บทที่ 1

836 คำ
ความเจ็บปวดทุกข์ทรมานที่ผู้กองพยัคฆ์...ไม่สิ พยัคฆ์ได้รับมาจากพ่อปู่ไพร่เขียวในวันนั้น ทำให้เขาลาออกจากราชการกะทันหัน โดยไม่บอกกับใครเลยว่าสาเหตุที่ลาออกเป็นเพราะอะไร มิหนำซ้ำยังเลิกกับแฟนสาวที่พัฒนาความสัมพันธ์จากเพื่อนสนิทมาเป็นแฟนอย่าง ‘ปานวาด’ ชนิดสายฟ้าฟาดอีก อันที่จริงจะว่าเลิกกันอย่างสายฟ้าฟาดก็ไม่เชิงนัก เหตุมันเกิดจากหลังจากที่ผิดพลาดในการจับกุมพ่อปู่ไพร พยัคฆ์ก็เครียดมากจนแฟนสาวชวนไปพักผ่อนหย่อนใจใกล้ชิดธรรมชาติ หญิงสาวเลือกชวนเขาไปพักผ่อนหย่อนใจที่บ้านพักในไร่ของเขา เพราะมันเงียบสงบและสวยงาม ไม่ต่างอะไรจากอุทยานเลยล่ะ ความจริงพยัคฆ์ไม่ได้อยากไปสักเท่าไรหรอก เขาไม่ค่อยชอบที่เงียบๆ หรือธรรมชาติอะไรสักเท่าไร แต่ก็ทนต่อลูกตื๊อของคนรักไม่ได้ ‘นะเสือ ไปเถอะนะ ไม่อย่างนั้นฉันงอนจริงๆ ด้วย ฉันไม่เคยไปที่บ้านนั้นเลย อยากไปจัง’ ปานวาดเป็นผู้หญิงที่ใครต่อใครคิดว่าพยัคฆ์หลงรักมานาน พอเธอออดอ้อนอย่างนี้ เขาก็ไม่สามารถจะปฏิเสธได้ จำต้องยอมวางความเครียดแล้วไปเที่ยวชมนกชมไม้กับเธอก่อน ทว่า...นั่นกลับเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้พยัคฆ์เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ เต็นท์ที่พยัคฆ์และปานวาดใช้เป็นที่หลับนอนยามค่ำคืนกลางลานหน้าบ้านพักตามคำขอของปานวาดว่าอยากนอนเต็นท์เพื่อเอาบรรยากาศถูกทำลายจนขาดวิ่น ไกลจากกันราวหนึ่งกิโลเมตรมีร่างบางของหญิงสาวนอนหายใจรวยรินอยู่ สภาพของเธอเต็มไปด้วยบาดแผลจากกงเล็บแหลมคมและรอยกัดแหว่งอยู่หลายรอย เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องสันนิษฐานเอาว่าคงเป็นฝีมือของสัตว์ร้ายที่ออกมาหาเหยื่อยามวิกาลตามสัญชาตญาณเพราะละแวกไร่ของครอบครัวพยัคฆ์ยังเป็นป่าอยู่ และห่างกันนั้นไปอีกราวหนึ่งกิโลเมตร มีร่างเปลือยเปล่าของพยัคฆ์นอนแน่นิ่งอยู่ด้วย เขายังไม่ตายเช่นกัน มีสภาพมอมแมมไม่ต่างอะไรจากปานวาดเลย เพียงแต่...ร่างกายของเขาไร้ซึ่งบาดแผลจากสัตว์ร้าย มีเพียงรอยเกี่ยวของกิ่งไม้ต้นไม้พอให้เลือดซิบเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนสัตว์ร้ายที่คาดการว่าเป็นตัวการทำร้ายปานวาด...หายไปชนิดตามตัวไม่ได้ มีแต่รอยเท้าที่ฝากไว้บนผืนดินเท่านั้น มันคือเสือ...ตัวใหญ่เสียด้วย ทว่าเมื่อถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากพยัคฆ์แล้ว เขาเล่าได้เพียงว่าระหว่างที่เขานอนหลับอยู่กับปานวาดในเต็นท์ ฉับพลันก็ถูกสัตว์ร้าย จู่โจม หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้ ไม่รู้ว่าตนไปอยู่ในจุดที่มีคนมาพบได้อย่างไร เปลือยเปล่าได้อย่างไร และปานวาดถูกทำร้ายอย่างไรด้วย เสมือนว่าความทรงจำของเขาขาดหายไปอย่างไรอย่างนั้น แต่ในเมื่อถูกสรุปว่าเป็นฝีมือของเสือร้าย ก็ไม่มีใครสนใจซักถามเขาเพิ่มเติมอีก มีแต่เขาที่หลังจากนั้นก็เลิกรากับปานวาด เลิกราหลังเธอถูกส่งตัวกลับไปรักษาที่กรุงเทพฯ ยังไม่หายดีด้วยซ้ำ เรียกว่าทิ้งเธอมาเลยก็ได้ ก่อนลาออกจากราชการ และมาอยู่ที่ไร่แห่งนี้แทน ทำไร่ไถนา เก็บตัวอยู่ คนเดียว ราวกับว่าต้องการลืมเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นไปให้หมด ไม่มีใครกล้าถามหรือขัดอะไร ได้แต่ปล่อยให้อดีตผู้กองหนุ่มไปใช้ชีวิตอย่างสันโดษ หากแต่ท่าทางที่เปลี่ยนไปกะทันหันนั้นทำให้ครอบครัวเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย จากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เป็นเดือน จากเดือนเป็นปี ถึงจะได้ติดต่อกับพยัคฆ์สักครั้งหนึ่ง พ่อและแม่แม้จะไม่ลงรอยกันสักเท่าไร แต่พอเห็นลูกชายเป็นอย่างนี้จึงปรึกษากันว่าอยากให้มีคนมาดูแลพยัคฆ์ สักหน่อย อย่างน้อยก็คอยดู คอยสังเกตอาการแปลกๆ ของเขาเพื่อเอามารายงานให้ฟัง เผื่อว่าเขาต้องการความช่วยเหลือไม่ว่าจะทางกายหรือทางใจ จะได้ช่วยได้ทันท่วงที และคนที่เหมาะสมที่สุดในเวลานี้ก็คือ ‘แก้วตา’ ลูกสาวแม่บ้านที่ทำงานกับครอบครัวนี้มาช้านาน และเพิ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัย กำลังจะเริ่มหางานทำพอดี งานนี้จึงเหมาะกับสาวว่างงานอย่างเธอชนิดพอเหมาะพอเจาะ แก้วตาตอบรับโดยแทบไม่คิดแม้ว่างานที่ได้รับเป็นงานแรกในชีวิตหลังเรียนจบจะไม่เกี่ยวอะไรกับสายที่เรียนมาเลย เธอเรียนจบจิตรกรรม แต่ต้องรับหน้าที่ไปดูแลพยัคฆ์ ไม่เข้ากันสักนิด ทว่าเธอกลับอยากไปจนเนื้อตัวเต้น ทำไมน่ะหรือ? ก็เธอหลงรักพยัคฆ์มาตั้งแต่อ้อนแต่ออกแล้วน่ะสิ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม