“ยะ อย่านะคะเราโตแล้วห้ามทำแบบนั้น” ฉันพูดเตือนพี่เจ้าคุณ ฉันไม่ได้คิดไปเองนะแต่ท่าทางของพี่เจ้าคุณเหมือนกับ เอ่อ...เหมือนกับกำลัง กำลังจะจูบฉัน
ตอนนั้นเรายังเด็กทั้งฉันและพี่เจ้าคุณอาจจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร ฉันก็เพิ่งมารู้วันนี้เอง เพราะฉันไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้ ส่วนพี่เจ้าคุณก็คงจะทำตามประสาพี่น้อง
“ห้ามทำแบบนั้น” พี่เจ้าคุณทวนคำพูดของฉันอีกครั้ง
“ค่ะ ห้ามนะคะ” ฉันพยักหน้าตอบหงึกหงึก และถอยหนีอีกก้าว
“รู้หรือไงว่าพี่กำลังจะทำอะไร ?” คิ้วหนาหยักขึ้นเชิงสงสัย ใครจะไม่รู้บ้างก็เมื่อก่อนเขาทำแบบนี้ตั้งหลายครั้ง
“พี่จะจูบหนูไม่ได้แล้วนะคะ เราโตๆ กันแล้ว”
เมื่อฉันพูดไปแบบนี้ จากสีหน้าเรียบนิ่งปนสงสัยของพี่เจ้าคุณ ก็แปรเปลี่ยนทันทีราวกับว่าฉันพูดอะไรไม่เข้าหูอย่างงั้นเลย
“ทำไมถึงรู้ว่าที่พี่จะทำเรียกว่าจูบ ?”
“หนะ หนูโตแล้วนะคะทำไมจะไม่รู้” ฉันเเทบกลั้นหายใจ เกือบไปแล้วไหมล่ะ เฮ้อ ทำไมต้องมาทำหน้าดุใส่กันขนาดนี้ด้วย
“หึ!! ไม่ใช่ว่าเคยทำกับใครหรอกนะ”
“ไม่เคยๆ” ฉันรีบส่ายหน้ารัวๆ
หลังจากฉันปฏิเสธไปพี่เจ้าคุณก็เอาแต่เงียบจ้องหน้าฉันอย่างไม่ละสายตา แถมยังมองแบบจับผิดอีกต่างหาก เวลานี้คงไม่เหมาะที่จะพูด เกริ่นๆ เรื่องที่ฉันมีแฟนแน่นอน
“ไอ้คุณ พ่อให้ลงไปหา”
ฉันรีบถอยตัวออกให้ไกลจากพี่เจ้าคุณมากกว่าเดิม เมื่อได้ยินเสียงของพี่ขุนรามดังขึ้นมาจากหน้าประตูห้อง
“คิดถึงมากนะรู้ไหม”
ก่อนที่พี่เจ้าคุณจะออกไปจากห้อง พี่เจ้าคุณพูดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนที่จะยกมือขึ้นมาลูบหัวฉันเบาๆ และหันหลังเดินออกจากห้องไป
ฉันไม่ได้คิดอะไรมากกับคำพูดของพี่เจ้าคุณ เมื่อพี่เจ้าคุณออกไปแล้วฉันก็เริ่มทำความสะอาดห้องอย่างจริงจัง หลังจากที่ทำความสะอาดห้องพี่เจ้าคุณเสร็จฉันก็ย้ายไปทำความสะอาดห้องพี่ขุนรามต่อ กว่าจะเสร็จก็เกือบจะหนึ่งทุ่มแน่ะ
เมื่อทำความสะอาดเสร็จแล้ว ฉันยกพวกอุปกรณ์ทำความสะอาดไปเก็บไว้ที่ห้องเก็บของหลังบ้าน จากนั้นก็ขึ้นไปอาบน้ำก่อนที่จะลงมาทานข้าว
@โต๊ะอาหาร
วันนี้เป็นวันที่เราได้อยู่ทานข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตา สีหน้าท่าทางของคุณพ่อกับคุณแม่ดูจะมีความสุขมากกว่าทุกครั้ง
ฉันปรายตามองไปที่ข้าวหอม ทำไมเอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตาแบบนั้นกันนะ
“ข้าวหอมเป็นอะไรหรือเปล่า” ยังไม่ทันที่ฉันจะได้อ้าปากถามข้าวหอมคุณแม่ก็ถามขึ้นซะก่อน คงจะสังเกตเห็นอาการผิดปกติของข้าวหอมเหมือนกัน
“หนูเขินนี่นา...” ข้าวหอมก้มหน้าตอบ
“เขินอะไรลูก”
“ก็อาคุณกับอารามนั่นแหละ” ดูน้ำเสียงที่ตอบสิ เฮ้อ จริงๆ เลยนะน้องสาวคนนี้
ตอนนี้ข้าวหอมอายุ 12 ปีแล้ว โตแล้วแต่ชอบทำตัวเหมือนเด็กอยู่เรื่อยเลย
เมื่อข้าวหอมตอบแบบนั้นทุกคนก็ต่างพากันยิ้มอย่างเอ็นดู แต่ฉันนี่สิอยากจะจับน้องสาวตัวดีตีก้นซะจริงๆ
“ไงแผน นั่งนิ่งเชียว” พี่ขุนรามเอ่ยถามน้องชายคนสุดท้อง
“ไหนอะของฝาก โธ่!! ไปเรียนตั้งเมืองนอกไม่เห็นจะมีอะไรมาฝากน้องเลย”
