ตอนที่ 7

1305 คำ
และต่อมาลูกของพี่อาวัจน์ กับพี่สะใภ้แหม่มแก้มแดงนัยน์ตาสีฟ้าผมทองคือพี่แพนทรี มีลูกชายกับลูกหญิงเช่นเดียวกันหลานทั้งสองกระเดียดไปทางแม่มากกว่าพ่อซึ่งหล่อนและพี่ชายเองก็มีเชื้อลูกครึ่งเช่นกัน เพราะท่านเบนจามิน บิดาของหล่อนท่านก็เป็นลูกครึ่งไทยออสเตรเลียเหมือนกันดังนั้นน้องสแน็คกับน้องนนนี่ได้รับการแบ่งพันธุกรรมเชื้อสายมาอย่างเต็มที่จากทั้งบิดาของหล่อนและพ่อแม่ของเด็กจนแทบจะกลายเป็นลูกฝรั่งกับหลานแหม่มแก้มแดงไปแล้วในเวลานี้ สแน็คกับนนนี่หรือนัปคมน์ กับนันทิตาเพิ่งเดินทางกลับมาอยู่เมืองไทย เมื่ออายุเข้าเรียนชั้นประถมผ่านการเรียนจากโรงเรียนอนุบาลที่ลอสแองเจอลิสบ้านเกิดของมารดาคือพี่แพนทรี พอมาถึงเมืองไทยก็เข้าเรียนโรงเรียนนานาชาติทันที ปัจจุบันทั้งสองเรียนชั้นประถมที่ห้า รวดเร็วราวกับติดปีกบินเหินฟ้าไปสู่อนาคตที่ไกลลิบลับสิบเอ็ดปีกว่าที่ผ่านมานอกจากรวดเร็วในความรู้สึกแล้วยังตำหนิตนเองว่า เพราะหล่อนไม่ได้เรื่องเลยสักอย่างในด้านความรักก็ไม่มีเหมือนคนอื่น ทำแต่งงานสงสัยชาตินี้คงแต่งกับงานอย่างเดียว อยู่มาจนบัดนี้แล้วก็ยังไม่ได้สละโสดเหมือนเพื่อนสาวคนอื่นๆทั้งๆที่ในปัจจุบันสรัยภาอายุก็เต็มยี่สิบห้าปีแล้ววัยของหล่อนไล่เพิ่มเข้ามาทุกขณะแก่ขึ้นอีกปีด้วยเฮ้ออดถอนใจไม่ได้คนในบ้านเรียกชื่อเล่นของหญิงสาวว่า ไลลา และไลลานั้นชื่อเพราะอ่อนหวานสวยสมกับเรือนร่างสรัยภาเป็นสาวมาดเปรี้ยวบวกกับสาวมั่นเต็มตัวแต่หล่อนยังมีจิตวิญญาณความเป็นไทยอยู่ครึ่งหนึ่ง ไม่ได้เป็นสากลจ๋าเหมือนบางคน และเรื่องขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมหล่อนรู้เพราะมารดาเองก็มีสายเลือดไทยแท้ ฝ่ายบิดาของหล่อนเท่านั้นล่ะที่มีเชื้อลูกครึ่งปะปน และเมื่อเขานั้นพร้อมด้วยเพื่อนครูชาวต่างชาติ กำลังอยู่ในร้านอาหารที่หรูหราจัดตกแต่งยอดเยี่ยมสไตล์อเมริกาบ๊อบเป็นเจ้าภาพร้านหรูแห่งนี้คลาคล่ำด้วยลูกค้าด้วยไอเย็นจัดของแอร์เป็นร้านที่ตั้งอยู่แถวย่านบางกะปิอยู่บนถนนลาดพร้าวใกล้ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง เย็นวันนี้หลังจากที่เลิกจากการสอนนักเรียน เขาก็อาศัยนั่งรถมาที่นี่พร้อมด้วยเพื่อนครูทั้งชายและหญิงคือ แพงพรรณ จิตวณา แล้วก็บ๊อบและเควิน เนื่องจากว่าบ๊อบมาเอ่ยขึ้นในตอนหลังที่เขาต้องการทำเซอร์ไพรสแก่บรรดาเพื่อนครูด้วยกันว่า วันนี้เป็นวันเกิดของเขา ทุกคนจึงตามมาเพื่อจัดเลี้ยงให้แล้วต่อจากนั้นเจ้าภาพก็จะพาไปเลี้ยงฉลองต่อที่ผับแห่งหนึ่งย่านทองหล่อเพราะว่าทำการจองร้านไว้ล่วงหน้าก่อนแล้วอาทิตย์หนึ่ง ครูกัลย์เพิ่งทราบเมื่อครู่นี้เองนั่งรถมาด้วยกันกัลย์เข้ามาเป็นแขกและอยู่เป็นเพื่อนครูสาวทั้งสองครั้นพอจบงานเขาก็ออกไปส่งเพื่อนสาวทั้งสองโดยตัวเองก็นั่งรถแท็กซี่กลับ เขามาตามคำเชื้อเชิญของเพื่อนเท่านั้นเป็นมารยาททั้งๆที่เขาไม่ได้ชื่นชอบวัฒนธรรมของฝรั่งมากเท่าใดนักทำให้กลับเข้าบ้านสาย พบว่า พี่สาวปิดไฟดับสนิทนอนแล้วพอเขาเข้าไปอาบน้ำแล้วจึงล้มตัวนอน และในรุ่งเช้าของวันใหม่วันที่อากาศแจ่มใสและข้างนอกหน้าต่างนั้นมีสายฝนพรำอยู่ตลอดเวลาคงตกมานานเขาเพิ่งสะดุ้งได้ยินเสียงฝนเป็นเวลาที่ศรีบังอรเดินเข้ามาเคาะประตูเกรงว่าจะสายเอ่ยว่า “กัลย์ตื่นได้แล้วนี่พี่เองจวนสายแล้วนะ นี่เธอเป็นครูต้องตื่นเช้า เร็วเข้าลุกไปอาบน้ำ” พี่สาวพูดเหมือนเขายังเป็นเด็กอยู่ เขางัวเงียตอบกลับไป “ได้ยินแล้วครับขอตัวสักครู่” ก็เลยต้องบังคับตัวเองให้ตื่นเพราะนายกัลย์เป็นครูต้องไปสอนเด็กไม่ใช่ตื่นสายกว่าเด็กแบบมีหวังอายเด็กแน่จากนั้นรีบอาบน้ำแต่งกาย สำรวจดูตัวเองในกระจกเมื่อเห็นว่าเรียบร้อยถือแฟ้มตำรากับกระเป๋าสะพายประจำเดินลงมาข้างล่างซึ่งศรีบังอรอยู่ในชุดที่เตรียมตัวออกไปทำงานได้แล้ว “โอ้โฮ พี่อรแต่งตัวเสร็จแล้วนี่จะไปทำงานเลยหรือครับ” พี่สาวหันมายิ้มให้ “ก็ใช่สิจ๊ะน้องรักของพี่ใครล่ะจะมามัวสายเหมือนเธอล่ะ กัลย์” พี่สาวเลยต้องอบรมอีกครั้ง เขานิ่งฟังยิ้มๆยอมเป็นเด็กนักเรียนของพี่สาว “นี่เราเป็นครูเขาแท้ๆนะกัลย์อย่าหัดตื่นสายจำคำพี่ไว้ทำไม ไม่ทำตัวเองให้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่เด็กล่ะเดี๋ยวเถอะเด็กมันจะได้แอบนินทาครูลับหลังว่าคุณครูกัลย์คะครูกัลย์ครับทำไมมาสายจังครับครู ถ้าเธอเจอเด็กมันพูดอย่างนี้เธอจะตอบว่ายังไงไม่อายบ้างหรือ” จริงด้วยตามที่พี่สาวเอ่ย แต่ก็ดีใจที่น้องชายแต่งกายเสร็จพร้อมจะออกไปเขาตอบพี่สาว “ก็ไม่ต้องตอบนักเรียนไงครับพี่อรเป็นใบ้เสียเลยตอบไปก็อายเด็ก นักเรียนจะได้รู้ว่าครูก็ลาดหลบเลี่ยงเหมือนกันไม่งั้นก็ขอตัวลุกไปทำธุระพอย่างอื่น เช่นขอเข้าห้องน้ำแล้วจะมาตอบคำถามใหม่” คำตอบของน้องชายจึงถูกพี่สาวค่อนอีกครั้ง “แหมคำตอบครูอย่างเธอนี่มันร้ายเอาการนะลูกศิษย์คงอึ้งเป็นแถวเลยล่ะ” เขาหัวเราะออกมาเบา ไม่รู้ว่าพี่สาวชมหรือประชดกันแน่แต่กัลย์ก็ยังคงตอบตามสบายตามอารมณ์ปกติของเขาเหมือนไม่ใช่เรื่องเดือดร้อนอะไร เรื่องธรรมดา “ก็ใช่นะสิครับเด็กสมัยนี้มันฉลาดเก่งกว่าคุณครู คุณครูก็ต้องเหนือกว่าหน่อยล่ะ เดี๋ยวนี้เด็กชั้นประถมที่ใกล้จะโตเป็นหนุ่มเป็นสาว นี่แสบมากๆเลยล่ะครับคำถามมีสารพันมาให้ตอบทุกวันจนผมไม่รู้เหมือนกันว่าเด็กมันไปสรรขุดหามาจากไหนมาถามถึงถามได้ยียวนกวนใจเหลือร้ายจริง” “งั้นกลายเป็นว่าเธองงล่ะสิตามเด็กไม่ทันก็เด็กสมัยนี้มันฉลาด” ศรีบังอรตอบอีกอย่างเพลิน “ผมไม่จนมุมง่ายๆหรอกครับพี่อรเป็นครูนี่จะมาให้อายเด็ก หรือเฮอะ ผมเองก็ไหลไปตามเรื่องของผมจนได้นั่นแหละไปเรื่อยๆ เดี๋ยวเด็กมันก็ไม่รู้ แล้วก็ตามไม่เท่าทันผมอยู่แล้วเพราะผมเป็นครูไงครับเรื่องอะไรจะให้อายเด็ก” เขาย้ำตอบพี่สาวอีกครั้ง ศรีบังอรอดคิดไม่ได้เรื่องชีวิตคู่ หากถ้าหล่อนแต่งงานล่ะ ในเรื่องนี้แม้ไม่เคยคิดถึงเรื่องแบบนี้เป็นกิจ ลักษณะเป็นเรื่องเป็นราวของตนเองเสียทีแต่ทว่าในระยะนี้ การเทกแคร์ของหนุ่มใหญ่ผู้ร่วมงานกัน ทำให้ศรีบังอรชักไม่แน่แก่ใจตัวเองนักการที่อยู่มานานจนเป็นสาวโสดทึนทึกมาจนถึงบัดนี้ ศรีบังอรก็เกือบปลงชีวิตได้แล้วในระดับหนึ่ง ภุมมินทร์หวนเข้ามาหาหล่อนพยายามแสดงความรู้สึกที่แคร์จากใจ หล่อนคิดว่าหากเขาวางตัวอย่างนี้เมื่อชีวิตต้องหวนกลับมาสร้างครอบครัวใหม่กับชายคนที่รักคนหนึ่งศรีบังอรต้องเลือกสรรและถี่ถ้วนแล้วอาจจะตกลงปลงใจกับเขา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม