“ว่า?”
“จะทำอะไรคะ” ถามพร้อมกับยกมือดันอกเขาออกห่าง แต่ร่างหนาหนักแข็งแรงไม่เขยื้อนสักนิด
“นั่นสิ ทำอะไรดี”
น้ำเสียงของเขามีแววเอาเรื่อง ไม่ได้ดูคุกคามหรือหื่นกามแต่อย่างใด นั่นทำให้อาทิตยาอยากร้องไห้ เมื่อคิดได้ว่าเขาน่าจะไม่ได้พิศวาสอะไรเธอ ฮือ...
“อื้อ...” สาวอวบครางขัดใจ ไม่รู้ว่าใจจริงนั้นอยากให้เขาทับหรืออยากให้เขาไม่ทับกันแน่
“รู้สึกเป็นไง”
“หนักค่ะ” แม้ว่าจะฟินแต่ก็หนักนะ พี่คิงตัวโตอย่างกับควายที่สุขภาพดีที่สุดในฟาร์ม
“ใช่ หนัก แล้วคิดดู เธอนอนทับตัวฉันกี่ชั่วโมง รู้แล้วใช่ไหมว่ามันหนัก”
ขุนพลเอ่ยเสียงเข้ม เหมือนจะโกรธแต่ก็ไม่เชิง แววตาเขามีแววขบขันเสียด้วยซ้ำ แต่อาทิตยาหน้ามุ่ย แอบผิดหวังเมื่อได้ยินเต็มสองหู ดูก็รู้ว่าเขาแกล้งเอาคืน
โอ๊ย! แล้วเธอคาดหวังอะไรกันล่ะ คิดว่าจะเหมือนในนิยายหรือไง ทับๆ แล้วรัก ทับๆ แล้วจุ๊บ บ้าบอ! นี่มันชีวิตจริงนะ
“ทำไมทำหน้าอย่างงั้น” ขุนพลขมวดคิ้วเมื่อเห็นเธอทำหน้าทำตาแปลกๆ
“เปล่าค่ะ ปล่อยอุ๊บเถอะ อุ๊บขอโทษ อย่าแกล้งอุ๊บเลยนะคะ”
ขุนพลไม่นำพาเสียงอ้อนวอนนั้น แต่กลับปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่เขาให้เธอยืมใส่ แม้มือขาวๆ ป้อมๆ ของอาทิตยาจะผลักไส แต่เขาก็ปัดมือเธอออกไป พร้อมกับแกะกระดุมออกไปจนหมดและแหวกสาบเสื้อออกจากกันจนได้
อาทิตยาจะไม่มีปัญหาเลย ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้เธอโนบรา บ้าไปแล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะคาดหวังอะไรจากเขาให้รู้สึกฟินๆ ชุ่มชื่นหัวใจ แต่สาบานเลยว่าไม่ได้คิดอกุศลมาถึงขั้นนี้ นี่มันคืออะไร มือหนาที่กอบกุมอกนุ่มหยุ่นของเธอ ไม่ใช่แล้ว!
“อย่านะ...” ห้ามเขาพร้อมกับบิดกายหนี ก่อนจะหน้าเบ้เมื่อเขาไม่ยอมปล่อย ซ้ำยังบีบเคล้นแรงกว่าเดิม
“นี่มันภูเขาอะไร เอเวอร์เรสหรือตะนาวศรี” ขุนพลเวอร์ชันซุกซนก็มีกับเขาด้วยแฮะ
“ทำไมคิงทำแบบนี้ล่ะคะ”
“แล้วทำไมจะทำไม่ได้ล่ะ” เขาว่าเสียงเรียบไม่เดือดเนื้อร้อนใจ ไม่แคร์ว่าเจ้าของภูเขาที่เขาถือวิสาสะมาปีนป่ายจะอายแสนอายแค่ไหน
“มันไม่ควรนะ ปล่อย...”
มือขาวๆ พยายามผลักมือเขาออกแต่ก็ไร้ผล
“ไม่อยากให้ทำก็เล่ามา เกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันไหนๆ”
ขุนพลรู้ดีว่าจะง้างปากคนอวบปากแข็งและขี้น้อยใจคนนี้ยังไง มันอาจจะไม่ควรอย่างที่เธอว่า แต่เอาเป็นว่าเขาไม่แคร์ความควรหรือไม่ควร จบนะ!
“อุ๊บไม่อยากเล่า มันไม่ดี”
เรื่องที่พวกเพื่อนๆ ในห้องแกล้งและด่าทอเธอสารพัดนั้นน่ะเหรอ มันมีมาไม่เว้นแต่ละวัน เพียงแต่ขุนพลและอีกสี่หนุ่มไม่ได้มาเห็นกับตาทุกครั้ง และอาทิตยาก็ทำลืมๆ ไปไม่อยากเอามาใส่ใจ ไม่คิดว่าเขาจะมาถามไถ่เอาความอีตอนนี้
“อยากให้จับอยู่อย่างงี้งั้นสิ?”
“ไม่เอา อุ๊บไม่ได้อยากให้จับ อื้อ ปล่อยนะ” ว่าพลางดิ้นรนให้พ้นจากความวาบหวาม คิดหาเหตุผลแต่ก็ไม่มีอะไรมาสนับสนุนความข้องใจเลยว่า ทำไมขุนพลจึงต้องถึงเนื้อถึงตัวกับเธอแบบนี้
“เธอน่ะมันดื้อตาใส ปากก็บอกว่าไม่เป็นอะไร แต่ในใจคิดมากขี้น้อยใจไร้สาระ”
อาทิตยาหยุดดิ้นรนทันที ตกลงว่าเขาเข้าใจในสิ่งที่เธอเป็นจริงๆ หรือต้องการด่าเธอกันแน่
“ค่ะ อุ๊บนิสัยไม่ดี”
ว่าแล้วก็เบี่ยงหน้าหนีไปอีกด้านพร้อมกับหลับตาลง ให้น้ำตาที่คลออยู่ไหลกลับไป ไม่อยากให้มันร่วงพรูออกมาประจานความน้อยเนื้อต่ำใจ
“เล่ามา อย่าชักช้า ไม่งั้นตัวประกันนี่ไม่รอดแน่” เขามันคนชอบเที่ยวภูเขาลำเนาไพรเสียด้วยสิ
“ผู้ชายกับผู้หญิงที่เป็นเพื่อนกัน ทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอคะ” เอ่ยถามเขาเสียงเบาหวิว อยากรู้เรื่องนี้แต่ไม่อยากเล่าในสิ่งที่เขาถาม
“ได้หมดล่ะ”
“แต่เราเป็นเพื่อนกันนะ”
“แล้วไง เอาหมอนปิดหน้าแล้วก็เหมือนๆ กัน”
ขุนพลว่าอย่างไม่ยี่หระ นั่นทำให้อาทิตยาขอบตาร้อนผ่าว
“คิงมีแฟนทั้งหมดกี่คนอะคะ” อดถามเรื่องส่วนตัวของเขาไม่ได้จริงๆ
ขุนพลเลิกคิ้วมองเธอ ก่อนจะตอบก็กดจูบเบาๆ บนเนินอกขาวที่เขากอบกุมสองเต้าเอาไว้จนเต็มมือ จะเริ่มการปีนป่ายแน่ถ้าเธอยังไม่ตอบในสิ่งที่เขาถาม
“โสด”
“อุ๊บไม่เชื่อ” สวนกลับทันทีโดยไม่ต้องคิด
“คุยไปเรื่อยๆ คนไหนก็คนนั้น”
“เป็นผู้ชายนี่ดีจัง คุยกับใครไปเรื่อยๆ ก็ได้”
“ก็คุยเฉยๆ นี่ ไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย” ขุนพลหรี่ตามองเธออย่างจับผิดไปถึงความคิดข้างใน
“ไม่ได้ทำอะไรจริงๆ เหรอคะ”
“แล้วจะให้ทำอะไรล่ะ แบบนี้หรือไง”
ว่าจบก็บีบซาลาเปาเนื้อนิ่มแรงๆ ทำเอาอาทิตยาบิดกายครวญคราง พยายามผลักมือเขาออกแล้วแต่เขาก็ไม่ยอม
“เลิกนอกเรื่องได้แล้ว ตอบมาซะทีว่าเกิดอะไรขึ้น พวกนั้นมันทำอะไรเธอ”
“......”
ครั้นอาทิตยายังอิดออด เขาจึงลงน้ำหนักมือที่ตัวประกันมากขึ้น ก่อนจะเอ่ยเสียงเข้มกว่าเดิม
“ถ้าไม่ตอบ ฉันจะคิดว่าเธอชอบให้ฉันทำแบบนี้ หรือว่า...เธอชอบจริงๆ”
“ไม่ๆ อุ๊บยอมแล้ว อุ๊บบอกแล้วค่ะ”
ครั้นเมื่อเธอยอมเปิดปากเล่าตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว มือหนาจึงละจากอกอวบนุ่ม แล้วค่อยๆ ปิดกระดุมเสื้อให้ตามเดิมจนเรียบร้อย
อาทิตยาถอนหายใจอย่างโล่งอก ถ้าหากอยู่ในสถานการณ์อื่นเธอคงกรี๊ดและหาหนทางหนีออกไปจากห้องนี้ แต่นี่เป็นเขา น่าแปลกที่สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ทำให้ความเชื่อใจที่เธอมีให้กับคนตรงหน้าลดลงเลยแม้แต่น้อย
“อยากให้ฉันจัดการอะไรให้ไหม”
“จัดการอะไรคะ”
“เอาคืน...อะไรแบบนี้”
“ไม่ค่ะ อุ๊บไม่อยากมีเรื่องกับใคร”
“เมื่อไหร่จะเลิกนุ่มนิ่มซะที ทำตัวอ่อนแอแบบนี้ใครจะแกล้งอะไรก็ได้ หัดสู้คนซะบ้าง”
อาทิตยาหน้าหงอยลงเมื่อได้ยินคำพูดของเขา เธอคงไม่ได้เรื่องจริงๆ สินะ แค่จะปกป้องดูแลตัวเองก็ยังทำไม่ได้ แค่นี้ก็ต้องให้ขุนพลมาตำหนิ
ส่วนขุนพลเมื่อเห็นใบหน้าเหมือนหมาเหงานั้นก็ได้แต่ถอนหายใจ อดตำหนิตัวเองไม่ได้ว่าพูดตรงเกินไปหรือเปล่า
ก็รู้ทั้งรู้ว่ายัยอวบมันขี้น้อยใจซะขนาดนี้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ เขาเป็นคนพูดตรง ชมตรง ด่าตรง และที่เอ่ยกับเธอไปก็เพราะความปรารถนาดีที่มีให้ ถ้ารับความจริงใจแบบตรงไปตรงมาไม่ได้ ก็คงจะคบกันต่อไปได้ยาก ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหนก็ตาม
มือหนายกขึ้นไปกอบกุมใบหน้ากลมแป้นขาวผ่องนั้น ก่อนจะบีบแก้มเธอเบาๆ แล้วเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้อาทิตยาหน้าแดงซ่าน
“หรืออยากมีคนคอยดูแล”
ดวงตาที่เคยคลอด้วยหยาดน้ำก่อนหน้านี้เรืองรองสุกใสขึ้นมาทันทีที่เขาพูดประโยคนั้น หัวใจก็พองฟู ก่อนจะห่อเหี่ยวหนักกว่าเดิมเมื่อได้ฟังคำพูดประโยคต่อมา
“เดี๋ยวให้ไอ้เล็กมาคอยคุม”
โธ่เอ๊ย! ทำไมไม่คุมเองนะคนบ้า ทำไมจะต้องให้ไอ้เล็กมาคุมด้วย
อาทิตยาได้แต่บ่นอยู่ในใจ ก่อนจะตามมาด้วยความน้อยใจอีกแล้ว ใช่สิก็เธอมันอวบมันอ้วนนี่ ไม่สวยพอที่พี่คิงจะแล เขาคงไม่อยากมาสนใจเธอหรอก
“อุ๊บอยากกลับบ้านแล้ว”
“เสื้อผ้ายังไม่แห้งเลย” เขาพูดหน้านิ่ง
และเมื่ออาทิตยาทำท่าขยับจะดิ้นรนออกจากการแนบชิดกับเขา ขุนพลก็รีบกระชับอ้อมแขนกักกอดเธอไว้แน่นให้อยู่ใต้ร่างเหมือนเดิม
“ฉันง่วง เธอหลับสบายไปแล้วนี่ ถึงตาฉันบ้าง มาเป็นหมอนนิ่มให้ฉันซะดีๆ”
พูดจบก็ซุกซบใบหน้าลงมาบนภูเขา ที่เขาก็ยังไม่ได้คำตอบหรอกว่ามันคือเอเวอร์เรสหรือตะนาวศรี ก่อนจะหลับตาพริ้มอย่างสบายอกสบายใจ
ช่วยไม่ได้ ยัยอวบอยากนอนทับเขาเป็นชั่วโมงเอง เขาขอทับหมอนนิ่มคืนบ้างก็แล้วกัน
ขุนพลคิดขำๆ ที่จริงไม่ได้จะจริงจังอะไรขนาดนั้น แค่อยากแกล้งเอาคืน แต่แล้วจากความตั้งใจเดิมที่คิดจะแกล้งยัยอวบกลับกลายเป็นว่าเขาหลับจริง
โดยที่อาทิตยาก็ได้แต่นอนนิ่ง ไม่กระดุกกระดิก อุทิศตัวเป็นหมอนนิ่มให้เขา รอเวลาให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมาเพื่อปล่อยให้เธอกลับบ้านก็เท่านั้น
อย่าถามว่ารู้สึกยังไง หัวใจพองโตไหม มันพองอยู่แล้วล่ะ อวบขนาดนี้ นมนี่ใหญ่เป็นลูกฟุตบอลโน่น
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น สิ่งที่ว้าวุ่นอยู่ในใจของเธอตอนนี้มีแค่ว่า สิ่งที่เขาทำมันคืออะไร แคร์...หรือแค่สงสาร?