“เปลืองเงิน” พี่ขุนรามโต้กลับ
จากนั้นสองพี่น้องก็เถียงกัน แต่จะมีคนหนึ่งที่เงียบและมองหน้าฉันเป็นระยะคือพี่เจ้าคุณ อ่า! จ้องจะจับผิดฉันตลอดเลย
“เลิกเถียงกันได้แล้วทั้งพี่ทั้งน้องเลย ทานข้าวกันได้แล้วเดี๋ยวอาหารเย็นหมดพอดี” คุณแม่พูดดุ เมื่อคุณแม่เอาจริง ขุนแผนและพี่ขุนรามก็เลิกเถียงกันทันที
เราเริ่มทานอาหารกันไปเรื่อยๆ มีพูดคุยถึงชีวิตของพี่เจ้าคุณกับพี่ขุนรามตอนเรียนอยู่อังกฤษด้วยนะ ฟังจากที่พี่ขุนรามกับพี่เจ้าคุณเล่าแล้วมันคงจะสนุกดี
“พรุ่งนี้ก็ไปทำงานที่บริษัทกับพ่อ” คุณพ่อบอกพี่เจ้าคุณกับพี่ขุนราม ทั้งสองพยักหน้าตอบโดยไม่ขัดอะไรสักคำ
หลังจากทานข้าวเสร็จแล้ว ทุกคนก็ต่างพากันแยกย้ายขึ้นไปนอน ส่วนฉันถูกคุณพ่อเรียกไปพบที่ห้องรับแขก ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรเหมือนกัน
หลังจากล้างถ้วยล้างจานเสร็จฉันก็รีบไปหาคุณพ่อที่ห้องรับแขกทันที
“เรื่องหมั้นลูกพร้อมหรือเปล่า” เมื่อฉันก้าวขาเข้าไปภายในห้องรับแขกยังไม่ทันจะหย่อนตัวลงนั่ง คุณพ่อก็ยิงคำถามเข้าประเด็นทันที ทำเอาฉันไปไม่เป็นเลย
“หนูยังไม่พร้อมหนูอยากเรียนจบก่อน อีกอย่างพี่เจ้าคุณกับพี่ขุนรามก็ยังไม่รู้เลยว่าหนูมีแฟน” ผู้ใหญ่เขาคงคุยกันแล้วสินะคุณพ่อถึงได้ถามแบบนี้ แต่ถึงยังไงฉันก็ยังไม่พร้อมอยู่ดี
คุณพ่อถอนหายใจออกมาเบาๆ ฉันทำให้คุณพ่อหนักใจหรือเปล่านะ แต่เรื่องแบบนี้ฉันยังไม่พร้อมจริงๆ นี่นา
“พ่อกับแม่จะช่วยพูดก็ไม่ยอมให้ช่วย นี่จะปิดไปถึงไหนกันเดี๋ยวถ้าถูกจับได้ขึ้นมาอย่าหาว่าพ่อไม่เตือนนะ”
“ก็พี่เจ้าคุณกับพี่ขุนรามโหดขนาดนั้น เอาไว้หนูจะพูดเองค่ะ ให้รู้จากปากหนูจะดีกว่า”
“สรุปยังไม่พร้อมที่จะหมั้นจริงๆ ใช่ไหม” คุณพ่อทวนคำถามอีกครั้ง
“ใช่ค่ะ หนูคุยกับพี่เดย์แล้ว”
หลังจากที่คุยกับคุณพ่อรู้เรื่องแล้ว สรุปจะไม่มีงานหมั้นของฉันกับพี่เดย์จนกว่าเราทั้งคู่จะเรียนจบ ถึงวันนั้นฉันคงบอกความจริงกับพี่ชายของฉันทั้งสองไปแล้วแหละ และฉันหวังว่าพี่ชายทั้งสองของฉันจะเข้ากับแฟนฉันได้ดี
“ทำไมนานจังกว่าจะขึ้นมา” พี่เจ้าคุณยืนพิงประตูห้องของตัวเองอยู่ตอนนี้ นี่ดึกแล้วนะ คิดว่าจะนอนแล้วซะอีก
“หนูเพิ่งคุยกับคุณพ่อเสร็จค่ะ ^_^”
“คุยอะไร ?”
“เอ่อ คะ คุยเรื่องเรียนค่ะ” อ่า! พี่เจ้าคุณนี่ทำไมชอบถามจี้ตลอดเลย ราวกับรู้ว่าฉันกำลังโกหกอย่างงั้นแหละ
“พรุ่งนี้ไปเรียนกี่โมง” เฮ้อ โชคดีที่พี่เจ้าคุณไม่เค้นถามเรื่องที่คุยกับพ่อต่อ ไม่งั้นฉันต้องแย่แน่ๆ
“เหมือนฝันพี่ถามเธอได้ยินพี่หรือเปล่า” พี่เจ้าคุณทำเสียงดุใส่ฉัน
“อะ อ้อ หนูมีเรียนสองโมงเช้าค่ะ”
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ไม่เป็นไรค่ะๆ” ฉันรีบปฏิเสธออกไป คือฉันไม่อยากรบกวนเพราะพี่เจ้าคุณก็ต้องไปบริษัทแต่เช้า อีกอย่างที่บ้านก็มีคนขับรถอยู่
“พี่ จะ ไป ส่ง” พี่เจ้าคุณเน้นคำพูดพร้อมกับแสดงสีหน้าจริงจังออกมา
นอกจากจะหล่อขึ้นแล้วยังโหดขึ้น มากๆ อีกนะเนี่ย
“ก็ได้ค่ะ” พูดจบฉันก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ
“อย่าทำตัวให้พี่ระแวงไปมากกว่านี้ได้ไหมวะ !!”
อะ อ้าว จู่ๆ ก็มาอารมณ์เสียใส่ฉันซะงั้น