“วันนี้พี่มีเรียนด้วยเหรอคะ?” ปันหยาเอ่ยถามเมื่อเห็นผมใส่ชุดนักศึกษาซึ่งวันนี้ผมต้องสวมบทบาทเป็นผู้ปกครองจำเป็นให้เธอครับ
“อืม เสร็จธุระตรงนี้จะไปมหาวิทยาลัยเลยทีเดียว”
“อ่อ... ขอโทษนะคะที่ทำให้เสียเวลา”
“ไปกันเถอะเดี๋ยวสาย”
มาถึงโรงเรียนผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกเป็นเป้าสายตาครับมากไปกว่านั้นคือเสียงซุบซิบที่ดังตามหลังต่างหาก
“หวัดดี เอ่อ...ปันมากับใครเหรอ?” ผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยทักทายปันหยาพร้อมรอยยิ้มแต่เจ้าตัวกลับนิ่งและส่งสายตาเย็นชาไปแทน “อย่าคิดมากเลยนะแค่ผลการเรียนไม่ดีเอง”
“ถ้าคิดมากคงกลั้นใจตายไปแล้วล่ะ” จบประโยคก็ลากแขนผมออกไปจากตรงนี้เลยครับ
“รู้จักว่าคนเหมือนกันนี่”
“ไม่ได้ว่านะคะ อันนี้เรียกตอบกลับตามมารยาทเฉย ๆ”
“...” ถึงจะหัวอ่อนแต่ก็ไม่ได้อ่อนแออย่างที่คิดแฮะ
บรรยากาศในห้องปกครองไม่ได้เงียบอย่างที่คิดครับกลับเต็มไปด้วยเสียงนินทามากกว่าเสียงตำหนิลูกหลานซะอีก
“เพิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้เขาเอาแฟนมาเป็นผู้ปกครองได้ด้วย” คำพูดของผู้ปกครองท่านหนึ่งลอยเข้ามาในหูผม และแน่นอนว่าเขากำลังพูดถึงผมกับปันหยานั่นแหละ
“อะไรที่รู้ไม่จริงจงเงียบปาก” ผมพูดออกไปเสียงดังและมั่นใจว่าเขาต้องได้ยิน
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบเมื่อผมพูดออกไปแบบนั้นจนกระทั่งครูประจำชั้นของเธอเข้ามา
“ปันหยานี่ผู้ปกครองของเธอเหรอ?”
“ค่ะ”
“ขอโทษนะคะ อายุเท่าไหร่เพราะหากยังไม่บรรลุุนิติภาวะไม่สามารถเป็นผู้ปกครองได้ค่ะ” ประโยคนี้เขาหันมาพูดกับผมครับ ผมไม่ได้ตอบอะไรแต่หยิบบัตรประชาชนให้แทน “โอเค ขอโทษนะคะรบกวนสอบถามเพิ่มเติมเป็นอะไรกับปันหยาเหรอคะ”
“พี่ชายครับ”
“หืม... ครูไม่ยักรู้ว่าเธอมีพี่ชายกับเขาด้วย”
“...”
หลังจากนั้นก็มีการพูดคุยเกิดขึ้นครับ ไม่มีอะไรร้ายแรงหรอกทางโรงเรียนแค่ต้องการผลการเรียนที่ดีกว่านี้เท่านั้นเอง บางคนติดศูนย์ บางคนขาดเรียนบ่อยก็มี
“ทำไมคะแนนรั้งท้ายขนาดนี้?” ผมเอ่ยถามคนข้าง ๆ เมื่อได้เห็นคะแนนเก็บที่คุณครูนำมาให้ “คะแนนเต็มร้อยแต่ได้ห้าสิบเกือบทุกวิชาเลย” มีแค่หมวดการงานอาชีพครับที่ได้เจ็ดสิบคะแนน
“หยาทำได้แค่นี้”
“...”
“ปันหยาครูห่วงเธอมากกว่าคนอื่นเลยนะ ดูผลการเรียนของเธอตอนมัธยมต้นสิเกรดเฉลี่ย4.00สามปีซ้อนเลย แต่พอขึ้นมัธยมปลายเธอตกฮวบเหลือครึ่งเดียว เธอมีปัญหาอะไรบอกครูได้นะ”
ผลการเรียนย้อนหลังเป็นแบบนั้นจริง ๆ ครับ ถ้าจะพูดให้ถูกเธอก็หัวกะทิของห้องคนหนึ่งนั่นเอง ไม่มีวิชาไหนเลยที่จะพลาดแม้แต่คะแนนเดียว
“ยากค่ะ หยาทำไม่ได้”
“ครูว่าไม่ใช่หรอก เธอทำได้แต่เธอเหมือนไม่อยากทำสอบเก็บคะแนนข้อเขียนเธอออกก่อนเวลาแถมยังปล่อยให้หน้ากระดาษว่างเปล่าอีกทั้งที่ตัวเองทำได้แต่เธอก็เลือกที่จะไม่ทำ มันเป็นเพราะอะไร? เธอไม่ได้น้อยใจหรือประชดชีวิตตัวเองอยู่ใช่ไหม”
“...”
