Episode-๐๕ พี่คนแรก...

1146 คำ
หลายวันผ่านไป ระหว่างเราสองคนปรับเข้าหากันอยู่ตลอดครับ หรือจะพูดให้ถูกน่าจะเป็นผมมากกว่าที่เป็นฝ่ายปรับเข้าหาปันหยาน่ะ จากตอนแรกที่ใช้ชีวิตไปเรื่อยไม่ต้องสนใจใคร ตอนนี้กลายเป็นรับภาระอันหนักอึ้งเลยแหละ “พี่... หยาอยากลองทำอันนี้” เธอว่าพลางเปิดเมนูอาหารในมือถือให้ผมดู “อาทิตย์หน้ามีเรียนการงานอาชีพค่ะ” “ทำอาหารไม่เป็นทำไมไม่เลือกอย่างอื่น” “อย่างอื่นนี่... อย่างไหนเหรอคะ?” “...” ผมไม่ควรลืมสินะว่าปันหยาทำอะไรไม่เป็นเลย ไม่สิ! ไม่มีอะไรอยู่ในความสามารถเลยต่างหาก “ช่างเถอะ! แล้วเขาให้ทำอะไรบ้าง” “ทำอาหารตามที่จับฉลากได้ค่ะ ปกติจะทำเป็นกลุ่มแต่คราวนี้จะเก็บคะแนนก็เลยทำเดี่ยว ตอนแรกหยาจับได้ผัดกระเพราะค่ะแต่เพื่อนขอแลกไปเขาบอกว่าอันนี้ง่ายกว่าและเหมาะกับหยา” ถึงกับกุมขมับครับ ฟังแล้วอยากจะเอาหัวกระแทกกำแพงให้รู้แล้วรู้รอดไป “เชื่อคนอื่นง่ายขนาดนี้เลยเหรอ?” “...” “อันนั้นน่ะง่ายกว่าไอ้ไข่ตุ๋นนี่อีกนะ” ใช่ครับ ไอ้ที่เธอให้ผมดูคือไข่ตุ๋นนี่แหละ “ถ้าคุมไฟไม่ดีมันก็ด้านและไม่สวย เหมือนจะง่ายแต่มันไม่ง่ายเลยนะยิ่งคนไม่เคยทำยิ่งไม่ง่ายเลย” “อ้าว...” “แต่ลองทำบ่อย ๆ มันก็ต้องได้แหละ แล้วต่อไปอย่าเชื่อใครง่าย ๆ แบบนี้อีก” “ค่ะ” “ถามจริง อยู่โรงเรียนมีเพื่อนบ้างไหม?” “ถ้าเพื่อนสนิทไม่มีค่ะ มีแต่เพื่อนเรียน” “อะไรคือเพื่อนเรียน?” “ก็คุยกันบ้างตอนเรียน นอกนั้นหยาไม่ยุ่งกับใคร เวลามีงานกลุ่มก็อยู่รวมกันได้ค่ะ แต่ถ้าแบบสนิทสนมเลยแบบนั้นไม่มี” “...” ผมว่าตัวเองหนักแล้วนะ เจอปันหยาไปชีวิตผมดูปกติขึ้นมาทันทีเลยครับ “ว่าแต่... พี่จะสอนหยาทำใช่ไหมคะ?” แววตามีความหวังมากครับ “ถ้าบอกว่าไม่ล่ะ” “ใจร้าย” “น่ารำคาญ!” ครืด... ครืด... “เออ” ไอ้แนนครับ (ว่างไหมตอนนี้) “ทำไม? มีอะไรสำคัญ” (อยากเมา) “มึงก็เมาทุกวันนะ” (เออ วันนี้จะเมาอีก) “วันนี้ไม่ว่างวันอื่นแล้วกัน” (มึงกล้าปฏิเสธคนสวยอย่างกูเหรอ) “สวยกว่ามึงกูยังปฏิเสธมาแล้วเลย” (ไอ้นี่!) “ฮ่า ๆ แค่นี้นะ” (เออ) แล้วมันก็วางสายไปครับ ผมก็ไม่ได้พูดอะไรผิดสักหน่อย “ตากผ้าหรือยัง?” ผมหันไปถามใครอีกคนที่กำลังมองผมอยู่ “อ๋อ! หยาลืมเลย” จบประโยคก็รีบตรงไปยันเครื่องซักผ้าทันทีเลยครับ นอกจากจะเชื่องช้าแล้วยังขี้ลืมอีกด้วย “เสร็จแล้วค่ะ” “งั้นก็ไป” “ไปไหนเหรอคะ?” “ซื้อของ” “พี่จะสอนหยาทำใช่ไหม?” “พูดอีกคำจะเปลี่ยนใจละ โคตรน่ารำคาญ” ผมไม่ชอบคนเซ้าซี้ครับ แล้วอีกอย่างใช้ชีวิตคนเดียวจนชินด้วยแหละ มาถึงห้างสรรพสินค้าก็เลือกของที่ต้องการรวมไปถึงของใช้อื่น ๆ ก็ด้วย “อยากได้อะไรอีกไหม?” “เครื่องเขียนค่ะ” “ไปสิ” นานหลายนาทีที่ปันหยาเอาแต่หยิบนั่นหยิบนี่มาดูคล้ายกับตัดสินใจไม่ได้ก่อนจะหันมาทางผม “จะเอาอะไรก็หยิบมาเหอะ” “จริงนะ?” “อืม” ได้ยินแบบนั้นเจ้าตัวก็หยิบทุกอย่างเลยครับ ทั้งดินสอปากการวมไปถึงสมุดโน้ตเล่มเล็ก “เอาไปทำอะไรเยอะแยะ” เป็นสิบอันเลยครับ มีแทบทุกสี “มันน่ารักดี เบื่ออันนั้นก็ใช้อันนี้” “แล้วมันช่วยให้เรียนเก่งขึ้นไหม?” “ไม่ค่ะ แต่ช่วยให้สบายใจขึ้นเพราะเป็นสิ่งที่ชอบ” “...” แปลกคนครับ ชอบอะไรที่คนอื่นเขาไม่ค่อยชอบกัน กลับถึงห้องก็เริ่มสอนเลยครับสำหรับปันหยาคงไม่ต่ำกว่าห้ารอบแน่นอนเพราะเธอไม่มีพื้นฐานอะไรเลย และมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ ... “ยากจริงด้วย” น้ำเสียงแผ่วเบาเอ่ยพร้อมกับมองเปลือกไข่ที่ใช้ไปก่อนหน้านี้ซึ่งจะหมดแผงแล้ว “ใครเขาเก่งกันตั้งแต่ครั้งแรก? เอาใหม่ ทำใหม่” “ค่ะ” เริ่มใหม่เป็นครั้งที่สิบแล้วมั้งครับ ผมอธิบายอย่างใจเย็นเพื่อให้เธอจำและรู้ใจกับวัตถุดิบในมือให้มากที่สุด พอมันชินมือครั้งต่อไปจะง่ายเองครับ แม่ผมสอนมาแบบนี้ “ทำไมต้องกรองไข่ด้วยเหรอคะ” “ไล่ฟองอากาศเวลานึ่งมันจะเนียนสวยและจำไว้นะว่าใช้ไฟอ่อน” “เข้าใจแล้วค่ะ” “ใส่อย่างอื่นลงไปได้นะ วุ้นเส้นหรือเนื้อสัตว์อะไรพวกนี้ก็ใส่ได้” “ถ้าไม่บอกว่าพี่เรียนการเงินหยาคิดว่าพี่เรียนคหกรรมศาสตร์ซะอีก” เธอว่ายิ้ม ๆ ก่อนจะหันไปสนใจไข่นั่น “อยากรู้ว่ามันจะสุกหรือยัง” “รอประมาณยี่สิบนาทีก่อนค่อยใช้ไม้แหลมจิ้มลงไป ถ้าไม่มีไข่ติดหรือเยิ้มขึ้นมาก็คือสุกแล้ว และจำไว้ด้วยนะว่าใช้เวลาประมาณกี่นาที” “ค่ะ” หลังจากนั้นผมก็ทิ้งปันหยาไว้ในครัวเลยครับ เข้าห้องมาอาบน้ำชำระร่างกายระหว่างนี้ก็ใช้ความคิดไปด้วย ทำไมผมถึงมีความอดทนกับปันหยามากขนาดนี้? ที่บอกว่ายิ่งกว่าเลี้ยงเด็กเล็กนี่ไม่เกินจริงเลยนะ ขยันถาม ขยันเซ้าซี้ นั่นไม่รู้ นี่ไม่เป็น เฮ้อ... “กรี๊ด...!!” เสียงกรี๊ดดังออกมาจากในครัวได้ยินแบบนั้นผมจึงรีบวิ่งไปดูทันที “เป็นอะไร?” พลางใช้สายตาสอดส่องไปทั่วบริเวณก็ไม่มีอะไรครับ เตาแก๊สก็ปิดแล้ว “หยาทำได้แล้ว! คิกคิก ถ้วยนี้สุกและกินได้ค่ะไม่เชื่อพี่ลองมาดูสิ” น้ำเสียงเบิกบานมากครับไอ้เราก็นึกว่าทำไฟไหม้ครัวซะอีก ที่ไหนได้ประสบความสำเร็จกับไข่ถ้วยสุดท้ายนี่เอง “คราวหน้าอย่าแหกปากแบบนี้อีกนะ” “ขอโทษค่ะ ก็มันดีใจนี่” “แล้วจำได้ไหมว่าใส่อะไรลงไปบ้าง ปริมาณเท่าไหร่ ใช้เวลาเท่าไหร่” “จำได้ค่ะ” “แบบนั้นก็ดี” “ขอบคุณนะคะ” “...” “พี่คนแรกเลยนะเนี่ยที่สอนหยาทำกับข้าว” เธอยังคงพูดพร้อมรอยยิ้มเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องน่าทึ่ง น่าอัศจรรย์ยังไงยังงั้น “ต้องดีใจขนาดนี้เลยหรือไง” “แน่นอนค่ะ! เรื่องง่าย ๆ ที่ครอบครัวให้ไม่ได้แต่พี่ให้หยาได้ ขอบคุณอีกครั้งนะคะคราวนี้ต้องได้คะแนนเต็มชัว คิกคิก” ดีใจออกนอกหน้านอกตามากครับ “จะคอยดู”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม