“เออน่า! ใส่เสื้อผ้าเสร็จจะตามลงไป นายเนี่ยนะทำหน้าที่ดีจนฉันอยากหักเงินเดือน” ว่าแล้วก็กดตัดสายลูกน้องตัวขัดความสุขทันที
เพียงเวลาไม่นานขุนพลก็แต่งตัวเสร็จ และก่อนจะออกจากห้องสาวเจ้าก็ไม่ลืมจะจูบลาก่อนกลับบ้านตน ทำแบบนี้ทุกค่ำคืน เหมือนกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความฝันสำหรับชลินดา
เช้าวันนี้ชลินดาตื่นสายกว่าทุกวัน จนผู้เป็นมารดามาตามถึงห้อง เพราะตอนแรกให้เด็กรับใช้ขึ้นมาตามแต่หญิงสาวก็เงียบ จนนางต้องมาตามลูกเอง แต่จนแล้วจนรอดคนข้างในก็ยังเงียบอยู่ ด้วยความเป็นห่วงจึงให้เด็กเอากุญแจไขเข้าห้องลูกสาวอย่างถือวิสาสะ
ว้าย!!!
หญิงวัยกลางคนอุทานพร้อมกันกับภาพที่เห็น เมื่อเปิดประตูเข้ามาสภาพลูกสาวแทบดูไม่ได้ เตียงนอนยับยู้ยี่ แถมนอนร่างเปลือยเปล่า ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้
“อือ! ” เจ้าของห้องครวญครางออกมาด้วยความเมื่อยล้า ก่อนจะค่อยๆ ปรือตาขึ้นช้าๆ เพื่อปรับกับแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างของห้องนอน
“หนูปิ่นลูกแม่ทำไมนอนแก้ผ้าแบบนี้จ๊ะ” นางถามด้วยความสงสัย พร้อมกับเดินสาวเท้าไวๆ เข้ามาหาคนเป็นลูก
“อะไรคะคุณแม่ขา....” สาวเจ้ารากเสียงยาวๆ ด้วยความเมื่อยล้า แถมยังไม่รู้ตัวอีกว่าตัวเองนั้นไม่มีชุดห่อหุ้มร่างกายเลย
“ก็ดูตัวเองสิลูก ทำไมเปลือยแบบนี้ แล้วเนื้อตัวไปโดนอะไรกัดมา เป็นรอยแดงจ้ำๆ แบบนี้หึ” นางจับตัวลูกสาวบิดไปมาด้วยความสงสัย นางไม่อยากคิดหรอกนะว่าเกิดเรื่องไม่ดี กับลูกสาวตน แต่ดูสภาพตอนนี้แล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าถูกขมขืน แล้วใครกันล่ะจะมาข่มขืนลูกสาวตนได้ นี้ก็บ้านของนางเอง
เมื่อถูกผู้เป็นแม่พูดแบบนั้นให้ สาวเจ้าก็รีบสังเกตมองตัวเองบ้าง
“ว้ายยยยยย...นี้มันรอยอะไรกันคะคุณแม่” ถามด้วยความตกใจเช่นกัน แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ความฝันเมื่อคืนที่ผ่านมามันวิ่งเข้ามาในหัวเป็นชุดๆ จนอดแก้มแดงไม่ได้
“แม่ต้องเป็นคนถามลูกมากกว่าว่านี้มันอะไรกัน แล้วทำไมต้องหน้าแดง ด้วยลูก”
“ไม่มีอะไรหรอกแม่นวลขา...” สาวน้อยรากเสียงยาว แล้วผลักดันแม่ตัวเองออกจากห้องไป “แม่ออกไปก่อนนะคะ เดี๋ยวปิ่นตามลงไปนะคะแม่ขา....”
“รีบๆ ลงมานะลูก เดี๋ยวสักพักหนูมิก็มารับแล้ว” นวลจันทร์ยอมออกไปพร้อมกับความสงสัยเรื่องรอยแดงจ้ำๆ ตามตัวลูกสาวสุดรักนางต้องรู้ให้ได้ และเรื่องนี้สามีของเธอต้องรับรู้ด้วยเช่นกัน
“เฮ้อ! รอดตัวจากแม่แล้วเรา แต่มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน แล้วผู้ชายข้างบ้านเข้ามาในห้องเราและทำแบบนั้นกับเราได้ยังไงกัน มันไม่ใช่ความฝันแล้วหลักฐานเต็มตัวขนาดนี้” เมื่อแม่ลับหายจากห้องชลินดาก็เอาแต่พูดกับตัวเองไปมา ก่อนจะตัดสินใจไปอาบน้ำ เพราะใกล้ได้เวลาไปเรียนพิเศษเตรียมความพร้อมก่อนเข้ามหาวิทยาลัย
วันทั้งวันสาวน้อยไม่เป็นอันเรียนเลย พอเลิกเรียนชลินดาก็มาหยุดยืนอยู่หน้าบ้านอีกหลังที่ติดกับบ้านตน คิดช่างใจอยู่นานสองนานก็ตัดสินใจกดกิ่งหน้าบ้าน รอไม่นานก็มีเด็กรับใช้มาเปิดให้
“คุณหนูมาพบใครคะ” แม่บ้านที่มาเปิดเอ่ยถามอย่างสุภาพ
“สวัสดีค่ะคุณป้า หนูอยู่บ้านหลังข้างๆ นี้นะคะ พอดีว่า....”
บรื้น! บรื้น! บรื้น! เอี๊ชยด!
ระหว่างสาวน้อยกำลังนึกหาคำมาพูดอยู่นั้น รถหรูของเจ้าของบ้านก็วิ่งเข้ามาจอดอยู่ตรงหน้าประตูพร้อมกับเดินลงมาหาแขก
“ให้เธอเข้าไปได้ครับป้าเพ็ญ” พูดจบก็หันมายิ้มกว้างให้ชลินดา ก่อนจะเดินกลับไปที่รถโดยไม่พูดะไรกับสาวน้อยเลย
“เชิญค่ะคุณ”
“ขอบคุณนะคะคุณป้า” ชลินดาดึงสายกระเป๋าแน่น ก่อนจะเดินตามแม่บ้านเข้าไป ส่วนคนที่ขึ้นรถมาก็ได้แต่กระตุกยิ้มมุมปากมองตามหลังคนที่เดินเข้าไปในบ้านตน
“มาให้เชือดถึงทีเลยนะครับวันนี้” เป็นสมิงเองที่พูดแทรกขึ้นในความเงียบ
“มีหน้าที่อะไรก็ทำไป อย่าเสือก! ”
“โอ้! แร๊งงงง” ว่าแล้วก็ออกรถทันที
ตอนนี้ลูกกวางน้อยได้แต่นั่งตัวสั่นเทาด้วยความประมาท ยิ่งตอนนี้เจ้าของบ้านนั่งอยู่ตรงข้ามเธอ วันทั้งวันไม่เป็นอันเรียน พอมาถึงตอนนี้กลับอยากย้อนเวลาไม่ให้ตัวเองเข้ามาในบ้านหลังใหญ่หลังนี้ แต่ก็เปลี่ยนใจไม่ทันเสียแล้ว
“อะแฮ่ม! ” ขุนพลกระแอ่มให้สาวน้อยตรงหน้าได้สติ เขารู้ว่าเธอกลัวตัวเอง แต่ทำไมยิ่งมองใกล้ๆ ชัดๆ แบบนี้ยิ่งทำให้เสือร้ายในกายเขาร้อนรุ่ม
“คะ...ขา...” สาวน้อยเอ่ยออกมาด้วยความตกใจ ร่างเล็กสะดุ้งโย่งอย่างกลัวๆ
“หึหึ มีธุระอะไรกับฉันสาวน้อย?” ถามน้ำเสียงเยือกเย็น แววตาจ้องมองเยื่อสาวด้วยความปรารถนา
“คะ...คือหนูอยากรู้ว่าคุณไปทำแบบนั้นกับหนูทำไมกันคะ” พูดอย่างกล้าๆ กลัวๆ พร้อมกับเอาผ้าพันคอที่เธอใส่ปกปิดรอยซ้ำจากฝีมือเขาออก
“ทำแบบไหน แบบนี้รึเปล่า”
“ว้ายยยยยย...”
ชลินดากรีดร้องด้วยความตกใจทันที เมื่อร่างใหญ่ถลาเข้าไปประชิดร่างตน พร้อมกับยกร่างเล็กขึ้นมานั่งบนตักตน
“อย่าดิ้นนะปิ่น! ” เอ่ยเสียงเย็น
“ว้ายยยยยย...”
ชลินดากรีดร้องด้วยความตกใจทันที เมื่อร่างใหญ่ถลาเข้าไปประชิดร่างตน พร้อมกับยกร่างเล็กขึ้นมานั่งบนตักตน
“อย่าดิ้นนะปิ่น! ” เอ่ยเสียงเย็น
“คุณปล่อยหนูนะ แล้วคุณรู้จักชื่อฉันได้ยังไง? ” เธอถามด้วยความสงสัย ตอนนี้เธอกลัวเหลือเกิน กลัวว่าจะเกิดเรื่องแบบเมื่อคืน
“หึหึ ทำไมจะไม่รู้จักล่ะ ก็เธอเป็นเมียฉันแล้ว มีใครบ้างจะนอนกับผู้หญิงที่ไม่รู้จักว่าไหมที่รัก จุ๊บ! ” ว่าแล้วก็หอมแก้มนวลแรงๆ อย่างหมั่นเคี้ยว
“ปล่อยหนูนะคะ ปล่อยหนูไปเถอะ อย่าทำอะไรหนูเลยนะคะ” สาวน้อยพยายามดิ้นให้หลุดพ้นจากการกอดรัดของคนตัวโต
“ปล่อยไปง่ายๆ ก็ไม่ใช่ขุนพลสิ” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นพร้อมกับโอบอ้มร่างเล็กที่ดิ้นไม่หยุดไปยังชั้นสองของบ้านตน และปลายทางที่เขาตั้งใจจะพาไปนั้นก็คือห้องนอนตัวเองนั้นเอง
“ปล่อยหนูไปเถอะค่ะ อย่าทำแบบนั้นเลยนะคะ ฮือๆๆๆ” สาวน้อยทั้งดิ้นทั้งร้องไห้ แต่ก็ไม่มีผลอะไรเลย
“อย่าใช้คำแทนตัวเองว่าหนูได้ไหม มันทำให้ฉันดูแก่ยังไงไม่รู้ปิ่น เรียกพี่พลสิ” ครั้งนี้ขุนพลพูดจานุ่มนวลกับคนตัวเล็ก พร้อมกับวางร่างเล็กลงบนเตียงนุ่มอย่างเบามือ
“ถ้าหนูแทนตัวเองว่าปิ่นคุณจะปล่อยหนูไปใช่ไหมคะ” ถามทั้งๆ ที่รู้คำตอบ
“แล้วคิดว่าไงล่ะเมียจ๋า...คิดว่าผัวจะปล่อยไปเหรอ รู้ไหมกว่าจะแอบปีนห้องเธอได้แต่ละคืนมันยากแค่ไหน” พูดพร้อมกับปลดเปลืองชุดสูทราคาแพงของตนออกทีละชิ้น
“อย่าทำอะไรปิ่นเลยนะคะ เท่าที่ผ่านมาคุณยังไม่พออีกเหรอ ฮือๆๆ” สาวน้อยดิ้นถอยไปชิดหัวเตียง ตอนนี้รู้แล้วว่าตนคิดผิดที่มาบ้านของผู้ชายคนนี้ เขาช่างน่ากลัวเหลือเกิน
“อย่ากลัวไปเลยสาวน้อย จำไม่ได้เหรอว่าเธอร้องครวญครางเพราะขนาดไหนเวลาอยู่ใต้ร่างของฉัน” ขุนพลเอ่ยเสียงแหบพร่าคืบคลานเข้าไปหาร่างเล็กอย่างใจเย็น
“ไม่จริง! ปิ่นไม่ได้เต็มใจ คุณข่มขืนปิ่น อึก!” ตอบโต้กลับด้วยเสียงสะอื้นไห้
“หว่า!...เธอคงลืมแล้วสินะว่าร้องยังไง เดี๋ยวก็รู้กันว่ามันดีแค่ไหน และจำไว้ฉันชื่อขุนพล ชาติเจริญทรัพย์ หรือเรียกพี่พลหรือผัวขาก็ได้นะ เพราะยังไงฉันก็เป็นผัวเธอแล้วสาวน้อย”
พูดจบก็จับข้อเท้าเล็กไว้แน่นทันที เขารู้ว่าเธอกลัวแต่ตอนนี้จะสนใจทำไมเล่า อยากจะโลดแล่นเข้าไปในกายเล็กเต็มทนแล้ว ไม่ชอบเลยเวลาที่เห็นร่างเล็กๆ ดิ้นรน เห็นแล้วมันยั่วยวนความต้องการของเขาเหลือเกิน