“เดี๋ยวผมจัดการเองครับ”
“ฝากด้วยนะคะ เน้นย้ำทุกคนเลยเทอมหน้าต้องได้คะแนนดีกว่านี้ ไม่ใช่เพื่อโรงเรียนแต่เพื่อตัวนักเรียนเองนะคะ คะแนนเก็บกินไม่ได้ก็จริงแต่มันทำให้นักเรียนมีทางเลือกเยอะขึ้นนะ ฝากผู้ปกครองอีกครั้งนะคะ”
ออกจากห้องปกครองคนข้าง ๆ ก็ยังคงเงียบครับ เหมือนมีเรื่องในใจแต่บอกใครไม่ได้หรือไม่อยากบอกเองมากกว่า
“คือหยา...”
ผลัก!
“อ๊ะ!" ใครคนหนึ่งเดินชนอย่างตั้งใจ
“โทษทีไม่ได้ตั้งใจน่ะ”
“...”
“ว่าแต่ไปเอาใครมาเป็นผู้ปกครองให้เหรอ เท่าที่รู้เนี่ยเธอเป็นลูกนอกทะเบียนสมรสแค่คนเดียวนะ” น้ำเสียงเย้ยหยันเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
“อะไรคือลูกนอกทะเบียนสมรสเหรอออม” เพื่อนเธอที่มาด้วยเอ่ยถามครับ ผมไม่ได้แย้งอะไรแค่รอฟังคำตอบเงียบ ๆ เท่านั้นเอง
“ก็ลูกเมียน้อยไง!! มันเนี่ยแหละเป็นลูกอีกคนของพ่อกู”
... : หูย...
จบประโยคทุกเสียงก็แตกฮือให้กับเรื่องราวที่ได้ยินผ่านเธอคนนี้พร้อมกับสายตาบางส่วนที่มองปันหยาอย่างนึกรังเกียจ
“แล้วแม่แกว่าไงเหรอออม”
“แม่กูจะว่ายังไงล่ะ ทำอะไรไม่ได้เพราะพ่อกูบอกห้ามแตะต้องมันกับแม่ของมัน ทำได้อย่างเดียวคือร้องไห้ทุกครั้งที่พ่อปลีกตัวไปอยู่กับพวกมันอ่ะ กูพูดขนาดนี้แล้วมึงไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอปันหยา!!” เธอตวาดออกมาเสียงดังลั่นก่อนจะตรงเข้ามาประชิดตัวกับปันหยาอีกครั้ง “หน้าด้านทั้งแม่ทั้งลูก วันไหนมึงมีคนรักกูขอแช่งให้คนคนนั้นเป็นคนมีเจ้าของ ให้มึงเจ็บยิ่งกว่าที่กูเจ็บ!!”
“พอ ๆ เดี๋ยวครูมาก็เป็นเรื่องอีกไปเหอะ”
“อะไรที่เป็นของมึงกูจะแย่งให้หมดเลยคอยดู!!” เสียงประกาศกร้าวดังไปทั่วบริเวณจากนั้นเธอก็ถูกเพื่อนลากออกไปครับ เหลือเพียงผมกับนักเรียนคนอื่นที่ผ่านมาเห็นเท่านั้นเอง
“ไปด้วยกันไหม?” ผมเอ่ยถามปันหยาที่เอาแต่ก้มหน้าอยู่ตอนนี้ ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นยังไงมันก็เป็นความผิดและความเห็นแก่ตัวของผู้ใหญ่อยู่ดีนั่นแหละ “เพราะเรื่องนี้สินะถึงไม่อยากอยู่บ้าน”
“...” เงยหน้ามองผมน้ำตาคลอเชียวครับ
“ห้ามร้อง ฉันไม่ชอบเด็กงอแง” ผมว่าพลางเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่กำลังจะไหลลงมาอยู่ตอนนี้ “ห้ามร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นเข้าใจไหม?”
“อึก... ค่ะ”
เป็นอีกครั้งที่ได้รับรู้เรื่องราวของเธอ มันจะดีกว่านี้ถ้าปันหยาเลือกที่จะบอกผมมากกว่าให้คนอื่นประจานตัวเองอย่างโจ่งแจ้ง แต่ก็อย่างที่ผมบอกว่าเธอไม่ผิด ถ้าจะถามหาคนผิดก็คงต้องโทษพ่อแม่ของเธอนั่นแหละ
“ผู้หญิงคนเมื่อกี้เป็นใครเหรอ”
“เป็นลูกของพ่อกับภรรยาของเขาค่ะ”
“รู้มาก่อนไหมว่าเขามีครอบครัวอยู่แล้ว” ไม่ได้อยากจะละลาบละล้วงนะครับแต่มันอดถามไม่ได้จริง ๆ
“หยาไม่รู้ ตอนเด็ก ๆ ทุกครั้งที่พ่อไม่กลับบ้านแม่จะบอกเสมอว่าพ่อติดธุระ พ่อต้องทำงาน จนสองปีก่อนมีผู้หญิงคนหนึ่งมาที่บ้านเขาบอกว่าเขาเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เขาไม่ได้พูดปากเปล่านะคะแต่เขามาพร้อมกับทะเบียนสมรส”
“ตามกฎหมายใครมาก่อนมาหลังไม่สำคัญเท่าทะเบียนสมรสนะ”
“หยารู้... เขามีลูกชายอีกคนหนึ่งค่ะ โตกว่าหยาประมาณสามปี”
“โลกมันกลมหรือเป็นเรื่องบังเอิญล่ะที่เรียนอยู่ที่เดียวกัน”
“ออมเพิ่งย้ายมา เขาคงตั้งใจมากวนหยาโดยเฉพาะ”
“ไม่ได้เข้าข้างใครแต่มันเป็นเรื่องปกตินะ ใคร ๆ ก็อยากมีพ่อหรือแม่คนเดียวเท่านั้น สังคมเราไม่ได้ยอมรับเรื่องแบบนี้กันนักหรอก” ผมพูดไปตามความจริงครับ ไม่ได้มีเจตนาว่าให้เธอเสียใจไปมากกว่านี้เลย
“หยาควรทำยังไง”
“ทำใจและยอมรับความจริง แต่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องเป็นแบบนั้นเหมือนที่เขาแช่งนะ ใช้ชีวิตตามปกติที่เหลือก็อย่าไปเก็บมาใส่ใจมากนัก”
ผมไม่รู้ว่าจะปลอบหรือพูดยังไงให้ปันหยาเข้าใจ ในมุมของผมคนไม่รู้ย่อมไม่ผิดครับ ที่ปันหยาเผชิญอยู่ตอนนี้มันคือปมในใจต่างหากไม่ใช่ปัญหาครอบครัว พ่อกับแม่เธอจะรับรู้บ้างไหมว่าลูกทุกข์ใจเพราะความเห็นแก่ตัวของตัวเองมากแค่ไหน
“พี่ไปเรียนเถอะหยากลับห้องเองได้”
“ไม่เป็นไรแค่เอางานไปให้เพื่อนเท่านั้นเอง”
“หยาอยากอยู่คนเดียว”
“...”
ผมไม่ได้ตอบอะไรและขับรถออกมาเลย ก่อนถึงมหาวิทยาลัยจะมีสวนสาธารณะครับ ทิ้งไว้ที่นี่แหละอยากอยู่คนเดียวก็อยู่ไป
“เรียนเสร็จจะมารับนะ”
“ค่ะ”
“อยากอยู่คนเดียวก็อยู่ไปแต่อย่าทำอะไรโง่ ๆ ชีวิตยังมีอะไรให้เห็นให้สัมผัสอีกเยอะ เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เกณฑ์วัดค่าชีวิตใครหรอกนะ” ขนาดผมถูกบังคับให้อยู่แต่ในกรอบตลอดผมยังมีความสุขได้เลยแค่พาตัวเองไปเจอสังคมใหม่ ๆ ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำก็มีความสุขขึ้นได้ครับ
“หยาไม่คิดสั้นแบบนั้นหรอก ก็แค่อยากอยู่คนเดียว”
“...”
“พี่...”
หมับ!
“ขอบคุณนะคะที่วันนี้อยู่พี่อยู่ข้างหยา” น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยพร้อมกับกอดผมไว้แน่น
“อย่าร้องไห้อีกก็พอ”
“ค่ะ”
เป็นเวลาเกือบเดือนที่เราอยู่ร่วมกันจากที่คิดว่าคงห่างเหิน คงเฉยชา ตอนนี้มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเลยครับ ตกลงใครจะทำให้ใครดีขึ้นกันแน่ ...ปันหยาเหมือนตัวคนเดียวไม่มีใครให้พึ่งพิงพอมาวันนี้มีผมเป็นทางเลือกเธอจึงตัดสินใจแบบไม่ลังเล นี่หรือเปล่านะที่แม่เคยบอก เพราะน้องเลือกภาม
ชีวิตแสนวุ่นวายของเธอผมรับรู้แล้ว ข้อตกลงระหว่างเราผมก็รับรู้แล้วเช่นกัน แต่อีกเรื่องหนึ่งที่ยังไม่รู้คือพ่อผมไปยุ่งอะไรกับครอบครัวปันหยา? รู้จักกัน สนิทกัน หรือเพื่อนรักกัน? ผมต้องหาคำตอบให้ได้ครับ