ยุคอาณาจักรใหม่ (1554-1090 B.C.)[1]
ธีปส์ เมืองหลวงอันยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิอียิปต์ สิ่งก่อสร้างที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันชวนพิศวง ซ่อนเร้นแนวคิดสร้างสรรค์ อันมีรากเหง้ามาจากจารีตประเพณีโบราณของอียิปต์ และสะท้อนหลักความเชื่อของชาวไอยคุปต์โบราณซึ่งมีต่อเทพเจ้าของตน ความเจริญรุ่งเรืองของจักรวรรดิอียิปต์ ก่อให้เกิดความมั่งคั่ง อุดมไปด้วยทองคำมูลค่ามหาศาล เพชรนิลจินดามากมาย ซึ่งได้มาจากอาณาจักรน้อยใหญ่ส่งมาเป็นเครื่องบรรณาการ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าได้ศิโรราบยอมสยบอยู่ภายใต้เงาของจักรวรรดิอียิปต์อันยิ่งใหญ่แห่งนี้
ในยามนี้ชาวไอยคุปต์ทั่วทั้งจักรวรรดิกำลังดื่มด่ำอย่างสำราญ เพื่อเฉลิมฉลองให้กับการขึ้นครองราชย์ของฟาโรห์พระองค์ใหม่ ซึ่งพระองค์เป็นกษัตริย์ที่ชาวไอยคุปต์ทั่วทั้งจักรวรรดิต่างยกย่องว่ามี พระอัจฉริยะภาพในการเป็นนักรบอย่างยิ่งยวด ทรงร่วมรบกับพระราชบิดามาโดยตลอดเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นรัชทายาท
จนสามารถขยายอำนาจแผ่แสนยานุภาพให้กับจักรวรรดิอียิปต์เป็นที่ประจักษ์แก่เหล่าอาณาจักรน้อยใหญ่ไปไกลจนถึงดินแดนแห่งเมโสโปเตเมีย ยุคทองของราชวงศ์ที่ 19 ในรัชสมัยของกษัตริย์นักรบผู้ยิ่งใหญ่ ฟาโรห์เมนมาตเร หรือที่รู้จักในอีกพระนามว่า “เซติ”
วรองค์สูงสง่าของกษัตริย์ยอดนักรบผู้ยิ่งใหญ่ในฉลองพระองค์งานพระราชพิธีราชาภิเษก ช่างงดงามเป็นยิ่งนัก ฉลองพระองค์และพัสตราภรณ์เลอค่ามากมายล้วนทำมาจากทองคำทั้งสิ้น ประกายแสงสีทองระยิบระยับเปล่งประกายเจิดจรัส ยิ่งต้องกับแสงของสุริยะเทพด้วยแล้วไซร้ ยิ่งทำให้พระองค์น่าเกรงขามเพิ่มขึ้นทวีคูณ
พระองค์ทอดสายพระเนตรไปยังประชาชนที่อยู่เบื้องล่างของพระราชวังพร้อมยกพระหัตถ์ตอบรับประชาชนที่มาร่วมถวายพระพรให้แก่พระองค์ในยามนี้ ไม่ว่าจะทอดสายพระเนตรไปทิศทางใด ล้วนคราคร่ำไปด้วยพสกนิกรชาวอียิปต์และรวมไปถึงแขกรับเชิญจากทุกอาณาจักรที่อยู่ภายใต้การปกครองจักรวรรดิอียิปต์ ต่างพร้อมใจเดินทางไกลเพื่อมาร่วมอวยพรให้กับกษัตริย์อียิปต์พระองค์ใหม่กันอย่างคับคั่ง
“ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ” เสียงไชโยโห่ร้องของพสกนิกรดังเอ็ดอึงไปทั่วหล้าทั่วทุกครัวเรือน ทุกหัวเมืองและทุกหย่อมหญ้าต่างดื่มกินกันอย่างอิ่มหนำสำราญ
