Episode-๑๑ คนเคยคุย

1293 คำ
“เฮียสวัสดีครับ” เป็นไอ้ทิวครับด้านหลังมันมีน้องตาลเดินตามมาด้วย “เออ ไม่มานานเลยนะมึง” “ทำงานครับไม่ค่อยว่างเลย แต่วันนี้หยุดก็เลยแวะมาหาไง” “เหรอ กูไม่เห็นไอ้เต้จะยุ่งเหมือนมึงเลยแถมมันยังทำตัวว่างงานอีกต่างหาก” “ฮ่า ๆ งานคนละส่วนกันครับ ว่าแต่เด็กที่ผมสอนงานให้เป็นยังไงบ้าง โอเคหรือเปล่า” “ไอ้ฟลุ๊คน่ะเหรอ มันก็ทำงานเรียบร้อยดี ผิดพลาดน้อย” “แล้วเฮียจะให้สอนใครอีกไหม เพราะอีกไม่นานผมต้องลงหน้างานจะไม่ค่อยมีเวลาว่างเลย ไอ้เต้ก็เหมือนกันมันต้องไปกับผมด้วย” “ไม่เป็นไร ไอ้นิคกับไอ้ฟลุ๊คมันก็เก่งเหมือนกัน เดี๋ยวให้พวกมันสอนก็ได้ถ้าจะรับจริง ๆ ” “ครับ” “แล้วเราน่ะไม่เรียนเหรอวันนี้” ประโยคนี้ผมหันไปถามน้องตาลครับ “เรียนเสร็จตั้งแต่เที่ยงแล้วค่ะ ช่วงบ่ายอาจารย์ยกคลาสก็เลยเลิกเร็ว” “อ๋อ...แล้วนี่จะไปไหนกัน หรือตั้งใจมาโดยเฉพาะ” “เพิ่งมาจากบ้านน้องกำลังจะไปหาแม่กับยายด้วยครับ แต่มันทางผ่านเลยแวะมาหาเฮียสักหน่อย” “ขอบใจที่ยังนึกถึง แต่งเมื่อไหร่ก็บอกกูด้วยแล้วกัน” “แน่นอน” เท้าความก่อนว่าเดิมทีผมรู้จักกับไอ้เต้ก่อนครับ มันมาที่ร้านบ่อยตอนนั้นมันอยู่มอสามเองมั้ง กำลังเกรียนวัยกำลังห้าวเลย แต่มันไม่ถึงกับเกเรนะแค่ติดกวนประสาทเท่านั้นเอง มานั่งดูผมทำรถอยู่เป็นวัน ๆ มันก็ชอบตามประสาวัยรุ่นแหละ พอขึ้นมอปลายมันก็เริ่มชวนเพื่อนมาด้วยและหนึ่งในนั้นก็คือไอ้ทิว ไอ้นี่มีแววเป็นผู้นำสุด คิด วิเคราะห์ แยกแยะได้โคตรละเอียด ไหน ๆ เด็กมันก็สนใจที่จะเรียนรู้แล้วผมจึงสอนให้และกลายเป็นลูกพี่ลูกน้องกันจนถึงทุกวันนี้ไง “หนูอยากเข้าห้องน้ำ” “เดี๋ยวพี่พาไป” จบประโยคมันก็จูงมือกันผ่านหน้าผมไปเลยครับ ทำร้ายกันโคตรเลือดเย็น... เห็นแบบนี้แล้วพาลให้นึกถึงใครคนหนึ่ง ผมเองก็เคยตามดูแลใครบางคนเหมือนกัน แต่ก็นั่นแหละแค่รักอย่างเดียวมันไม่พอ แต่ช่างเถอะ! มันผ่านไปนานแล้วครับ ถ้าจะมีอีกครั้งตัวผมก็พร้อมเสมอ... คนเรามักเติบโตและเรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเอง ข้อนี้ผมว่ามันจริง! บางเรื่องราวในอดีตเราเองก็อยากรีเซตและแก้ไขมันทั้งหมดแต่มันทำไม่ได้แล้วไง สิ่งเดียวที่จะหักล้างกันได้คือเราจะไม่ผิดพลาดแบบนั้นอีก “ผมกลับก่อนนะเฮียเดี๋ยวต้องไปซื้อของให้ยายอีก ถ้าว่างจะแวะมาใหม่นะครับ” “เออขับรถดี ๆ เว้ย” “ครับผม” คล้อยหลังไอ้ทิวผมก็หยิบมือถือกดโทรหาใครบางคนทันที เลิกเรียนตั้งแต่เที่ยงบ่ายสามยังไม่ยอมมาทำงานอีกครับ (สวัสดีค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้) “กวนตีน” (ฮ่า ๆ ๆ แค่นี้ต้องโทรตาม) “อยู่ไหน?” (กำลังจะถึงแล้วนี่ไงแค่นี้แหละ) จากนั้นสายก็ตัดไปพร้อมกับรถยนต์คันหนึ่งที่กำลังเลี้ยวเข้ามาพอดี จะไม่อะไรเลยหากคนที่มาส่งไม่ใช่ผู้ชายน่ะ “หนูไปธุระกับเพื่อนมา นี่ไงมีเค้กมาฝากด้วยนะ” เธอว่าพลางชูถุงขนมในมือให้ดู “ใคร?” “คะ?” “ใครมาส่ง” “อ๋อ... ไอ้ภามเพื่อนน่ะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงปกติ “เพื่อนมึงรู้ด้วยเหรอว่าทำงานกับกู” “ภามรู้แต่ไอ้ตาลไม่รู้ แต่ก็รู้เท่านี้แหละเรื่องทำงานกลางคืนหนูไม่เคยบอกใคร ไม่ได้อายเรื่องงานหรอก แต่เรื่องครอบครัวมันไม่ไหวจริง ๆ ” “แล้วไปไหนมา” “ก็ไปทำธุระไงเฮีย อย่าถามมากนักสิมันไม่ใช่เรื่องของหนู หนูไม่รู้รายละเอียดอะไรมากแค่ไปเป็นเพื่อนมันเฉย ๆ โอเค๊!” เธอร่ายประโยคยาว ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในครัวแล้วออกมาพร้อมกับเค้กและกาแฟแก้วหนึ่ง “ทำไมไม่เห็นมีบิลเลยล่ะ เฮียทำหมดแล้วเหรอ” “เปล่า วันนี้ยังไม่มีลูกค้ามาสั่งของเลย ตรวจรายรับรายจ่ายไปก่อนแล้วกัน” “อันที่จริงรายรับรายจ่ายเนี่ยเฮียน่าจะทำเองนะเพราะมันเป็นอะไรที่โคตรจะส่วนตัวเลย ไม่ควรจะเปิดเผยรายได้ให้คนอื่นรู้ด้วยซ้ำ” “รู้...แต่ขี้เกียจจบนะ!” ผมว่าพลางหยิบแก้วกาแฟมาดื่ม “ขโมย!” “ขโมยต้องไม่เห็น” “แต่นั่นของหนู” “ไม่เห็นมีชื่อติดเลย” “ชิ!” “ชอบกินกาแฟเหรอ” “มาก! โกโก้ก็ได้แต่ต้องขมนะ ไม่ขมไม่กิน” “กูว่ามึงติดคาเฟอีนมากกว่า” “หนูติดกาแฟเฮียอย่าเถียงสิ” “มึงนั่นแหละอย่าเถียง” “หนูลองอย่างอื่นที่มันมีส่วนผสมของคาเฟอีนแล้วสรุปปวดหัว! เลยต้องกลับมากินกาแฟเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นเฮียนั่นแหละอย่าเถียง!” “เอาที่สบายใจเถอะ แต่อย่ากินมากแล้วกันมันไม่ดี” “ทราบค่ะ วันละแก้วสองแก้วเท่านั้นเอง” เถียงกันได้ไม่นานลูกค้าก็เข้าร้านพอดีครับ วันนี้ไอ้เต้กับไอ้นิคลา ส่วนไอ้ฟลุ๊คออกไปส่งของผมเลยต้องทำคนเดียว “แฟนเหรอพี่ น่ารักดีนะ” ผมไม่ได้ตอบอะไรแค่เพียงยิ้มให้เท่านั้นเอง ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จแล้วครับ วันนี้ลูกค้าไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ส่วนหนึ่งคงมาจากผมปิดร้านบ่อยด้วยแหละ หันกลับมาอีกทีใครอีกคนกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ครับ “แค่นี้ก่อนนะ เราไม่ว่างน่ะ” พูดจบเธอก็กดวางสายไปเลย ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้คุยอะไรแต่สีหน้าไม่ค่อยดีเลยครับ “คุยกับใครหน้ายุ่งเชียว” “คนเคยคุย” “ตอบตรงดีนะ ไม่โกหกหน่อยเหรอ” ผมว่าพลางนั่งลงข้างเธอ “ไม่รู้จะโกหกไปทำไมนี่คะ” “ใช้คำว่าเคยคุยแสดงว่าเลิกคุยไปแล้ว” “ค่ะ” “แล้วทำไมยังติดต่อกันอีก” “ไม่รู้ดิ หนูเบลอมั้งเลยให้เบอร์มันไป” “บล็อกซะก็จบ” “เหมือนกำลังหึงเลยรู้ตัวหรือเปล่า” เธอว่ายิ้ม ๆ ก่อนจะเงยหน้ามองผม “ถ้าบอกว่าใช่ล่ะ” “อย่างเฮียไม่มาเสียเวลากับหนูหรอก อย่างดีก็แค่หลอกฟัน” “เดี๋ยวกูตบปากแตก” “พูดเรื่องจริงถึงกับรับไม่ได้” ยังครับ ยังไม่หยุดอีก “มึงก็เปิดใจสิ จะได้รู้ว่าอันไหนกูพูดจริง อันไหนกูพูดเล่น” “...” “แล้วไอ้คนเคยคุยห่าอะไรนั่นน่ะ เลิกติดต่อซะ” “ไหนบอกเหตุผลดี ๆ มาสักข้อสิเผื่อหนูจะยอมทำตาม” “หนังสือเล่มเดิมมึงอ่านกี่ครั้งมันก็จบเหมือนเดิมนั่นแหละ” “แต่นี่ชีวิตจริงนะเฮีย” “ใช่ไง เพราะนี่คือชีวิตจริงฉะนั้นมึงควรระลึกไว้ว่าได้กูแล้วต้องรับผิดชอบกูด้วย ไม่ใช่เอาเวลาไปติดต่อกับไอ้คนเก่าอยู่ ไร้สาระ!” จะบอกไปตามตรงว่าให้เลิกคุยมันก็จะดูก้าวก่ายเกินไปเลยต้องใช้วิธีพูดหว่านล้อมเอาครับ “หนูได้เฮีย แล้วเฮียไม่ได้หนูหรือไง?” “เออดิ ต้องลองอีกรอบจะได้รู้ว่าใครได้ใครกันแน่” “ไอ้บ้า!!” “ฮ่า ๆ ๆ ” “เฮียนี่โรคจิตใช้ได้เลย” “จะถือว่าชมแล้วกันนะ” “ค่ะ!!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม