ความผิดนั้นก่อร่วม แต่เมื่อถูกวิรัลย์จับได้ขึ้นมาก็...ตัวใครตัวมัน

1557 คำ
แต่แล้วก็ต้องจำยอมเมื่อเห็นเจ้าวรรศยกมือประนมทำท่าจะกราบลา ทำให้เขาต้องรีบตอบตกลง “เออๆ อยากได้สิ่งใดกันเล่า” “โตเทพอัสดร[1]ของพ่อยักษ์ใหญ่” เจ้าวรรศรีบเอ่ยทันที ไอศูรย์ถึงกับย่นคิ้ว “เพียงแค่โตเทพอัสดรเท่านั้นรึ” “จ้ะ ตัวที่พ่อยักษ์ใหญ่ใช้เป็นพาหนะยามออกศึกเลย” ไอศูรย์ไม่ได้หวงหรอกที่เจ้าวรรศเอ่ยขอพาหนะคู่ใจเช่นนั้น แต่... “เจ้าจะเอาโตเทพอัสดรฝีเท้าดีไปเพื่อการใดกัน” เจ้าวรรศหันมายักคิ้วหลิ่วตา “เผื่อว่าองค์นวินมีรูปงาม ลูกจ๋าจะได้ลักพาตัวกลับปรมะของเรา ตบแต่งเป็นชายาเสียเลย” ไอศูรย์ตบเข่าฉาดอย่างต้องใจ “ดีมากลูกรัก อย่ายอมให้ผู้ใดข่มเหงเจ้าหรือน้องของเจ้าได้ พวกเจ้าจะต้องเป็นฝ่ายอยู่เบื้องบนเท่านั้น” เรื่องยุลูกนี่ถนัดนัก! ที่ต้องยุเป็นเพราะพิจารณาจากคำบอกเล่าของเหล่าราชทูตแห่งแคว้นสราลีแล้ว หากองค์นวินองอาจเหี้ยมหาญเช่นนั้น มิแคล้วเจ้าศวรรย์คงได้ถูกข่มเหง ส่งเจ้าวรรศที่มีชั้นเชิงและมากเล่ห์กว่าไปกำราบเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว แม้ว่าเจ้าวรรศจะเกียจคร้านเพียงใด แต่เรื่องฝีไม้ลายมือในเชิงดาบก็หาได้ยิ่งหย่อนไปกว่าผู้ใด อีกทั้งรูปร่างรึก็สูงใหญ่ แม้ว่าจะมีดวงหน้างดงามเพียงใด กระนั้นก็เรียกได้ว่าองอาจน่าเกรงขามยิ่งนัก เจ้าวรรศนั่นล่ะสมควรไป ไม่ผิดแล้ว! ไอศูรย์กระหยิ่มยิ้ม ขณะที่เจ้าวรรศคิดวางแผนการในหัว ที่ร้องขอโตเทพอัสดรฝีเท้าดีของบิดาไป หาใช่จะใช้ลักพาตัวองค์นวินกลับมาหรอก เขาเอาไว้ใช้เผื่อว่าจะต้องหลบหนีหากไปก่อกวนทำการใดให้แคว้นสราลีขุ่นข้องเข้าเท่านั้นล่ะ รู้รักษาเอาตัวรอดเป็นยอดดี ทำการชั่วช้าสิ่งใดไว้...ไม่เก็บไม่เช็ด เผ่นแน่บหนีลูกเดียว สิ่งนั้นคืออุปนิสัยซุกซนที่น่าโดนวิรัลย์จับมัดแล้วโบยหวายวันละสามรอบ “เช่นนั้นแล้ว พ่อจะสั่งการให้การิตตระเตรียมทุกสิ่งสรรพไว้ให้พร้อม” ไอศูรย์เอ่ยชื่อทหารเอกของตนออกมา เจ้าวรรศพยักหน้ารับคำ ก่อนที่จะต้องชะงักเมื่อไอศูรย์นึกบางสิ่งออก “แต่เรื่องนี้จะต้องเก็บเป็นความลับระหว่างพ่อกับเจ้า แล้วก็เจ้าศวรรย์ เข้าใจหรือไม่ จะให้พ่อยักษ์น้อยรู้มิได้เป็นอันขาด ไม่อย่างนั้น...” ว่าพลางใช้นิ้วทำท่าเชือดคอตนเอง เจ้าวรรศพยักหน้ารับระรัวเลยทีเดียว ตายอย่างอนาถทั้งพ่อทั้งลูกแน่นอนหากวิรัลย์รับรู้ ก่อนที่เจ้าวรรศจะรับคำ “พ่อยักษ์ใหญ่มิต้องห่วง พ่อไม่พูด ลูกจ๋าไม่พูด เจ้าศวรรย์ไม่พูด ไม่มีผู้ใดล่วงรู้เป็นแน่” มั่นใจว่าวิรัลย์ไม่รู้เช่นนั้นเป็นเพราะเจ้าวรรศและเจ้าศวรรย์เป็นฝาแฝดที่มีใบหน้าและรูปร่างเหมือนกันจนแทบแยกไม่ออก หลายครั้งหลายคราทีเดียวที่ข้าราชบริพารจำสับสนสลับกันไปมา หากไม่สังเกตจากลักษณะการพูดจาและท่าทางแล้ว คงจะแยกไม่ออกกันเลยทีเดียว “เช่นนั้นก็ฝากเจ้าด้วย” ตบบ่าลูกรักแล้วจากไป ปล่อยให้เจ้าวรรศยิ้มย่องเพียงลำพังกับความหรรษาที่จะอุบัติในอีกไม่กี่เพลาต่อจากนี้ เกียจคร้านมากเท่าใดก็จะระริกระรี้ขึ้นมามากเท่านั้นเมื่อได้เล่นซุกซน เห็นทีแคว้นสราลีคงจะได้วุ่นวายชวนหัวกันยกใหญ่แล้วกระมัง... *** วันเดินทางมาถึงในอีกไม่กี่ทิวาให้หลัง เจ้าวรรศสวมรอยเป็นเจ้าศวรรย์ รีบร้อนออกจากปรมะไปกับขบวนเสด็จที่ทางสราลีตระเตรียมไว้ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางตามคำสั่งของไอศูรย์ ทั้งที่ตั้งใจไว้ว่าจะกราบลาวิรัลย์ก่อน แต่ก็จำต้องรีบเร่งไปด้วยไอศูรย์มีคำสั่ง พร้อมทั้งอ้างว่าเกรงจะเสียเวลาในการเดินทาง ในเมื่อเป็นคำสั่งก็มิอาจขัดขืนได้ ยอมปล่อยให้ไปโดยมีการิตติดตามไปด้วย เหตุที่ส่งการิตไปนั้นเป็นเพราะไอศูรย์เองก็เป็นห่วงเจ้าวรรศ ถึงจะรู้ดีว่าโอรสองค์นี้เอาตัวรอดได้ แต่ก็ไม่วายหวงแหนตามประสาบิดา การิตก็เห็นดีด้วยจึงรับคำสั่งโดยมิหน่ายหนี แน่นอนว่าเขาเองก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในแผนชั่วครั้งนี้ เว้นเสียแต่เจ้าศวรรย์ที่เพิ่งรู้หลังจากที่แฝดผู้พี่ของตนจากไปแล้วด้วยไอศูรย์เรียกตนไปพบที่พลับพลาในสวนพฤกษาเพื่อบอกกล่าวเรื่องนี้ ความยินดีพร่างพราย รอยยิ้มปรากฏให้เห็นบนดวงหน้าผุดผาด เพราะเขาเองก็หาใช่ยักษ์ที่ชอบตะลอนท่องเที่ยวไปเรื่อยเปื่อยเฉกเช่นเชษฐา การได้อยู่ที่ตำหนักของตนนั้นสุขล้นยิ่งกว่าสถิตอยู่ในวิมานไหนๆ “ลูกจ๋าต้องขอบพระคุณพ่อยักษ์ใหญ่เป็นอย่างยิ่งจ้ะที่เมตตาลูกจ๋าถึงเพียงนี้” ดีใจเสียจนเก็บท่าทีไว้ไม่ได้ คุกเข่าก้มกราบแนบตักบิดาที่นั่งอยู่บนตั่งเบื้องหน้า “เพราะพ่อรักเจ้านัก ถึงได้มิยอมให้ตกเป็นของผู้ใด” มือใหญ่ลูบเรือนผมนุ่มสลวยของโอรสองค์เล็กแผ่วเบา ขณะที่เจ้าศวรรย์ยิ้มระรื่น “ลูกจ๋าก็รักพ่อยักษ์ใหญ่เช่นกันจ้ะ” ออดอ้อนเอาใจบิดาเป็นการใหญ่ ไอศูรย์ก็ชื่นใจยิ่งนัก ไม่ว่าอย่างไรเจ้าเขี้ยวน้อยฝาแฝดตนนี้ก็หาได้โตขึ้นเลย ทว่า...ความสุขนั้นก็เป็นอันต้องมลายเมื่อทั้งสองได้ยินเสียงคุ้นเคยดังขึ้นไม่ไกล “รักกันมากเหลือเกินนะ” หันขวับไปมองก็เห็นว่าเป็นวิรัลย์ ทำเอาสองพ่อลูกผละออกจากกันอย่างพร้อมเพรียง เสียวสันหลังวาบราวกับรู้ชะตาชีวิตตน “นะ...น้องยักษ์มาทำอะไรที่สวนพฤกษาแต่เช้าจ๊ะ” ถามไปราวกับโง่งม วิรัลย์หรี่ตามอง ว่าเนิบนาบ “แล้วเหตุใดข้าจะมาที่นี่ไม่ได้” “มะ...มาได้จ้ะ ที่พี่ถามเป็นเพราะเห็นว่าเจ้านอนหลับฝันดีอยู่ จึงสงสัยนักว่าเหตุใดถึงตื่นเช้ากัน” หลับฝันดีอย่างนั้นรึ...วิรัลย์แกล้งหลับต่างหาก ด้วยสังเกตเห็นความผิดปกติจากท่าทางของไอศูรย์ที่ดูลับๆ ล่อๆ มาตั้งแต่เมื่อคืน วันนี้จึงลอบมาดูว่าคิดแผนชั่วอะไรไว้ ที่เอะใจนั่นก็เป็นเพราะเช้านี้เป็นวันที่จะต้องส่งเจ้าศวรรย์ไปยังแคว้นสราลี แต่เมื่อเขาตื่นมาก็ไม่พบขบวนราชทูตแล้ว มีแต่ไอศูรย์เท่านั้นที่ย่องออกจากตำหนักแล้วมุ่งหน้ามาที่นี่ แล้วก็จริงเสียด้วยที่ไอศูรย์มีแผนชั่ว เพราะสิ่งที่สองพ่อลูกสนทนาพาทีกันก่อนหน้านั้น ล้วนเข้าหูเขาแล้วหมดทั้งสิ้น “เจ้าวรรศล่ะ” ไม่พูดพร่ำทำเพลง ถามถึงโอรสองค์โตทันที ไอศูรย์ละล่ำละลักพูดทันใด “เจ้าวรรศก็อยู่นี่อย่างไรล่ะจ๊ะ” เหลือบมองไปยังเจ้าศวรรย์ด้วย เจ้าศวรรย์เองก็รู้งาน รีบสวมรอยเป็นแฝดผู้พี่ทำท่าทางองอาจ ทำตาวาววับเจ้าเล่ห์ให้เหมือนกับคนที่ถูกถามหา “ลูกจ๋าอยู่นี่จ้ะพ่อยักษ์น้อย” วิรัลย์สูดลมหายใจเข้าปอด พ่นทิ้งออกมาอย่างระอา “พวกเจ้าคิดว่าข้าโง่งมถึงขนาดแยกแยะลูกตัวเองไม่ออกเลยหรือไร” ทั้งไอศูรย์ ทั้งเจ้าศวรรย์ต่างเย็นต้นคอวาบไปตามๆ กัน ถึงผู้ใดจะแยกสองแฝดนี้ไม่ออก แม้แต่ไอศูรย์เองที่บางคราก็สับสน แต่มีเพียงวิรัลย์เท่านั้นที่แยกออกเพียงมองหน้า ไม่จำเป็นต้องสังเกตท่าทางการพูดใดก็รู้ได้ว่าผู้ใดเป็นเจ้าวรรศ ผู้ใดเป็นเจ้าศวรรย์ และทันทีที่เห็นว่าแผนการแตกย่อยยับ ความลับไม่มีในโลกอีก เจ้าศวรรย์ก็รีบยกมือขึ้นประนมแนบอกทันที “ลูกจ๋าเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเช้านี้ได้รับปากกับราชครูไว้ว่าจะไปร่ำเรียนตำราการปกครองที่ตำหนักหลวง ลูกจ๋าทูลลาพ่อๆ จ้ะ” ก้มกราบแล้วเผ่นแน่บไปโดยไว ทิ้งให้ไอศูรย์บ้าใบ้อ้ำอึ้งเมื่อเห็นลูกรักก้าวหนีไปโดยไวเท่านั้น ไอ้ที่ก่อนหน้ารักพ่อยักษ์ใหญ่นักหนาอะไรนั่นเป็นเพียงลมปากรึ!? อยากจะตัดพ้อลูกใจจะขาด แต่เมื่อเห็นสายตากรุ่นโกรธของวิรัลย์ พร้อมกับเขี้ยวข้างหนึ่งที่งอกยาวแล้ว ไอศูรย์ก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆ “มีสิ่งใดจะเล่าให้ข้าฟังหรือไม่” “มีจ้ะพ่อตาหวาน มีเยอะเลย” แม้ไอศูรย์จะเป็นถึงกษัตริย์ แต่วรรณะในครัวเรือนนั้นช่างต่ำต้อยเสียจริง มิแปลกหากลูกจะเผ่นหนีเอาตัวรอดเช่นนี้ ความผิดนั้นก่อร่วม แต่เมื่อถูกวิรัลย์จับได้ขึ้นมาก็...ตัวใครตัวมัน [1] โตเทพอัสดร เป็นสัตว์หิมพานต์ที่ผสมระหว่างม้าและสิงโต มีลักษณะทั่วไปเหมือนดุรงค์ไกรสร แต่มีหัวเป็นสิงโตและมีร่างเป็นม้า มีกายเป็นม้าสีแสด หางและกีบสีแดงชาด หัวเป็นสิงโต คอ หลังและขนสร้อยคอมีสีเขียว และเป็นสัตว์กินเนื้อ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม