อาเยว่กลับมาแล้ว

1776 คำ
ทันทีที่ทั้งสองคนกลับมาถึงบ้านซุนเยว่ก็เดินไปส่งคุณป้าที่บ้านของนางก่อน ค่อยกลับมาที่บ้านของตนเองอีกที หญิงสาวจุดไฟทั้ง 2 เตาแล้วมองหาหม้อดินมาหุงข้าว เธอตั้งหม้อแกงแล้วเริ่มสับไปเป็นชิ้น ๆ พอหม้อน้ำในหม้อเดือดเธอก็เติมไก่และหน่อไม้แห้งที่แช่น้ำเอาไว้ก่อนหน้านี้ หญิงสาวเปิดมิติอีกครั้งเพื่อเอาซุปก้อนมาเติมลงในหม้อแล้วรีบปิดอย่างรวดเร็ว ซุนเยว่มองดูพระอาทิตย์ที่กำลังเคลื่อนคล้อยลงต่ำ อีกไม่นานสมาชิกในครอบครัวของเธอก็คงกลับจากแปลงนาแล้ว คิดถึงตรงนี้หญิงสาวก็อดตื่นเต้นไม่ได้ หากถามถึงครอบครัว นานหลายปีแล้วที่เธอไม่ได้รับอ้อมกอดนั้น กระทั่งเธอจากโลกที่เคยอยู่ มายังที่นี่ ป๊อก แป๊ก ป๊อก แป๊ก ซ่า~ ซ่า~ "ฝนตกหรอ!" หญิงสาวรีบเดินออกไปดูที่นอกห้องครัว เมื่อเห็นว่าเป็นเม็ดฝนที่ร่วงหล่นลงจากฟ้าจริง ๆ เธอจึงได้เอ่ยขอบคุณชายชราผู้เฒ่า "ขอบคุณที่รับฟังคำขอของหนูนะคะคุณตา หรืออาจจะเป็นกำหนดเวลาที่ฝนต้องตกอยู่แล้ว หนูก็ขอบคุณอยู่ดีค่ะ" ครืนนนนน~ สิ้นเสียงของสาวน้อยท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ก็ส่งเสียงคำรามเสมือนอยากบอกกลับเธอว่ารับรู้คำขอบคุณนั้นแล้ว เมื่อสายฝนด้านนอกเริ่มตกลงมาแรงขึ้น ซุนเยว่จึงหันเข้าไปทำผัดผักบุ้งต่อ เธอไม่ได้เอาหมูออกมาใส่ในผัดผักแม้จะอยากทำมากเท่าใดก็ตาม ซุนเยว่เห็นว่ายังพอมีเวลาเธอจึงรีบเอาสบู่ก้อน ยาสระผม และของใช้อื่น ๆ ในมิติออกมาแล้วเร่งมืออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะรีบเก็บทุกอย่างเข้าไว้ในมิติเช่นเดิม ซู๊ดดดด~ "อื้ม~ อร่อย" ซุนเยว่มัวแต่สนใจหม้อน้ำแกงไก่จนไม่รู้ตัวว่าตอนนี้สมาชิกในครอบครัวของเธอได้กลับมาแล้ว ซุนชาง(พ่อ) ซุนเยียน(แม่) ซุนอี้(พี่ชาย) ทั้งสามคนเดินเข้ามาถึงเขตบ้านต่างก็แปลกใจเมื่อเห็นควันไฟลอยออกมาจากห้องครัว พร้อมกับกลิ่นน้ำแกงที่หอมกรุ่นอย่างที่ไม่เคยได้ลิ้มลอง "อะ..อาเยว่~" ซุนเยียนอุทานออกมาเบา ๆ นางยืนอยู่หน้าห้องครัวด้วยอาการตัวแข็งทื่อ ดวงตาของนางเริ่มแดงจนร้อนผ่าวก่อนที่น้ำตาเม็ดใหญ่จะไหลออกมา "..." "..." ด้านสามีกับลูกชายของนางก็มีอาการไม่ต่างกัน พวกเขาเฝ้ารอวันนี้มานานนับ 13 ปี หลังจากที่ซุนเยว่ตกน้ำเมื่อตอนเป็นเด็ก ไม่ว่าจะพาไปหาหมอที่ไหนก็ไม่หาย จนสุดท้ายก็ได้พาไปหาแม่หมอเพื่อทำนายดวงให้แก่เด็กสาว จะเรียกว่าเป็นที่พึ่งทางใจของนางและครอบครัวก็ว่าได้ "เด็กคนนี้จากไปยังสถานที่ห่างไกลจนไม่อาจติดตามกลับมาได้ แต่พวกเจ้าไม่ต้องเป็นกังวล จงเฝ้าดูแลร่างกายของเด็กน้อยคนนี้ให้เติบใหญ่ วันที่เด็กคนนี้อายุครบ 19 ปี เด็กคนนี้จะกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับเรื่องลี้ลับหรือสิ่งของแปลกตา แต่พวกเจ้าอย่าได้หวาดกลัว ทุกอย่างล้วนไม่เป็นอันตราย ถึงวันที่พร้อม เรื่องทุกอย่างจะถูกบอกเล่าออกมาเอง" นั่นคือสิ่งที่แม่หมอบอกกับครอบครัวของนาง ผ่านพ้นจากวันนั้นมาได้เพียงปีกว่า