยู่แล้วปิดไว้แบบนั้นแหละ”
“เค”
ผมซื้อของเสร็จเรียบร้อยก็ถือขนมขึ้นมาบนห้องแล้วก็เดินเข้ามาหายัยตัวแสบแล้วก็นั่งลงข้างๆ และส่งถุงของให้ยัยนี่ไป
“นี่นายไปเหมาศูนย์อาหารมาเหรอวะ”
“ฉันหิวปะ เอาไป จะได้หยุดพูด”
ฉันมองถุงของที่ไอ้บ้านี่มันซื้อมา แม่ง 2 ถุงใหญ่ๆ มันไม่คิดจะไปไหนแล้วมั้ง ฉันรับถุงของมาแล้วก็หยิบเบอร์เกอร์ขึ้นมา แล้วมันกำลังร้อนๆ ผักก็สด งื้ออ มันดีมาก เพราะโรงเรียนฉันเค้าทำแบบสดๆ แล้วเนื้อคือหนามาก มันดีมากแม่
“อืออ”
“หึหึ อิมิ มึงถูกใจใช่ไหมพูด”
“มาก”
ผมมองยัยตัวแสบที่ทำกินเบอร์เกอร์แล้วก็ทำหน้าฟินอยู่ข้างๆ ผมซื้อเบอร์เกอร์ไก่มาซึ่งมันอร่อยมากนะ แต่ของยัยนี่เป็นปลา มันขนาดนั้นเลยเหรอวะ
พรึ่บ!
“งื้อออ ทำไมนายนิสัยแบบนี้วะ”
ฉันกำลังเอ็นจอยอยู่กับบรรยากาศซึ่งต้องบอกว่ามันเป็นเพียงแค่เสียววิ มารู้ตัวอีกทีคือไอ้นี่ใช้มือจับมือฉันไปตรงหน้าแล้วก็กัดเบอร์เกอร์ของฉันไปคำเดียว บางคนบอกคำเดียวทำไมหวงกิน แม๊ คำเดียวของมันเบอร์เกอร์ฉันหายไปครึ่งหนึ่งเลยนะ ฉันกิน 3 คำ ยังไม่เท่ามันกัดคำเดียวเลยอะ
“อือ อร่อย”
ผมลองกินเบอร์เกอร์ปลาของยัยตัวแสบพอรู้รสชาติเลยชี้นิ้วไปที่เบอร์เกอร์แล้วบอกยัยตัวแสบที่ตอนนี้นั่งหน้าหักอยู่ข้างๆ
“นี่ ทำไมนายต้องมาแย่งฉันกินล่ะ นายมันนิสัยชั่วร้ายจริงๆ”
“ฮึ เอา คืน แล้วมันก็มีอีกอันหนึ่งปะ”
“ฉันอยากกินสองอัน!”
“เออ! เดี๋ยววันนี้ฉันจะซื้อให้เธอ 4 อัน จบยัง”
“เออ”
ฉันตอบไอ้บ้านี่ก่อนจะกัดเบอร์เกอร์ที่นายนี่ยื่นมาตรงหน้าแล้วถ้าไม่กินฉันก็เสียเปรียบอะ ฉันเลยพยายามกินคำใหญ่มากพี่สุดที่จะทำได้ แล้วในจังหวะที่ฉันกัดเสร็จก็ได้ยินเสียงของเพื่อนฉันพูดขึ้นมา
“ต๊าย! อิมิ มึงกินคำใหญ่ขนาดนั้นเดี๋ยวกรามก็ค้างหรอกมึง”
“เออ แล้วอยู่ต่อหน้าผู้ชายเนาะ มึงกินคำใหญ่ขนาดนั้นได้ยังไง เสียราคาหมด เอาก้านกล้วยมาสิ กูจะขี่ก้านกล้วยไปสอนอิมิ”
“อิห่า มึงสงสารก้านกล้วยที่โดนมึงขี่เถอะ”
“คิกๆ”
“เดี๋ยวก็ติดคอตาย กินดีๆ”
พอเพื่อนยัยนี่พูดจบยัยตัวแสบก็ใช้มือจับมือผมไว้แน่นก่อนจะโน้มตัวไปข้างหลังของผมก่อนจะหัวเราะออกมา แล้วเบอร์เกอร์แม่งก็เต็มปาก
“งื้อ คิกๆ”
ฉันหัวเราะออกมาเบาๆ ตอนแรกมันก็ไม่ได้กินคำใหญ่ขนาดนั้นอะ แล้วก็มาหัวเราะเพื่อนฉันอีก ฉันเลยพยายามเคี้ยวเบอร์เกอร์แล้วพอมันเริ่มโอเคเลยกลับมานั่งที่เดิมแล้วก็ดึงทิชชูออกมาเช็ดปาก
“หมดกัน คนสวยขาของโรงเรียนกู”
“เออ ใครจะมาสวยอยู่ทุกวัน กูเน้นความธรรมชาติเว้ย แล้วมึงอย่าแต่งตั้งตำแหน่งให้กูเยอะค่ะสาว คนสวยในโรงเรียนเราเยอะแยะไม่ใช่กูคนเดียว ใครได้ยินจะหมั่นไส้เราเอา”
“กูพูดในสายตาของกูไงคะ มึงใจดีจนกูดูชั่วเลยนะ”
“ไอ้บ้า ทำงานเลย”
ผมเลิกคิ้วก่อนจะมองไปที่ยัยตัวแสบแล้วมันเหมือนไม่ได้ตั้งตัวอะ มารู้ตัวอีกทีคือถามออกไปแล้ว
“เมื่อกี้บอกว่ายัยตัวสั้นใจดี นี่คือใจดีแล้วเหรอ”
โอโห พอฉันได้ยินไอ้นี่ถามเลยตวัดสายตามามองไอ้คนตัวสูงด้วยสายตาที่เอาเรื่อง ก่อนจะตอบไอ้บ้านี่กลับไป
“ฉันใจดีกับทุกคนนั่นแหละ ยกเว้นนาย”
“ยัยตัวสั้น เอาของคืนมาเลยนะเว้ย”
“ไม่ ทำงานไปเลยนายอะ ปากกินมือทำงานด้วย คนอื่นเค้าทำไปถึงไหนละ วันนี้ฉันยังไม่เห็นมือนายโดนใบตองเลยนะ”
“แล้วทำไมอะ”
“ไปนั่งกับเพื่อนนายซะ นั่งอยู่นี่แม่งก็ไม่ได้ทำ อาร์ม มาเอาเพื่อนไป”
“ฉันจะนั่งอยู่นี่ ทำไมอะ ฉันอยากนั่งอยู่กับบัดดี้เธอมีอะไรปะล่ะ”
“โอ๊ะ ฉันเบื่อขี้หน้านายว่ะ”
ฉันตอบไอ้บ้านี่กลับไป แล้วนั่งอยู่ใกล้ๆ กันก็เหมือนพร้อมรบกันตลอดอะ ฉันเบะปากใส่เขาก่อนจะหันมาทำงานต่อแล้วก็กินเบอร์เกอร์ไปด้วย คือฉันกัดแล้ววางไว้บนตัก เพราะมันก็มีกระดาษรองมันเลยไม่เปื้อนกางเกงส่วนมือก็พับกลีบใบตองไปด้วย แต่ระดับความสุขฉันเริ่มลดอีกละ
“งื้ออ เอาของฉันมา มันเหลือแค่นั้นแล้วปะ”
“จะถือให้ ปากนี่แม่งบ่นอย่างเดียว เอา กินเข้าไป”
ผมหยิบเบอร์เกอร์บนตักแล้วก็ถือให้ยัยตัวแสบ เพราะเห็นสภาพแล้วก็นะ แล้วพานคืออลังการสุดๆ เพราะเห็นว่าจะส่งเข้าประกวดพานสวยงามด้วยมั้ง
“แม่”
“หื้อ”
“ถามอะไรหน่อยได้ไหม”
ฉันพยักหน้าก่อนจะบอกให้เพื่อนถาม เพราะปกติก็คุยกันทุกเรื่องอยู่แล้วอะ
“อือ ว่า”
“เบอร์เกอร์ไก่กับปลาอันไหนอร่อยกว่ากันอะ”
“งู้ยยยยยย”
“เนี่ยยยย”
ผมเลิกคิ้วก่อนจะยิ้มที่มุมปากหลังเพื่อนยัยตัวแสบถามขึ้นมาแล้วทุกคนก็พากันล้อขึ้นมา แล้วไม่ใช่แค่กลุ่มยัยนี่นะ ทั้งห้องอะ
“ก็ทั้งคู่นั่นแหละ”
“เหรอออ”
ฉันย่นจมูกใส่เพื่อนตัวเองก่อนจะพูดกับพวกมันออกไปสักพักทุกคนก็พากันหัวเราะออกมาหลังจากฉันพูดจบ
“แต่กูว่าไก่แม่งเหนียวไปหน่อยว่ะ ปวดปากฉิบหาย”
“ฮึ ไม่ดูกำลังปากของตัวเองไงเธออะ”
“ใครจะปากเหมือนมีหลุมดำในปากแบบนายล่ะ แม่งกัดคำเดียวเกือบหมดชิ้น”
“มันเป็นความสามารถพิเศษปะ”
ผมหนักคิ้วให้ยัยตัวแสบจากนั้นทุกคนก็เข้าโหมดจริงจังในการทำงาน จากนั้นเวลามันก็ผ่านไปเรื่อยๆ เพราะมันจะได้เวลาเลิกเรียนแล้ว แม่งทำทั้งวันอะ ห้องมีแต่ใบตองเต็มไปหมด ผมล้มตัวลงนอนกับพื้นห้องโดยใช้หนุนแขนสองข้างตัวเอง
“โอ๊ย!!”
“เชี้ย นายจะเสียงดังทำไม จะถูกเชือดหรือไง”
“ฉันปวดหลังปะ เออ วันนี้ตอนห้าโมงพาฉันไปที่ชมรมกีฬาด้วย อาจารย์จะลองให้เล่นวอลเลย์บอล”
ฉันขมวดคิ้วก่อนจะหันไปมองหน้าไอ้คนตัวสูงที่นอนสั่งเหมือนเป็นพระราชาอะ ฉันเลยถามเขาออกไปแบบงงๆ
“ฉันต้องไปด้วยทำไม”
“เธอเป็นบัดดี้ฉันปะ เธอก็ต้องคอยดูแลฉันสิ แล้วอาคารมันอยู่ตรงไหนฉันก็ยังไม่รู้เลยปะ”
“นายเคยมาแข่งจะไม่รู้ได้ไง”
“เอ้า ตอนนั้นครูพาฉันมา แต่ไม่เป็นไร ถ้าฉันไม่ไปฉันก็ถูกลงโทษและเธอก็ต้องโดนทำโทษด้วย”
“เออ!! เดี๋ยวถ้าไปแล้วไม่เล่นจะตบแม่งแทนลูกวอลเลย์ให้ทะลุกำแพงออกไปเลย”
ผมมองยัยตัวแสบก่อนจะหัวเราะออกมา แล้ววันๆ ยัยนี่แม่งคิดจะฆ่าผมอย่างเดียวเลยมั้ง พอเริ่มรู้สึกเหมือนจะหลับเลยใช้มือสะกิดที่หลังของยัยตัวแสบแล้วเรียกยัยนี่เบาๆ
“เธอ เธอ”
“หื้อ อะไร อย่ากวนประสาทฉัน”
“เอาเสื้อแขนยาวมายืมสิ”
“มันเกี่ยวอะไรกัน มันเป็นของใช้ส่วนตัว งื้ออ ไอ้เซทท์ เอาคืนมา”
“ไม่ ฉันจะหลับ ไม่ห่มผ้าฉันนอนไม่หลับ 16.50 นาที ปลุกฉันด้วย”
ฉันมองไอ้บ้านี่ที่ตอนนี้เอาเสื้อแขนยาวไหมพรมของฉันไปใช้ประหนึ่งเป็นของตัวเอง ตอนแรกก็พยายามดึงน้องคืนมาแต่ค่าตัวน้องก็ค่อนข้างสูงเลยถอนหายใจแล้วก็หันกลับมาทางเดิม เดี๋ยวค่อยเอาไปซักเอา
“ขนาดนี้แล้วปะ”
“จริง ตรงไหนไม่แฟน แล้วตรงไหนไม่ชอบแม่กูวะ”
“โครงการผลักดันให้เพื่อนมีผัวของเราเริ่มเห็นความสำเร็จแล้วค่ะ”
“คิกๆ ต่อไปกูขอต่อนะ แค่ชื่อโครงการก็ถูกใจละ”
“เออๆ คิกๆ”
“พวกมึงหัวเราะอะไรกันอะ”
“เปล้า! ใครจะหัวเราะอะไรล่ะแม่ ตอนนี้มีแต่คนมองบนกันหมดแล้วค่ะ อะไรยังไงคะเราอะ”
“อืม กูมีอะไรจะบอกพวกมึง”
ฉันนั่งชันเข่าก่อนจะทำสีหน้าจริงจังและมองเพื่อนของฉันจนเพื่อนฉันพากันถามออกมา
“อะไรวะแม่ อะไรยังไง”
“นั่นสิๆ”
“กูว่า กูใกล้จะเป็นประสาทว่ะ”
“พรืด ไอ้บ้า จะเป็นประสาทหรือแพ้ความรักก่อนคะ”
“โรคประสาทจริงแท้แน่นอนโดยไม่มีโรคอื่นแอบแฝงค่ะ”
“ฮ่าๆ ไอ้สัสเอ๊ย”
“เซทท์ เซทท์! ไอ้เซทท์!!”
ผมนอนหลับสนิทไปนานพอสมควรมารู้สึกตัวอีกทีตอนที่ได้ยินเสียงใครเรียกแล้วก็กระชากผ้าห่มออก ผมเลยค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาจนสายตามันชินกับแสงเลยเห็นหน้ากลมๆ ของยัยตัวแสบ ผมเลยถามยัยนี่ออกไป
“เธอมาห้องฉันได้ไง”
ฉันดึงเสื้อคืนมาก่อนจะตอบไอ้บ้านี่กลับไป แม่งนอนจนลืมวันลืมคืนแล้วมั้ง
“ห้องนายอะไร นี่มันห้องเรียน ตื่น โรงเรียนเลิกแล้ว นายจะไปชมรมกีฬาใช่ไหม”
“อืม”
ผมพยักหน้าก่อนจะลุกขึ้นมานั่งแล้วก็หยิบกระเป๋าสะพายข้างของแบรนด์หนึ่งขึ้นมาสะพาย เพราะวันนี้ผมไม่ได้เอากระเป๋าที่ใช้เรียนมา มันไม่มีเรียนไง จากนั้นก็เดินมากับยัยตัวแสบ
“ฉันแวะซื้อน้ำก่อน ฉันหิวน้ำ”
“เธอซื้อของกินไปเผื่อไว้ด้วย”
ฉันหันไปมองหน้าไอ้บ้านี่แบบงงๆ ก่อนจะถามนายนี่ออกไป
“ซื้อไปทำไม ฉันแค่ไปส่งนายไม่ใช่เหรอ”
“เธอต้องอยู่จนฉันซ้อมเสร็จ”
“เพื่อ”
ผมยิ้มมุมปากก่อนจะหยักคิ้วและตอบยัยนี่กลับไปด้วยสีหน้าของผู้ชนะ
“เพราะเธอต้องดูแลฉัน แต่ถ้าเธอไม่อยู่เธอรอรับโทรศัพท์จากครูได้เลย”
ฉันเม้มปากแล้วมองไปที่ไอ้บ้านี่แบบเคียดแค้น แล้วจะเอาตรงไหนมาใจดีกับมันวะ ดูแต่ละอย่างที่แม่งทำ หัวจะปวด
“ฉันเบื่อขี้หน้านายจริงๆ”
“ฉันชอบหน้าเธอมากมั้ง ไป ชักช้า”
ผมตอบยัยนี่กลับไปจากนั้นก็พากันมาซื้อน้ำซื้อขนม พอซื้อของเสร็จผมก็พากันโดนมาที่อาคารที่เอาไว้สำหรับเล่นวอลเลย์ อีกห้องก็เป็นห้องสำหรับแข่งบาส แล้วพื้นที่ใหญ่ตามมาตรฐานสากล แล้วก็มีอัศจรรย์สำหรับนั่งเชียร์ ด้านบนเป็นเก้าอี้พลาสติกแบบทั่วไป แต่ด้านล่างจะเป็นเก้าอี้นุ่มๆ เหมือนเก้าอี้ในโรงหนังอะ พอมาถึงทางเข้าผมเลยจับแขนยัยนี่แล้วพากันเดินเข้ามาด้านใน
“นี่ ปล่อย ฉันอยู่นี่มาตั้งแต่เบบี๋ละ ฉันไม่หลงหรอก”
ฉันพยายามบิดแขนออกจากมือของเขาแล้วชมรมกีฬาคนเยอะมากแม่
“ฉันบอกตอนไหนว่ากลัวเธอจะหลง”
“เอ้า แล้วนายจะจับแขนฉันทำไม”
“ฉันพอใจจะจับเธอจะทำไม”
ผมพูดพร้อมกับแขนยัยนี่ไว้แน่นกว่าเดิม พอเดินเข้ามาก็เห็นอาจารย์แล้วก็เพื่อนในชมรมกำลังทยอยกันมา คนที่ทยอยมาแล้วก็เริ่มหยิบลูกวอลเลย์ไปเล่น พอเห็นผมมากับยัยนี่ทุกคนก็หันมายิ้มและพากันล้อขึ้นมา
“ง้วววว”
“เนี่ยยยยย วันนี้มาคนเดียวไม่ได้แล้วเหรอวะ”
“สวัสดีครับน้องมิลินท์”
“พี่ๆ สวัสดีค่ะ”
ฉันที่ตอนนี้ก็ยังพยายามบิดข้อมือของตัวเองออกทักทายรุ่นพี่ในโรงเรียนที่เค้าอยู่ชมรมกีฬากลับไป
“อ้าว เจ้าแสบมิลินท์ อย่าบอกนะว่าจะมาเล่นกีฬาด้วยอะ”
“เปล่าค่ะครู หนูโดนไอ้บ้านี่ลากมา แค่หนูเห็นตึกหนูก็เหนื่อยแล้วค่ะ”
“หึหึ เออ ครูก็ว่า เพราะถ้าเป็นแบบนั้นน้ำคงท่วมพิจิตรแน่ๆ อ๋อ ไม่ได้มาเล่น แต่มานั่งให้กำลังใจไอ้เจ้าเซทท์เหรอ เฮ้ย ลูกสาวครูมีความรักแล้วเหรอเนี่ย”
“เนี่ยยย!”
“ครูคะ ไม่ใช่ค่ะ”
“ฮึ ครูครับ ใส่ชุดนักเรียนหรือเปลี่ยนชุดครับ”
“เปลี่ยนชุดๆ เดี๋ยวชุดนักเรียนเปื้อน นี่กุญแจล็อกเกอร์ของเรานะ มีเบอร์บอกอยู่ในพวงกุญแจ ครูเตรียมอุปกรณ์ไว้ให้ในนั้นหมดแล้ว”
“ครับ งั้นเดี๋ยวผมมา”
“อะเคๆ อ้าวๆ ใครมาถึงแล้วไปเปลี่ยนชุดเลยนะ เราจะได้ลองเล่นกัน!”
“ครับ!!”
ผมพายัยตัวแสบเดินมาที่เก้าอี้ก่อนจะส่งกระเป๋าแล้วกำชับกับยัยนี่กลับไป
“นั่งรออยู่นี่ แล้วใครมาทักก็ไม่ต้องไปคุย”
“ฉันมีปากปะ แล้วเผื่อนายจะลืม ฉันอยู่โรงเรียนนี้มาก่อนนายค่ะ”
“ทำตาม”
ฉันเบะปากใส่ไอ้คนตัวสูงที่ทำหน้าตาจริงจัง แล้วฉันว่ามันอาการเริ่มจะหนักนะ นับวันยิ่งบ้าขึ้นทุกวัน
“ฉันว่านายอาการหนักมากแล้วนะ ไปหาหมอเถอะ”
“เพราะเธอนั่นแหละ ทำตามด้วย ถ้าไม่งั้นเธอปวดหัวจนหัวระเบิดแน่ๆ”
“เออ รีบไปซะ ฉันเหม็นหน้านาย”
ผมมองยัยตัวแสบก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมกับใช้มือบีบแก้มยัยนี่แหละตอบยัยตัวแสบกลับไปแบบกวนๆ
“ฮึ ดีนะที่ยังไม่มีอะไรกัน เพราะถ้ามีอะไรกันฉันคงสงสัยว่าเธออาจจะท้องแล้วมีอาการเหม็นหน้าผัว”
ฉันเบิกตากว้างก่อนจะใช้มือตีลงไปที่แขนของไอ้บ้านี่แรงๆ และพยายามดันมือเขาออกจากหน้าตัวเอง แล้วดูมันพูดแต่ละอย่าง
“ไอ้ผู้ชายปากหมา ไปเลยไป”
“ฮึ นั่งรออยู่นี่ห้ามไปไหน”
“แล้วฉันยืนอยู่หรือไง”
ผมส่งยิ้มให้ยัยนี่แบบกวนๆ ก่อนจะเข้ามาในห้องที่เอาไว้สำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็อาบน้ำสำหรับนักกีฬาที่ทางโรงเรียนทำไว้ให้