หรือว่าเขากำลังจะตกหลุมรัก โอ้...ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก เขาก็แค่ไม่ได้ปลดปล่อยมาหลายวันเท่านั้นเอง ความต้องการทางเพศถึงได้กำเริบขึ้นมาแบบนี้ คอร์เนลร้องบอกตัวเองในอกอย่างดุเดือด แต่กระนั้นก็ยังไม่สามารถห้ามสายตาของตัวเองให้ละจากร่างสลักเสลาของสตรีตรงหน้าได้
แม้จะทึ่งในความหล่อเหลาของบุรุษตรงหน้า แต่ยาหยีก็อดแก้มแดงก่ำด้วยความโมโหไม่ได้ที่เห็นคนตรงหน้าใช้สายตากวาดมองร่างกายของตัวเองราวกับกำลังเลือกสินค้าเพื่อนำไปใช้งาน
“แต่ฉันจำคุณไม่ได้ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ ต้องรีบไปเรียน” สาวน้อยตัดบทเสียงเรียบ ดึงมือลินดาให้เดินตามมาอีกครั้ง
“ไปกันเถอะลินดา”
“ฉันยังไม่อยากไปเลย อยากมองคนหล่อ” ลินดาบ่นด้วยความเสียดายขณะเดินตามเพื่อนรักออกมาจากหน้าหอพัก
“นายน้อยครับ เธอไปแล้ว”
เซอร์เกรีบร้องเตือนเจ้านายหนุ่มหล่อของตัวเองเมื่อเห็นยาหยีเดินไกลออกไป คอร์เนลระบายยิ้มเลือดเย็นออกมา ขณะหมุนตัวเดินกลับไปที่รถลีมูซีนคันงาม
“ฉันไม่ปล่อยแม่นี่ไปหรอกน่า แค่อยากทำให้เงียบที่สุดก็เท่านั้น”
“นายน้อยหมายความว่ายังไงครับ”
เซอร์เกเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ เพราะปกตินายน้อยของตัวเองไม่เคยสนใจอะไรทั้งนั้น หากอยากได้อะไรก็ต้องเอาให้ได้เดี๋ยวนั้น ไม่เคยมีคำว่า ‘รอ’ สำหรับคนอย่างคอร์เนล แต่ทำไมกับผู้หญิงคนนี้ คอร์เนลถึงเลือกที่จะรอล่ะ
เซอร์เกรู้สึกไม่สบายใจเลย เมื่อนึกถึงสายตาพึงพอใจของคอร์เนลที่ทอดมองไปยังยาหยีลูกสาวของยอดชาย ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นศัตรูของซีร์ยานอฟ เขาไม่เคยเห็นคอร์เนลมองผู้หญิงคนไหนด้วยสายตาแบบนี้มาก่อนเลย
“ทิ้งจดหมายเอาไว้ และแม่นั่นจะออกมาหาเราเอง”
“แต่ผมว่าเราควรจะลากเธอไปเลย งานจะได้จบ และเราจะได้กลับมอสโกโดยเร็ว” เซอร์เกพยายามจะออกความเห็น แต่ก็ถูกคอร์เนลเก็บมันใส่ลิ้นชักอย่างไม่ไยดี
“ทำตามที่ฉันบอก อย่าริอ่านจะขัดคำสั่งเด็ดขาด” คนออกคำสั่งก้าวขึ้นไปนั่งบนรถด้วยท่าทางหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด
“ครับนายน้อย”
เซอร์เกก้มหน้ารับคำสั่ง เขาเขียนจดหมายตามที่นายน้อยของตัวเองบอก จากนั้นก็เอาไปฝากไว้ที่คนเฝ้าหอ ก่อนจะเดินกลับมาที่รถ คอร์เนลลดกระจกลงและเอ่ยถาม
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
“เรียบร้อยแล้วครับนายน้อย”
คอร์เนลระบายยิ้มพึงพอใจออกมา หัวใจเต้นแรงขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ
“ดีมาก ขึ้นรถได้แล้ว ฉันต้องการกลับบ้าน”
ทุกคนก้าวขึ้นรถ และไม่นานขบวนรถลีมูซีนหลายคันก็แล่นออกจากหน้าหอพักของทางมหาวิทยาลัย และระหว่างทางก็ขับผ่านยาหยีกับลินดาที่กำลังจ้ำอ้าวไปเรียนหนังสือพอดี
“นั่นไงยาหยี รถพวกนี้ไงที่จอดหน้าหอของเรา”
ลินดาชี้ให้เพื่อนดู ยาหยีไม่ได้ตอบอะไรออกมา แต่ก็อดชำเลืองมองไม่ได้ และหัวใจก็เต้นแรงจนแทบทะลุออกจากอกเมื่อคนตัวโตที่นั่งอยู่ในรถเลื่อนกระจกลงเหลือครึ่งบาน เห็นใบหน้าหล่อเหลาของเขาชัดเจนเต็มสองตา
“นั่นผู้ชายคนนั้นนี่ ดูสิเขามองเธออีกแล้ว”
ลินดาร้องออกมาด้วยความอิจฉา ตีแขนยาหยีที่กำลังมองตามขบวนรถพวกนั้นไปจนลับสายตาเบาๆ อย่างรู้ทัน
“ชอบเขาสิท่า”
“ว่าไงนะ?”
“ฉันบอกว่าเธอชอบผู้ชายตาสีเขียวคนนั้นใช่ไหม เห็นมองกันนานสองนาน”
คราวนี้คำถามของลินดาชัดเจนเต็มสองหู ยาหยีรีบปฏิเสธทันที แม้ว่าคำพูดของเพื่อนสนิทจะแทงถูกใจดำก็ตาม
‘ใช่สิ ปฏิกิริยาเคมีของเขาและหล่อนพุ่งเข้าใส่กันอย่างรุนแรงจนน่าตกใจ ความรู้สึกบางอย่างที่ไม่เคยคิดว่ามีเกิดขึ้นมาได้เพียงแค่สบตากับผู้ชายนัยน์ตาหวานคนนั้น’
“บ้าเหรอ ไม่ใช่สักหน่อย ฉันก็แค่...”
“ก็แค่ไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนหล่อเท่าเขามาก่อนใช่ไหมล่ะ”
คำพูดรู้ทันของลินดาทำให้ยาหยีขัดเขินขึ้นมาอย่างรุนแรง หญิงสาวหน้าแดงก่ำ พร้อมๆ กับรีบจ้ำอ้าวเดินหนี แต่แม่เพื่อนตัวแสบก็ยังเดินตามมาล้อไม่ยอมเลิก
“ฉันว่าเธอกำลังตกหลุมรักนะลูกหยี”
“ไม่มีทาง ฉันไม่เคยคิดจะรักใคร” ยาหยีปฏิเสธเสียงแข็งอีกครั้ง แต่ลินดาก็ยังคาดคั้นไม่เลิก
“หัวใจเธอเต้นแรงใช่ไหมตอนได้สบตากับผู้ชายคนนั้นน่ะ แล้วเธอก็รู้สึกโหวงเหวงในช่องท้องด้วยใช่หรือเปล่า”
ยาหยีหยุดเดินทันที ขณะหันกลับมามองหน้าของเพื่อนสนิท ตกใจยิ่งนักที่ลินดาสามารถล่วงรู้อาการของหล่อนได้อย่างแม่นยำขนาดนี้
‘ใช่...หัวใจของหล่อนเต้นอย่างรุนแรงตอนที่สบตากับผู้ชายตาดุคนนั้น แถมท้องไส้ก็อึดอัด รุ่มร้อนอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน’
“ไม่ใช่...ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้น” ตอบเสียงเรียบ ก่อนจะรีบก้าวหนีอีกครั้ง
“ไม่จริงหรอก ฉันมองออกว่าเธอตกหลุมรักผู้ชายคนนั้นเข้าจังเบ้อเร่อ อย่าปิดฉันเลยน่า ฉันเป็นกูรูทางด้านนี้เธอก็รู้นี่”
ลินดาพูดออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจ ขณะรีบสาวเท้าตามยาหยีที่เดินแกมวิ่งหนีนำหน้าไปไกลแล้วด้วยความขบขัน
“พอพูดแทงใจดำเข้าหน่อย ทำเป็นฟังไม่ได้นะยายลูกหยี”