“พักบ้างเถิดซีเอ๋อร์” ฮูหยินผู้เฒ่าเดินเข้ามานั่งลงไม่ไกลนักพลางเอ่ยบอกลูกสะใภ้ที่ช่วงนี้ทำงานหามรุ่งหามค่ำ “อีกสักเดี๋ยวนะเจ้าคะ ท่านแม่” หลังจากพูดคำนั้นเสร็จโฉมสะคราญก็จมลงสู่สมาธิของตนอีกครั้งโดยไม่สนใจรอบข้าง ฟ่านเลี่ยงเหลียงส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะเหลือบมองเจ้าสองแสบที่กำลังลงสีบนกระดาษด้วยความสนุก แม้จะเลอะเทอะจนแทบดูไม่ออกว่าเป็นอะไรแต่นางยังไม่เคยเห็นพวกเขาตั้งอกตั้งใจขนาดนี้มาก่อน อีกทั้งยังเรียนรู้คุณค่าของภาพวาดเช่นเป็นภาพแบบไหน สีที่ใช้ให้ความรู้สึกมีพลังหรือสบายตา ยังไม่รวมไปถึงการพูดให้สินค้าดูมีราคาคู่ควรแก่การจับจ่าย “พวกเจ้าก็มาพักก่อนเถิด” “ขอรับ/เจ้าค่ะ” เด็กหนุ่มสาววางพู่กันก่อนจะเช็ดมือกับผ้าสะอาด จากนั้นจึงเดินมาร่วมโต๊ะน้ำชากับมารดา “เป็นอย่างไรบ้าง เบื่อรึยัง” สตรีวัยกลางคนเอ่ยถามลองเชิงพลางทอดมองดวงตาสุกสกาวของบุตรฝาแฝด “ไม่เลยเจ้าค่ะ” หยางจื่อโยวตอบด้วยสีหน้