ๆ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงของบ้านเมือง เรื่องพ่อมดหมอผีหรือความเชื่อเหล่านี้ถูกกวาดล้างจนหมด ครอบครัวซุนจึงได้แต่เก็บงำเรื่องนี้เอาไว้ และเฝ้ารอวันที่ลูกสาวของพวกเขาจะกลับมาเป็นคนเดิม "กลับมาแล้วเหรอคะ คือว่าหนู~ หนูทำกับข้าวไว้รอค่ะ ทำไมมองหนูแบบนั้นล่ะคะ~" ซุนเยว่รู้สึกเหมือนถูกใครมองอยู่ เธอจึงหันมาดูที่ประตูห้องครัวก็พบว่า พ่อแม่และพี่ชายของเธอก็จ้องเธออยู่ทั้งดวงตาแดงก่ำ หญิงสาวจึงเป็นฝ่ายเอ่ยทักทายขึ้นก่อนอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ หรือทุกคนจะมองว่าเธอกินล้างกินผลาญรึเปล่า ยิ่งยุคนี้ชาวบ้านแทบต้องกินน้ำต้มข้าวเพื่อประทังชีวิต ยิ่งคิดซุนเยว่ก็ยิ่งรู้สึกว้าวุ่น "..." "..." "..." "หนูทำอะไรผิดรึเปล่าคะ วะ..วันหลังหนูจะไม่ทำกับข้าวอีกก็ได้ ขอโทษด้วยนะคะ" "ไม่ลูกไม่ อาเยว่ของแม่ไม่ได้ทำอะไรผิด ฮึก ฮื้อออ~ลูกกลับมาแล้ว อาเยว่ของแม่ ฮื้อออ" พรึบ พรึบ พรึบ ซุนเยียนเดินเข้าไปกอดลูกสาวทั้งน้ำตานองหน้า ตามด้วยสามีและลูกชายที่เดินเข้าไปกอดดวงใจของพวกเขาในสภาพที่ใบหน้าเปียกปอนเช่นกัน ทั้งสามได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ออกมาจากตัวของลูกสาว ช่างเป็นกลิ่นที่หอมสดชื่นยิ่งนัก แต่พวกเขาก็ไม่ได้เอ่ยทักท้วงอะไรออกไป "กลับมาสักทีลูกพ่อ พวกเรารอลูกมานานแล้วรู้ไหม" ซุนชางเอ่ยกับลูกสาวคนเล็กด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มพรางลูบกลุ่มผมของลูกสาวเบา ๆ อย่างหวงแหน "กลับมาก็ดีแล้วนะน้องเล็ก พี่จะได้มีเพื่อนเล่นสักที อยู่คนเดียวพี่เหงามากรู้ไหม" ซุนอี้กล่าวต้อนรับการกลับมาของน้องสาวอย่างอบอุ่น หลายปีที่ผ่านมาน้องสาวของเขาแทบจะไม่พูดกับใครเลยสักคำ "ฮะ ฮะ ฮะ พี่ใหญ่ พวกเราโตขนาดนี้แล้วจะเล่นอะไรดีล่ะ" ซุนเยว่หัวเราะอย่างมีความสุขโดยทั้งเบาใจที่ทุกคนไม่ได้โกรธที่เธอทำอาหารเยอะ หญิงสาวไม่รู้ตัวเลยว่ารอยยิ้มของเธอทำให้ทั้งสามคนมีความสุขมากแค่ไหน "มันต้องมีสักอย่างสิ ว่าแต่วันนี้อาเยว่ทำอะไรให้พวกเรากิน ทำไมหอมขนาดนี้" ซุนอี้หาบทสนทนากับน้องสาวให้ได้มากที่สุด แม้วันนี้น้องสาวของเขาจะมีท่าทีเหมือนจะหายเป็นปกติแล้ว แต่ชายหนุ่มก็กลัวเหลือเกินว่าน้องสาวเพียงคนเดียวของตนจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีก การที่ซุนเยว่ไม่รับรู้ไม่ตอบสนองสิ่งรอบข้างมันทำให้ครอบครัวของเขาเป็นทุกข์ใจมาก "มีน้ำแกงไก่ใส่หน่อไม้ที่แม่ทำไว้ค่ะ อ้อ แล้วก็มีผัดผักบุ้งด้วยนะคะ" ทั้งสามคนใจกระตุกวูบเมื่อได้ยินซุนเยว่พูดถึงผักบุ้ง แถวนี้มีเพียงลำธารเท่านั้นที่จะเก็บผักบุ้งได้ ภาพเมื่อครั้งก่อนเก่ายังคอยตามวนเวียนหลอกหลอนทุกคนในบ้านซุนไม่หยุด พวกเขาไม่อยากให้หญิงสาวไปเฉียดใกล้ลำธารเลยสักนิด "อาเยว่ ลูกไปที่ลำธารได้ยังไง สัญญากับแม่ได้ไหมว่าจะไม่ไปอีก ฮึก~" เมื่อเห็นอาการของผู้เป็นแม่ ซุนเยว่ก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายรู้สึกอ่อนไหวกับสถานที่แห่งนั้นมากแค่ไหน เมื่อคิดได้ดังนั้นซุนเยว่จึงรีบอธิบายให้ผู้เป็นแม่ฟัง "หนูไปกับป้าข้างบ้านค่ะ" "ป้าจ้าวหรือลูก?" "ใช่ค่ะ ป้าจ้าว หนูถามทางไปหาเก็บผักกับคุณป้า สุดท้ายแกก็เลยไปเป็นเพื่อนเพราะเป็นห่วงหนู แหะ แหะ" "งั้นแม่ต้องไปขอบคุณป้าจ้าวสักหน่อยแล้ว" "หนูฝากน้ำแกงไก่กับผัดผักบุ้งไปให้คุณป้าด้วยได้ไหมคะแม่ หนูเห็นคุณป้าดูผอมเกินไปเลยอยากให้แกได้กินของอร่อย ๆ ด้วย" "ลูกก็ตักไปให้ป้าจ้าวเองก็ได้ อาอี้ลูกก็ไปเป็นเพื่อนน้องนะ" ซุนชางผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้น "ครับพ่อ" ซู๊ดดด~ "ลูกสาวแม่รสมือดีมาก แบบนี้ป้าจ้าวต้องกินข้าวได้เยอะแน่นอน อาอี้ช่วยน้องยกไปนะลูก เดี๋ยวพ่อกับแม่ขอตัวไปอาบน้ำก่อนจะได้มากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน" ซุนเยียนกับสามีรีบมาชิมอาหารที่ลูกสาวของนางเป็นคนทำ แน่นอนว่าสองสามีภรรยาสงสัยเรื่องเนื้อไก่แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา "พี่ใหญ่ไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวหนูตักไปให้ป้าจ้าวเอง" "แต่ฝนตกอยู่นะอาเยว่" "เดี๋ยวหนูสวมหมวกสานไป พี่ใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วง อาบน้ำเร็ว ๆ น๊าาหนูหิวแล้ว~" คนอายุน้อยที่สุดในบ้านเอ่ยกับทุกคนด้วยน้ำเสียงออดอ้อนน่าเอ็นดู ยิ่งเป็นเรื่องอาหารเธอยิ่งใส่ใจมากเป็นพิเศษ ซุนเยว่พูดไปก็ตักน้ำแกงใส่ถ้วยไปด้วยอย่างมีความสุข "เอาอย่างนั้นก็ได้ เดินระวังหน่อยนะน้องเล็ก" "จ้ะ จ้าาา~" ซุนชางกอดภรรยาเอาไว้แน่นอีกครั้งด้วยความดีใจ ผู้เป็นพ่อแม่และพี่ชายยืนมองคนอายุน้อยสุดในบ้านเดินถือถาดอาหารออกไปให้เพื่อนบ้านจนสุดสายตาก่อนจะหันมาสนทนากันเบา ๆ "ผมมั่นใจว่าบ้านเราไม่มีไก่" ซุนอี้เป็นคนเปิดประเด็นก่อนพร้อมกับจ้องมองไปยังหม้อน้ำแกงไก่ เขาไม่รู้ว่าน้องสาวไปเอาเนื้อไก่มาจากไหน แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยถาม "จำที่แม่หมอบอกเราได้ใช่ไหมลูก รอให้น้องพร้อมก่อน ถึงเวลานั้นน้องคงจะบอกทุกอย่างกับเราเอง" ซุนชางผู้เป็นพ่อตอบกลับลูกชาย เขาเองก็สงสัยไม่ต่างกัน สถานการณ์แร้นแค้นเช่นนี้ใครกันจะเอาไก่ทั้งตัวมาทำอาหารในครั้งเดียว "เอาอย่างที่พ่อบอกนะลูก อาอี้ พวกเราต้องทำตัวให้เป็นปกติ น้องจะได้ไม่รู้สึกอึดอัด พวกเราคอยดูแลน้องอยู่ห่าง ๆ ก็พอ แค่น้องกลับมาแม่ก็มีความสุขที่สุดแล้ว อึก" "ครับแม่ ผมว่าพวกเรารีบไปอาบน้ำกันเถอะ เดี๋ยวน้องจะกลับมาซะก่อน" พูดจบพวกเขาก็รีบแยกย้ายกันไปจัดการกับตัวเองที่บ่อน้ำข้างบ้าน แม้ว่าน้ำในบ่อจะค่อนข้างแห้งขอด แต่ก็เพียงพอให้พวกเขาใช้ประทังชีวิตเรื่อยมา ยิ่งวันนี้ฝนเริ่มตกลงมา หลังจากที่ทิ้งช่วงไปนาน ทุกคนในหมู่บ้านต่างเดินตากฝนกลับบ้านกันอย่างสุขใจหลังจากเลิกงาน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม