C H A P T E R 2
ห้องบอลรูมAของโรงแรมชื่อดังใจกลางเมืองกรุงเป็นสถานที่ที่ภูมิและครอบครัวมาถึง ภูมิกวาดตามองไปรอบ ๆ ด้วยความสงสัย นี่ไม่น่าใช่การกินข้าวกันเฉย ๆ แล้วล่ะ
“สัมมนาอาหารเสริมเหรอแม่” เขาเคยเห็นบรรยากาศแบบนี้ตามหน้าฟีดเฟซบุ๊กเวลาที่เจ้าของแบรนด์ต่าง ๆ นัดเจอลูกทีม
“จะบ้าเหรอ” แม่พรถลึงตาอย่างดุ ๆ ใส่ลูกชายที่มันถามแบบไม่ผ่านสมอง เธอมองค้อนขวับแล้วสอดสายตามองหาคนที่นัดไว้ “เจอแล้ว”
แม่พรเดินนำหน้าทุกคนไปหาอีกครอบครัวหนึ่งซึ่งมีลูกสาวหน้าหวานยืนอยู่ตรงกลางขนาบข้างด้วยพ่อแม่ เธออยู่ในชุดลูกไม้ความยาวคลุมเข่า ผมปล่อยตรงยาวและคาดด้วยที่คาดผมสีขาวประดับมุก
“คนนี้ชัวร์” ภีมกระซิบกับพี่ชาย คนนี้แน่นอนที่แม่พรอยากได้เป็นสะใภ้
“ไงบัติ…นี่ลูกชายกูเอง คนเล็กชื่อภีมยังเรียนอยู่ คนโตชื่อภูมิ” พ่อแนะนำลูก ๆ ให้เพื่อนรู้จัก สองหนุ่มยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
“หล่อทั้งพี่ทั้งน้องเลย แล้วภูมิทำงานที่ไหนล่ะ” เพื่อนพ่อถาม
“ผม…”
“ภูมิดูแลโชว์รูมน่ะค่ะ และก็เล่นหุ้นบ้างนิดหน่อยพอสนุก ๆ กับเพื่อนฝูง นี่ภูมิก็เพิ่งกลับมาจากโชว์รูมเลยค่ะ” แม่พรรีบแย่งพูด แค่ลูกชายอ้าปากก็รู้แล้วว่ามันจะพูดอะไร ขืนปล่อยให้พูดออกไปตรง ๆ ก็อายเขาตายเลยสิ
ภูมิหันมองหน้าแม่ก่อนจะแสร้งยิ้มยืนยันในสิ่งที่แม่พูด หุ้นบ้าอะไรมีบนล่างร้อยคูณร้อย นั่นหุ้นแน่นะ…แต่เอาเถอะ เอาที่แม่สบายใจ เห็นแม่ไม่อายใครภูมิก็โอเค
“ที่ยอดขายนำโด่งเพราะคนบริหารหล่อขนาดนี้แน่ ๆ” เพื่อนพ่อพูดยิ้ม ๆ ก่อนจะพูดต่อ “เราไปหาที่นั่งกันดีกว่า”
เพื่อนพ่อเดินนำไปหาโต๊ะว่าง ซึ่งก็ได้โต๊ะหน้าเวทีที่จะเอาไว้ให้ผู้ร่วมงานทั้งหลายมาร้องเพลงและออกสเต็ปแดนซ์ด้วยท่วงท่าตามวัย
คนนั้นคนนี้เดินมาทักพ่อและเพื่อนพ่อ ภูมิยกมือไหว้พวกเขาจนบางทีเผลอไหว้เด็กเสิร์ฟเพราะคิดว่าเป็นเพื่อนพ่อด้วย งานวันนี้เลี้ยงของบริษัทรถโซนภาคกลาง ทางบริษัทจัดฉลองเพื่อตอบแทนที่แต่ละโชว์รูมทำยอดได้ดีทะลุเป้ากับรถรุ่นใหม่ที่เปิดตัวในไตรมาสที่ผ่านมา และผู้จัดการภาคจะหมดหน้าที่ในอีกสามเดือนข้างหน้า จึงถือเป็นงานเลี้ยงลาไปด้วยในตัว คนที่ได้มาในงานนี้ส่วนใหญ่ก็เริ่มสูงวัยกันแล้ว ผู้หญิงแต่ละคนแต่งตัวกันมาประชันความรวย ส่วนผู้ชายก็คุยโม้แต่ธุรกิจอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากโชว์รูมรถและพูดยกยอลูกหลานตัวเอง รู้งี้แกล้งพ่อแม่ด้วยการใส่เสื้อยืดกางเกงขาเดฟมาเสียก็ดี คิดแล้วก็ตลกชะมัด
“แกขำอะไร” พ่อพลกระซิบถามคนที่เผลอหลุดหัวเราะออกมาจนคนทั้งโต๊ะหันมามอง คนถูกถามส่ายศีรษะว่าเปล่าในทันที
“ภูมิมีอะไรจะถามน้องไหม” แม่ฝืนยิ้มชื่นมื่น หาเรื่องให้เขาชวนคุย แล้วเขาจะไปถามอะไร ชวนใครคุยไม่เป็นสักหน่อย
“ชื่อไร”
ทุกคนหันมามองหน้าเขาด้วยอาการตกใจ จะมีก็แต่น้องชายอย่างภีมที่นั่งหัวเราะจนไหล่สั่น ฟังผู้ใหญ่คุยกันปนเย้าแหย่เรื่องของเขาและผู้หญิงตรงหน้าตั้งนานสองนาน ทว่าจำชื่อไม่ได้
เขาจำไม่ได้ก็ถาม แล้วแปลกตรงไหน ทำไมต้องตกใจกันด้วย
“บีค่ะ”
อ้อ! ชื่อบี ภูมิยิ้มกว้างโชว์ฟันเกือบครบทุกซี่ให้แม่ที่กำลังเปิดน้ำมันสีเหลือง ๆ ขึ้นมาดม แต่กลิ่นของมันนั้นไม่ถูกใจเขาเอาเสียเลย เอามือบิดจมูกไปมาราวกับไม่อยากได้กลิ่น กลิ่นแบบนี้เห็นมีแต่สูงวัยที่ชอบใช้ แต่วัยรุ่นเฟี้ยว ๆ อย่างเขาไม่ปลื้ม
“น้ำมันเหลืองนี่บีก็ชอบค่ะ แก้ปวดเมื่อยได้ด้วย” บีพูดกับแม่พรเสียงอ่อนหวาน
ภูมิเบิกตาโตหันขวับไปมองน้องชายที่ทำหน้าตกใจเช่นเดียวกันกับเขา วัยนี้ใช้น้ำมันเหลืองนี่แล้วเหรอ คิดว่าถ้าเวียนหัวก็จะดมยาดมกันเสียอีก แล้วแบบนี้ถ้าแต่งงานกันไป เขาไม่ต้องนอนดมกลิ่นนี้ทุกค่ำคืนเลยเหรอ
“พี่บีก็ใช้เหรอ” ภีมถาม
“ใช่จ้ะ พี่มักจะเอามานวดขาเวลาเมื่อย”
“บีเขาชอบนั่งพับเพียบน่ะแล้วก็มาบ่นเมื่อย” เพื่อนแม่อธิบาย หน้าตาภูมิใจในความเรียบร้อยของลูกสาว
พับเพียบ…เรียบร้อยเกินไปปะ แต่เอาเถอะ เขาไม่คิดจะแต่งงานกับคนนี้อยู่แล้ว ไม่ว่าเธอจะเปลี่ยนลุคมาเป็นสาวสายแซ่บ สาวห้าว หรืออะไรก็แล้วแต่เขาก็ไม่แต่ง ความประทับใจเมื่อแรกพบไม่มีเลยสักนิด อย่างไรก็ไปต่อไม่ได้
อาหารเริ่มพร่องและหันมาดื่มแอลกอฮอล์กันเสียส่วนใหญ่ ท่านผู้ชายทั้งหลายก็ผลัดเปลี่ยนกันไปโชว์ลูกคอกันบนเวที แม่สะกิดเรียกภูมิและภีมให้พาไปเข้าห้องน้ำ ถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้ออกไปผ่อนคลายยืดเส้นยืดสายข้างนอกบ้าง
“ปวดตูดเหลือเกิน” ภีมพูดพลางลูบก้นตัวเองเบา ๆ เมื่อทำธุระในห้องน้ำเสร็จแล้ว
“แค่นี้ทำเป็นบ่น” แม่พรออกจากห้องน้ำหญิงมาได้ยินที่ลูกคนเล็กบ่นพอดี เธอหันไปถามลูกชายคนโตต่อ “แล้วแกเป็นไงชอบหนูบีหรือเปล่า”
“อื้อหือยังจะถาม” ภูมิเกาท้ายทอยตัวเองเบา ๆ อย่าให้ต้องสาธยายเลยว่าไม่ชอบอะไรบ้าง บีก็ดีในแบบของบี แต่ภูมิไม่ได้ชอบแบบนั้นไง
“เฮ้อ เอาเถอะน่า แม่เชื่อว่าถ้าแกแต่งงานแล้วแกจะเป็นผู้เป็นคนมากกว่านี้”
“นี่ผมก็เป็นคนนะแม่ แม่ แม่ฟังผมปะเนี่ยแม่” คุณนายพรไม่สนใจคำพูดเขาเลยสักนิด
แม่พรเดินกลับเข้าไปภายในงานโดยที่ลืมนึกไปว่าลูกชายห่างจากสายตาของเธอ
ภูมิหันมองหน้าน้องชายที่ยิ้มกริ่มราวกับรู้ทันว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ภีมพยักพเยิดไปทางลิฟต์ “พี่ไปเดินเล่นเถอะ เดี๋ยวถ้าจะกลับแล้วผมจะโทรตาม”
“ขอบใจมากไอ้น้องรัก”
ภูมิรีบเดินไปที่ลิฟต์กลางที่สามารถไปชั้นอื่น ๆ ในตัวอาคารนี้ได้ เขายืนรอลิฟต์แล้วคอยมองไปทางห้องที่เพิ่งเผ่นหนีมา กลัวว่าแม่จะมาลากคอไปเสียก่อน โชคดีที่ไม่เป็นอย่างนั้น เขาก้าวขาเข้าลิฟต์อย่างสบายใจ แล้วกดลงไปที่ล็อบบี้…