เอื้อมดาวแวะซื้อหมึกย่างข้างทางก่อน หมึกย่างร้อนๆส่งกลิ่นหอมตีจมูก จากเงินรับของได้ก็ยัดเข้าปากทีนที รสชาติดีแต่คนขายห่วยแตกมาก ไม่ยอมทอนเงินให้เธอสักที เหมือนรออะไรสักอย่าง
“เงินทอนละพี่” เอื้อมดาวจำได้ว่าตัวเองหยิบหมึกเสียบไม้จากถาดที่ติดราคาว่ายี่สิบ มาแค่สามไม้ รวมราคาแล้วคือหกสิบบาทแน่ๆ เลขง่ายๆแค่นี้ แต่ทำไมคนขายไม่ทอนเงินสักที ทั้งที่เธอจ่ายเงินไปตั้งร้อยหนึ่ง
“มาคนเดียวเหรอ” พ่อค้าหนุ่มชวนคุยอย่างสนใจ นานๆทีจะเจอคนสวยแบบนี้ทีก็ขอหลีหน่อย
“เงินทอน!” เอื้อมดาวมองกดดันนิ่งๆ เธอไม่ได้หยิ่ง แต่ไม่ชอบการถูกทำแบบนี้ ดวงตากลมโตหรี่ลงเหมือนไม่พอใจ กำถุงหมึกย่างแน่นขึ้นอย่างพร้อมฟาดมันออกไปเต็มที่ คนกำลังรีบ เดี๋ยวอดเล่นปาโป่ง พอหาทุ่มแม่ต้องโทรตามแน่ และนั่นหมายถึงเธอต้องกลับบ้านทันทีด้วย
“สวยแล้วหยิ่งเหรอวะ” พ่อค้าหนุ่มหัวร้อน เพราะลูกค้าเริ่มมองเขาพลางซุบซิบ ก็แค่อยากรู้จักไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ซุบซิบหาพ่อง!
“ไม่ได้หยิ่ง แต่ไม่ชอบ ไม่ทอนใช่ไหม ตุบ!” เอื้อมดาวโยนถุงหมึกที่ชิมไปเพียงชิ้นเดียวลงที่เดิม ไม่สนใจเอาเงินทอนด้วย เพราะขี้เกียจเสียเวลากับคนแบบนี้ เดินไปร้านลูกชิ้นปิ้ง ก่อนจะคว้านเอาเหรียญในกระเป๋ากางเกงยีนส์ขึ้นมานับ
“30 จ้า”
แม่ค้าวัยรุ่นยื่นถุงลูกชื้นพร้อมบอกราคา เอื้อมดาวคว้ามือรับมาพร้อมส่งเงินเหรียญไปให้แบบพอดีกับค่าลูกชิ้น ยัดลูกชิ้นเข้าปากพร้อมเดินทางต่อ หวังว่าคราวนี้จะไม่มีมารผจญมาอีกนะ เพราะเธอเหลือเวลาไม่ถึงสิบห้านาทีก่อนจะห้าทุ่ม ไม่อยากให้แม่โทรตามด้วย เดี๋ยวขอออกมาครั้งหน้าแม่จะไม่ยอม
ร่างเล็กๆที่สูงเพียง 156 เดินไปหยุดหน้าร้านปาโป่งที่เคยมีเจ้าเสือตัวใหญ่อยู่ แต่ตอนนี้มันไม่อยู่แล้ว คงโดนคนตกไปแล้วแน่ๆ เป้าหมายใหม่ของเอื้อมดาวจึงเป็นเจ้าหมีสีแดงที่ขนาดพอๆกับเจ้าเสื้อตัวนั้น
เอื้อมดาวจับลูกดอกไว้มั่น เคยดูคลิปเทคนิกการปาโป่งเยอะเหมือนกัน จะได้ใช้มันก็วันนี้แหละ
แปะ! ลูกแรกก็หมดหวังเลย นอกจากจะไม่เข้าเป้าแล้วยังไม่ถึงจุดที่ลูกโป่งอยู่ด้วยซ้ำ เด็กๆที่อยู่แถวนั้นแหละเห็นแล้วยังอดขำไม่ได้ หัวเราะล้อเลียนจนเอื้อมดาวเสียความมั่นใจ
“ยังเหลืออีกตั้งสี่ลูก” เอื้อมดาวชูลูกดอกขึ้นให้เด็กกลุ่มที่เคยหัวเราะตัวเองดู ยักคิ้วให้ทีหนึ่ง เหมือนบอกว่าเธอยังมีหวังอยู่
ปัง!
“เห็นเปล่า บอกแล้ว” เอื้อมดาวยิ้มกว้าง ในขณะที่เด็กๆเบะปากใส่ ยังเหลืออีกตั้งสามดอกมาทำคุย เมื่อกี้ฟลุ๊คเปล่าก็ยังไม่รู้
“ขี้โม้”
“พี่ไม่ได้โม้สักหน่อย จับตาดูไว้เลย” เอื้อมดาวทำท่าประกอบ ก่อนจะตั้งท่าเตรียมพร้อมขว้างลูกดอกออกไป กำลังจะออกแรงขว้างก็ต้องรีบหันกลับไปมองคนที่คว้ามือเธอไปจับ คิ้วเรียวขมวดมุ่น เมื่อเจอคนที่ไม่อยากเจอ
“จับแบบนี้ไม่แตกหรอก ไม่โดนด้วย อย่าโยนออกไปเชียว อายเด็กมัน” ปีขาลกระซิบเบาๆให้ได้ยินกันแค่สองคน จัดการเปลี่ยนวิธีจับให้เธอใหม่ พร้อมทั้งระดับการวางมือ
“เอาเลย ดอกนี้โดนแน่”
ปัง!
“เห้ย โดนจริงด้วย” เอื้อมดาวหันไปยิ้มให้คนข้างหลังอย่างลืมตัว ลักยิ้มเล็กๆทำให้คนข้างหลังผละออกไปนิดๆ
เออโดนจริง กูนี่โดนตกจริงๆ แล้ว!
“แฮ่ม! เหลืออีกตั้งสองดอกเถอะ” ปีขาลกระแอมเบาๆ มองคนที่หันกลับไปตั้งท่าใหม่ด้วยสายตาวาบวาม อยากได้จริงๆคนนี้ ไม่รู้มีอะไรดี แต่ถูกใจชิบหาย
“สบายมาก!” เอื้อมดาวหันกลับไปโม้ ตั้งท่าเหมือนเมื่อกี้ ก่อนจะขว้างออกไปด้วยแรงเท่าเดิม
แปะ! แปะ!
“ว้า!”
“ฮะฮ่า ๆ”
เด็กๆหัวเราะอย่างสะใจ เมื่อสองดอกแห่งความหวังลงไปกองอยู่ที่พื้น มองใบหน้าที่เคยมั่นใจอย่างเย้ยหยัน ก่อนจะไปจ่ายเงินแล้วปาให้ดูเป็นขวัญตา 5 ดอกรวด และเข้าเป้าทุกดอก เด็กชายที่เป็นหัวโจกเดินมาหาคนที่ยืนซึมอยู่ไม่ไกล
“อยากได้อะไรเลือกเอาเลยพี่คนสวย”เด็กชายผิวคล้ำเพราะตากแดดตากลม ยักคิ้วให้หนึ่งที ถูกใจหน้าตาพี่คนนี่มาก เลยอยากตบรางวัลให้
“เด็กแก่แดด” ปีขาลวางมะเหงกลงบนหัวเด็กคนนั้นเบาๆ เดินไปจ่ายเงินแล้วหยิบลูกดอกมาปาบ้าง เขาปาเข้าเป้าทุกดอก จึงเดินไปบอกเจ้าของร้าน ให้หยิบคงตุ๊กตาเสือ ที่เขาเคยบอกว่าจะกลับมาเอา
ปีขาลยัดตุ๊กตาตัวโต ใส่มือคนที่ยังยืนปาโป่งกับเด็กกลุ่มที่เคยหัวเราะเยาะตัวเอง เอื้อมดาวมองหน้าอย่างไม่เข้าใจ เมื่อก้มลงเจอเสือตัวใหญ่ในมือก็แอบยิ้มกว้าง
“สงสารหรอก คนอะไรไม่มีฝีมือ”
“ของแบบนี้ไม่ใช่ใครก็เก่งหรือเปล่า” เอื้อมดาวรู้สึกแปลกใจตัวเองนิดหน่อย เธอยอมรับว่ามีปมเรื่องผู้ชาย เลยไม่ค่อยอยากสุงสิงกับผู้ชายเท่าไหร่ แต่กับคนตรงหน้ามันต่างออกไป ถึงเขาจะดูน่ากลัว แต่ก็รู้สึกวางใจแปลกๆ
“อันนี้ผมให้” เด็กคนเดิมเดินไปเลือกตุ๊กตาของรางวัลที่ตัวเองปาได้มายื่นให้ เอื้อมดาวเพียงแค่ยิ้ม แต่ไม่ได้รับของในมือเด็กน้อย
“เอาให้เด็กคนอื่นเลย ขอบคุณนะตัวเล็ก” เอื้อมดาวรู้สึกขอบคุณจริงๆ แต่รับของเด็กไม่ได้ เพราะถือกลับไม่ไหวจริงๆ ส่วนตุ๊กตาเสือตัวนี้เธอชอบจริงๆ ไหนๆคนให้ก็ไม่ได้ดูขัดสนเรื่องเงิน เธอเลยจะรับไว้