“เจ้าพี่ทอดพระเนตรสิเพคะ” เสียงเอื้อนเอ่ยดังมาจากเบื้องหลังพร้อมชี้ชวนให้พระองค์ทอดพระเนตรตาม
พระองค์หันพระพักตร์ทอดพระเนตรตามเสียงที่เอื้อนเอ่ย พระเนตรสีนิลกาฬภายใต้ขนพระเนตรยาวงามงอนแลดูชวนฝันเป็นยิ่งนัก หากแต่ภายใต้พระเนตรที่ชวนฝันกลับแฝงเร้นไปด้วยความเศร้า กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่และเกรียงไกรเช่นพระองค์มีเรื่องที่เศร้าหมองกระนั้นหรือ
“เจ้าให้ข้าเพ่งพิศสิ่งใดทูย่า ข้าไม่เห็นมีสิ่งใดแปลกประหลาดตามที่เจ้าชี้ชวน” สุระเสียงรับสั่งถาม
“แหม! เจ้าพี่ทอดพระเนตรดีๆ สิเพคะ ในกลุ่มนักบวชจากวิหารหลวง หม่อมฉันเห็นนักบวชหญิงด้วยเพคะ เป็นเวลานานมากแล้วที่วิหารหลวงไร้นักบวชหญิง น้องเพิ่งไปขอพรกับเหล่าทวยเทพในวิหารหลวงเมื่อคราก่อนก็ยังมิพานพบนักบวชหญิงแต่อย่างใด ถ้าเป็นนักบวชหญิงจากวิหารอื่นก็ไม่สงสัยกระไร แต่เป็นนักบวชหญิงที่มาจากวิหารหลวงนี่สิมาได้เช่นไร” สุระเสียงหวานรับสั่ง พระขนงขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย
“นักบวชหญิงคนดังกล่าวเพิ่งจะได้รับการคัดเลือก เข้ามาถวายการรับใช้ให้กับเหล่าทวยเทพในวิหารหลวงเมื่อไม่กี่วันนี่เองพ่ะย่ะค่ะ พระสังฆราชโฮราเป็นผู้ทำการคัดเลือกนักบวชหญิงผู้นี้ตามพระบัญชาจากเทพเจ้าอาเมนราพ่ะย่ะค่ะ” เสียงราชองครักษ์ผู้ใกล้ชิดกราบทูลถวายคำอธิบาย
“เทพอาเมนราทรงมีพระบัญชาโดยตรงอย่างนั้นรึ” สุระเสียงรับสั่งถามจากองค์กษัตริย์เต็มไปด้วยความแปลกพระทัย พร้อมๆ กับเสียงหนึ่งดังสำทับตามติดมา
“ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” เสียงแหบของชายชราพร้อมร่างสันทัดค่อยๆ ก้าวเดินตรงมาหาองค์กษัตริย์
ชายชราในวัย 60 ตอนปลาย ผู้ครองตำแหน่งพระสังฆราช อันเป็นตำแหน่งสูงสุดของเหล่านักบวชแห่งจักรวรรดิอียิปต์ มีนามว่าโฮรา ทำหน้าที่ปกครองเหล่านักบวชและควบคุมวิหารเทพเจ้าทั่วทั้งจักรวรรดิ
คอยสื่อสารและรับสารจากเหล่าทวยเทพเจ้าที่คอยปกป้องจักรวรรดิอียิปต์อันยิ่งใหญ่ ถือได้ว่าเป็นกำลังสำคัญของจักรวรรดิอียิปต์ ร่างสันทัดของชายชราโน้มลำตัวพร้อมก้มคำนับทำความเคารพให้กับองค์กษัตริย์พร้อมกล่าวคำอธิบาย
“กระหม่อมตั้งใจจะกราบทูลถวายรายงานฝ่าพระบาทหลังจากเสร็จสิ้นพระราชพิธีราชาภิเษกของพระองค์ แต่ในเมื่อเจ้าหญิงทูย่า ทอดพระเนตรนักบวชหญิงจากวิหารหลวงแล้ว กระหม่อมขอกราบทูลให้ฝ่าพระบาททรงทราบเสียตั้งแต่เพลานี้พ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้ามีอะไรก็ว่ามาโฮรา ข้าก็ใคร่อยากรู้เช่นกัน ว่านักบวชหญิงผู้นี้มาอยู่ในวิหารหลวงแห่งเทพเจ้าได้เช่นไร” สุระเสียงทุ้มดังก้องทว่าเฉียบขาดยิ่งนัก
“กราบทูลฝ่าพระบาท นักบวชหญิงผู้นี้มีพ่อแม่ที่เสียชีวิตไปแล้วด้วยกันทั้งคู่ ตั้งแต่นางอายุได้เพียง 3 ขวบ นางเติบโตมาโดยการเลี้ยงดูจากเหล่านักบวชของวิหารคอมเอลซุลตาน แห่งเมืองอาบิดอส จนกระทั่งเทพเจ้าอาเมนราได้ทรงมีพระบัญชาให้กระหม่อมคัดเลือกนักบวชหญิงเพื่อถวายการรับใช้แด่เทพีไอซิส
และยิ่งไปกว่านั้นองค์เทพีไ***สมีพระประสงค์เจาะจงที่นางแต่เพียงผู้เดียวเพื่อให้มาทำหน้าที่ถวายการรับใช้องค์เทพีไ***สและให้มาทำหน้าที่ถือตราประทับขององค์ฟาโรห์เท่านั้นพ่ะ...” ชายชรายังมิทันที่กล่าวจบ เสียงสูงปรี๊ดของเจ้าหญิงทูย่าดังแทรกขึ้นทันใด
“เหตุใดองค์เทพีไ***สจำต้องเจาะจงนักบวชหญิงผู้นั้นมาทำหน้าที่ถือตราประทับเจ้าพี่ของข้า ในเมื่อหน้าที่นั้นจะต้องเป็นของนักบวชชั้นสูงจากวิหารหลวงเท่านั้น เพราะอะไร!” สุระเสียงรับสั่งถามด้วยความไม่พอพระทัย
“เงียบ!” สุระเสียงขององค์กษัตริย์ดังก้องคำรามขึ้นมาทันที
เจ้าหญิงทูย่าถึงกับสะดุ้งเมื่อได้ยินสุระเสียงรับสั่งดังก้องเช่นนั้น ทำให้พระนางรู้สึกพระองค์ขึ้นมาทันใด ว่ากำลังแสดงพระอารมณ์ที่ส่อไปทางหึงหวงต่อหน้าข้าราชบริพารมากมาย
ฟาโรห์เซติทอดพระเนตรเจ้าหญิงทูย่าเขม็ง เพื่อเป็นการกำราบให้พระนางรู้สึกพระองค์ ก่อนจะละสายพระเนตรหันกลับไปรับสั่งกับชายชรา
“เจ้าจงกล่าวต่อไปโฮรา ข้ากำลังฟังเจ้าและใคร่อยากรู้เช่นกัน ว่าเหตุใดเทพีไ***สจึงเจาะจงนักบวชหญิงผู้นั้นมาทำหน้าที่ถือตราประทับของข้า เหล่านักบวชหญิงนอกจากจะมีหน้าที่ดูแลวิหารเทพต่างๆ และคอยบันทึกข้อมูลของเหล่านักบวชชั้นสูงแล้ว เหตุใดเล่านางจึงมารับหน้าที่ถือตราประทับของข้าเช่นนี้ได้” พระเนตรสีนิลกาฬทอดพระเนตรไปยังร่างสันทัดตรงพระพักตร์ พร้อมเสียงของสังฆราชโฮรากราบทูลอธิบาย
“นางเป็นหลานสาวแท้ๆ ของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ พ่อของนางคือบุตรชายของกระหม่อมซึ่งเกิดกับหญิงสาวชาวเมืองอาบิดอส ก่อนที่กระหม่อมจะเข้าสาบานต่อหน้าเทพเจ้า และอุทิศตัวเพื่อถวายการรับใช้ต่อเหล่าทวยเทพทั้งมวล
ทำให้กระหม่อมมิได้ล่วงรู้ว่าหญิงสาวผู้นั้นได้ตั้งครรภ์บุตรชาย และที่กระหม่อมล่วงรู้ได้เพราะเทพี ไ***สเสด็จมาหากระหม่อมด้วยพระองค์เองพร้อมนิมิตภาพให้ได้รับรู้เรื่องราวของกระหม่อม...” ชายชราหยุดชะงักเพียงครู่พร้อมครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยกราบทูลต่อองค์ฟาโรห์
“กระหม่อมยังมีเรื่องอื่นๆ ที่ไม่เคยล่วงรู้มาก่อนซึ่งเทพเจ้าอาเมนราและเทพีไ***สได้ส่งสารแห่งเทพเจ้ามาเป็นนัย และจำต้องอธิบายให้แก่ฝ่าบาททรงทราบเป็นการส่วนพระองค์เท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ” สังฆราชชรากล่าวถวายรายงานด้วยน้ำเสียงหนักแน่นชัดถ้อยชัดคำ
ฟาโรห์เซติทรงก้มพระพักตร์ขึ้นลงเมื่อได้ยินคำอธิบายจากสังฆราชโฮรา
“เป็นเช่นนั้นหรอกรึ ที่แท้นางก็เป็นหลานสาวแท้ๆ ของเจ้า ด้วยเหตุนี้เองนางจึงกลายเป็นนักบวชชั้นสูงของวิหารหลวงเพราะมีเจ้าเป็นตาของนาง แต่เพราะเหตุใดองค์เทพีไ***สจึงให้มาทำหน้าที่ถือตราประทับประจำตัวของข้า” องค์กษัตริย์รับสั่งถามด้วยความสงสัย
“กราบทูลฝ่าบาท เหตุที่นางมาทำหน้าที่ถือตราประทับของพระองค์ เพราะนางผ่านการเข้าพิธีสาบานตนต่อหน้าทวยเทพเจ้าทั้งมวลของจักรวรรดิอียิปต์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
พร้อมอุทิศตัวถวายการรับใช้ขึ้นตรงต่อเทพีไ***สและถือครองพรหมจรรย์ ไม่ว่าชายใดมิอาจแตะต้องนางได้เพราะนางคือสมบัติของวิหารเทพเจ้าพ่ะย่ะค่ะ” สิ้นเสียงกราบทูลของสังฆราชโฮรา สุระเสียงสูงดังแทรกขึ้นมาทันใด
“ค่อยยังชั่ว! ได้ยินแบบนี้ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย” เจ้าหญิงทูย่ารับสั่งพร้อมถอนพระทัย ก่อนจะรู้สึกพระองค์เมื่อสายพระเนตรขององค์ฟาโรห์ทอดพระเนตรตรงมาที่พระนางอย่างตำหนิที่ทรงแสดงพระอาการเมื่อครู่ออกมา
“น้องขอประทานอภัยเพคะเจ้าพี่” เจ้าหญิงรับสั่งสุระเสียงอ่อย
องค์กษัติริย์ส่ายพระเศียรไปมาเบาๆ ด้วยความเหนื่อยพระทัย พร้อมเสด็จออกจากบริเวณงานพระราชพิธีพร้อมมีรับสั่งกับสังฆราชโฮราเบาๆ
“เจ้าจงตามข้ามาโฮรา ข้ามีกิจการงานของบ้านเมืองอันเป็นสำคัญที่จะต้องปรึกษากับเจ้า”
ชายชราก้มศีรษะคำนับเมื่อได้ยินรับสั่งเช่นนั้น หากแต่เจ้าหญิงทูย่าก็มิวายที่จะรับสั่งแทรกทะลุกลางปล้องด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ถ้าจะปรึกษาพิธีอภิเษกสมรสของเจ้าพี่กับน้อง น้องขอไปด้วยนะเพคะ” รับสั่งพร้อมตีพระพักตร์เรียบเฉยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แต่อย่างใดพร้อมเตรียมเสด็จตามองค์กษัตริย์
“ไม่!” องค์กษัตริย์รับสั่งตวาดดังก้อง เป็นเหตุให้เจ้าหญิงทูย่าหยุดเสด็จติดตามทันที
องค์ฟาโรห์หันพระพักตร์คมเข้มกลับมาพร้อมทอดสายพระเนตรไปยังเจ้าหญิงทูย่าเขม็ง เจ้าหญิงทูย่าทรงยืนพระวรกายแข็งทื่อเมื่อถูกพระองค์ตวาดดังก้องต่อหน้าข้าราชบริพาร
“ข้าปรึกษาภารกิจสำคัญของบ้านเมือง หาใช่ปรึกษาพิธีอภิเษกสมรสแต่อย่างใด เสด็จพ่อเพิ่งสวรรคตมันสมควรแล้วหรอกรึทูย่าที่เจ้าจะรีบจัดงานอภิเษกเช่นนี้” องค์กษัตริย์รับสั่งสุระเสียงกร้าว
หากแต่เจ้าหญิงทูย่าก็ไม่วายที่จะรับสั่งเถียงองค์กษัตริย์
“แต่เจ้าพี่ก็ผ่านพระราชพิธีราชาภิเษกในวันนี้เรียบร้อยแล้วนะเพคะ จักรวรรดิอียิปต์ของเราก็ได้เจ้าพี่เป็นกษัตริย์เมื่อผลัดแผ่นดินใหม่และเปลี่ยนรัชกาลใหม่เป็นของเจ้าพี่ มันก็สมควรและถึงเวลาที่จักรวรรดิจะต้องมีราชินี น้องคือคู่อภิเษกของเจ้าพี่เหตุใดเล่าจึงไม่ใส่พระทัยงานพิธีอภิเษกสมรสของเจ้าพี่กับน้อง เมื่อมีกษัตริย์ก็ต้องมีราชินีช่วยกันปกครองมิใช่หรือเพคะ”
“ไม่!” สุระเสียงตวาดดังก้องไปทั่วบริเวณ เล่นเอาข้าราชบริพารต่างพากันสะดุ้งด้วยความตกใจไปตามๆ กัน สุระเสียงเช่นนี้บ่งบอกแน่ชัดว่าพระองค์ทรงเริ่มพิโรธ
กษัตริย์รูปงามเริ่มมีพระพักตร์ถมึงทึง สายพระเนตรกร้าวเมื่อได้ยินรับสั่งของเจ้าหญิงทูย่าเช่นนั้น วรองค์สูงใหญ่กำยำค่อยๆ เสด็จไปหาเจ้าหญิงทูย่า พระองค์ทรงหยุดยืนพร้อมก้มลงทอดพระเนตรเจ้าหญิงทูย่าตรงพระพักตร์
“เจ้า...มันก็เป็นได้แค่...คู่อภิเษกเท่านั้น” รับสั่งสุระเสียงเบาได้ยินเพียง 2 พระองค์เท่านั้น
สิ้นรับสั่งขององค์ฟาโรห์ เจ้าหญิงทูย่าแทบจะกรีดร้องออกมาทันใด หากแต่ต้องหยุดพระองค์เมื่อองค์กษัตริย์ทรงทอดพระเนตรสีนิลกาฬอย่างดุดันตรงมาที่พระนาง จนพระนางเกรงกลัวว่าจะต้องพระราชอาญาหากโต้เถียงพระองค์ไปมากกว่านี้
จึงทำได้แต่เพียงทอดพระเนตรตามหลังองค์กษัตริย์ เมื่อพระองค์เสด็จออกจากบริเวณงานพระราชพิธี โดยมีสังฆราชโฮราพร้อมด้วยราชองครักษ์คอยตามเสด็จถวายการอารักขากันอย่างเนืองแน่น
เจ้าหญิงทูย่าทอดพระเนตรองค์กษัตริย์และขบวนตามเสด็จอย่างไม่ลดละ พระนางขุ่นเคืองพระทัยเป็นยิ่งนักเมื่อนึกถึงรับสั่งขององค์กษัตริย์
“เจ้า...มันก็เป็นได้แค่...คู่อภิเษกเท่านั้น!”
“ไม่! ข้ามิใช่เพียงแค่คู่อภิเษก แต่ข้าคือราชินี! มเหสีของฟาโรห์เซติคือข้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น!” พระนางคำรามลั่นอยู่ภายในพระทัย
สายพระเนตรจับอยู่ที่องค์กษัตริย์ท่ามกลางบรรดาราชองครักษ์และข้าราชบริพารที่คอยตามเสด็จ พระเนตรมุ่งมั่นที่จะต้องขึ้นมาเป็นราชินีเพียงหนึ่งเดียวของจักรวรรดิอียิปต์อันยิ่งใหญ่ไพศาลแห่งนี้ให้จงได้
ภายในห้องทรงงาน
“เจ้าว่าอะไรนะโฮรา พิธีอภิเษกสมรสจะต้องมีขึ้นอย่างนั้นรึ” องค์กษัตริย์รับสั่งถามด้วยความขัดพระทัย เมื่อทรงได้รับทราบจากปากพระสังฆราชด้วยพระองค์เอง
“เป็นลิขิตของเทพเจ้าพ่ะย่ะค่ะใต้ฝ่าพระบาท หากพระองค์ทรงหลีกเลี่ยงไม่เข้าพิธีอภิเษกสมรส จะไม่เป็นการดีต่อจักรวรรดิเป็นแน่แท้ อีกทั้งเจ้าหญิงทูย่าเป็นสายเลือดแห่งเทพเจ้าโดยตรงเช่นเดียวกับฝ่าพระบาท หากอาณาจักรอื่นๆ ได้อภิเษกกับพระนางเท่ากับได้ราชบัลลังก์ของจักรวรรดิอียิปต์ไปครึ่งหนึ่ง ใต้ฝ่าพระบาทจะทรงยอมให้เป็นเช่นนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่! ข้ามิยอมให้อาณาจักรใดเข้ามาครอบครองจักรวรรดิของข้า โดยใช้ประโยชน์จากสายเลือดเทพเจ้าเป็นเด็ดขาด แผ่นดินอียิปต์แห่งนี้ ข้าทำศึกออกรบมาอย่างยาวนาน หลั่งเลือดทหารอียิปต์นับเรือนแสนและปกป้องผืนแผ่นดินพวกที่รุกรานคิดจะครอบครองอาณาจักรของข้าจนพ้นไปจากแผ่นดินอียิปต์...” องค์กษัตริย์หยุดรับสั่ง พร้อมทอดพระเนตรใบหน้าสังฆราชชราตรงพระพักตร์
“เจ้าเองก็รู้ว่าข้าไม่ได้รักทูย่าแต่อย่างใด จะให้ข้าเข้าพิธีอภิเษกทั้งๆ ที่หัวใจของข้าหามีใจรักนางนั้นได้กระนั้นรึ” องค์กษัตริย์รับสั่งพร้อมถอนพระทัย
“ใต้ฝ่าพระบาททรงมีนางในพระทัยแล้วใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ พระองค์จึงไม่อยากอภิเษกกับเจ้าหญิงทูย่า” สังฆราชชรากราบทูลด้วยความอยากรู้
“เปล่าเลย ข้ายังไม่มีนางในดวงใจข้า แต่ทำไมข้าจึงมีความรู้สึกว่ากำลังเฝ้ารอใครสักคน เหตุใดข้าจึงมีความรู้สึกเช่นนั้นอยู่ภายในใจเสมอมาโดยตลอด คนที่ข้าเฝ้ารอคือผู้ใดกันเล่า ข้าใคร่อยากรู้ยิ่งนัก! พยายามทำใจให้รักทูย่ามาแล้วหลายคราแต่ก็หาทำได้ไม่” องค์กษัตริย์พรั่งพรูสิ่งที่เก็บอยู่ภายในพระทัยมาโดยตลอดให้สังฆราชผู้สูงวัยได้ฟัง พระองค์เสด็จตรงไปหยุดอยู่ที่มุมระเบียงห้อง
พระวรกายสูงใหญ่บึกบึนของฟาโรห์หนุ่มรูปงามไม่มีที่ติ พระพักตร์คมเข้ม พระทาฐิกะ [2]เขียวครึ้มเรียงตัวได้รูปสวย พระฉวีสีน้ำตาลเข้มสมชาติบุรุษลงตัวเหมาะเจาะกับฉลองพระองค์กษัตริย์แห่งจักรวรรดิอียิปต์ยิ่งนัก
พระเนตรสีนิลกาฬภายใต้ขนพระเนตรงอนยาวดั่งเช่นอิสตรีทรงทอดพระเนตรไปยังสายน้ำแห่งไนล์ตรงพระพักตร์ที่กำลังไหลเอื่อยพร้อมลมเย็นๆ จากแม่น้ำสายสีน้ำเงินพาดผ่านพระวรกายเบาๆ บรรเทาความอบอ้าวให้คลายลง และบรรเทาความร้อนรุ่มภายในพระทัยขององค์กษัตริย์ให้ผ่อนคลาย
“สักวันฝ่าบาทจะได้พานพบกับสิ่งที่กำลังหาคำตอบ มันถูกลิขิตแล้วจากเหล่าทวยเทพ” สังฆราชโฮราเอ่ยกราบทูลแฝงเร้นความนัย พร้อมรอยยิ้มจางๆของผู้สูงวัย
ฟาโรห์เซติทรงหันพระวรกายกลับมาทันใด สายพระเนตรจับดวงหน้าชายชราสูงวัยตรงหน้าด้วยทรงแปลกพระทัยกับคำกราบทูลที่แฝงเร้นบางสิ่งบางอย่างของผู้ที่ได้ชื่อว่ากำชะตาชีวิตบ้านเมืองก็ว่าได้
“เจ้าล่วงรู้บางสิ่งบางอย่างจากเหล่าทวยเทพเช่นนั้นรึโฮรา จึงได้กล่าวเช่นนั้นกับข้า” รับสั่งถามด้วยความใคร่รู้
“กระหม่อมได้รับสารจากเหล่าทวยเทพมาเพียงเท่านี้พ่ะย่ะค่ะ มิอาจกราบทูลไปมากกว่านี้ได้อีก ลิขิตจากเทพเจ้ามิมีผู้ใดฝืนได้ ภายในพระทัยของฝ่าบาทรอคอยสิ่งใดอยู่ สิ่งนั้นจะบังเกิดขึ้นอย่างแน่นอน” ชายชรากราบทูลตามจริงในสิ่งที่ตนได้รับสารจากเหล่าทวยเทพ
“เช่นนั้นรึ! นั่นสิ...ข้าก็ใคร่รู้ยิ่งนักว่าข้ากำลังรอคอยสิ่งใด และสิ่งที่ข้ารอคอยนั้นเหตุใดมันจึงเฝ้ารบกวนจิตใจของข้ามาโดยตลอด เพราะเหตุใดข้าจึงมีความรู้สึกเช่นนี้ตั้งแต่ข้าจำความได้ มันกินระยะเวลายาวนานมากว่า 21 ปีแล้วนะที่ข้าเป็นแบบนี้” พระองค์รับสั่งพร้อมทอดพระเนตรใบหน้าชายชรา ก่อนจะตัดบท
“อย่าพูดเรื่องนี้กันอีกเลย เอาเป็นว่าผู้ที่จะมาทำหน้าที่ถือตราประทับของข้ามีความสามารถอะไรบ้าง และจะเข้ามาทำหน้าที่นี้เมื่อใด” พระองค์รับสั่งพร้อมยกพระกรขึ้นกอดพระอุระ
สังฆราชโฮราส่งยิ้มบางๆ ให้กับองค์กษัตริย์ ชายชราหัวเราะในลำคอเบาๆ เป็นเหตุให้องค์กษัตริย์ต้องตรัสถาม
“ข้ากล่าวสิ่งใดผิดหรือไร เหตุใดเจ้าจึงยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เช่นนั้น”
“หามิได้พ่ะย่ะค่ะใต้ฝ่าพระบาท กระหม่อมเพียงแต่จะกราบทูลว่า นักบวชหญิงยังไม่มาทำหน้าที่ถือตราประทับประจำพระองค์ได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ จะต้องรอจนกว่าองค์เทพีไ***สจะส่งสารมาถึงข้าพระองค์ นางจึงจะสามารถเข้ามาถวายการรับใช้ได้ อีกทั้งนางยังเยาว์ต้องศึกษาวิชาความรู้จากกระหม่อมและเรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมายภายในวิหารหลวงพ่ะย่ะค่ะ” สังฆราชชรากล่าวอธิบาย
“เป็นเช่นนั้นรึ ข้านึกว่านักบวชหญิงที่องค์เทพีไ***สทรงเลือกพร้อมแล้วทุกอย่างเสียอีก ที่แท้ก็ยังเยาว์วัย” องค์กษัตริย์รับสั่งด้วยความแปลกพระทัย
“พ่ะย่ะค่ะ นางยังจำต้องศึกษาและเรียนรู้สรรพวิชาต่างๆ จากข้าพระองค์เพื่อเตรียมความพร้อมและความสามารถทำหน้าที่เป็นนักบวชหญิงประจำวิหารหลวง และทำหน้าที่ถวายการรับใช้พระองค์อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง”
องค์กษัตริย์พยักพระพักตร์ขึ้นลงเป็นการเข้าใจแทนการรับสั่ง พร้อมเอ่ยสิ่งที่พระองค์คิดไว้ในพระทัยตั้งแต่ดำรงตำแหน่งเป็นรัชทายาท
“โฮรา...เจ้าจงสังเกตดวงดาว ข้าจะสร้างวิหารเทพเจ้าประจำรัชกาลของข้าเหล่าทวยเทพทรงกำหนดวิหารประจำรัชกาลของข้าไว้ ณ แห่งหนใด ข้าจะลงมือสร้าง ณ ที่แห่งนั้น หลังจากเสร็จพิธีเฉลิมฉลองราชาภิเษกของข้าแล้ว ข้าจะเรียกประชุมเหล่าขุนนางเพื่อบริหารราชการแผ่นดินของข้าทันที
“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ” ชายชราน้อมรับคำสั่งขององค์กษัตริย์
พร้อมก้มคำนับก่อนจะก้าวเดินออกจากห้องทรงงานไปอย่างช้าๆ ภายในใจของสังฆราชผู้สูงวัยเต็มไปด้วยคำถามและคำตอบมากมายแต่มิอาจเอื้อนเอ่ยกับผู้ใดได้ ทำได้แต่เพียงเอาใจช่วยองค์กษัตริย์ของตนได้เพียงท่านั้น
ฟาโรห์เซติประทับยืนทอดพระเนตรสายน้ำแห่งไนล์ตรงพระพักตร์ สายน้ำสีน้ำเงินที่ทอดยาวอย่างสงบนิ่งมาอย่างยาวนานนับหลายพันปี จวบจนถึงจักรวรรดิอียิปต์ในยุคทองของพระองค์ แม่น้ำไนล์ก็ยังคงไหลพาดผ่าน มิเคยเหือดแห้งแต่อย่างใด ตรงข้ามกับพระหทัยขององค์กษัตริย์ที่เต็มไปด้วยความแห้งแล้ง ไร้สิ้นน้ำหล่อเลี้ยงพระหทัยยามทรงอ่อนล้าและอ่อนแรง องค์กษัตริย์ทรงมีพระอุปนิสัยเด็ดขาด เด็ดเดี่ยว ทรงจริงจังและจริงใจ อีกทั้งยึดมั่นและมีความรับผิดชอบในสิ่งที่ทรงกระทำลงไปเสมอ
ทว่ากษัตริย์หนุ่มรูปงามก็ยังมิเคยสัมผัสกับความรัก ด้วยทรงออกรบทำศึกเคียงคู่ฟาโรห์รามเสสที่ 1 เสด็จพ่อของพระองค์มาตั้งแต่เยาว์ชันษา จวบจนกระทั่งเพลานี้พระองค์ขึ้นครองราชย์สมบัติสืบต่อจากพระราชบิดา
เครื่องบรรณาการมากมายรวมไปถึงบรรดาเจ้าหญิงจากทุกอาณาจักรต่างหลั่งไหลมอบให้พระองค์แสวงหาความสุข หวังขึ้นมาเป็นหนึ่งและเคียงข้างพระวรกายองค์กษัตริย์รูปงามกันอย่างยิ่งยวด
แต่ทว่ามิใส่พระทัยเครื่องบรรณาการมีชีวิตเหล่านั้นแต่อย่างใด ไม่เว้นแม้กระทั่งเจ้าหญิงทูย่า คู่อภิเษกของพระองค์ ว่าที่ราชินีอียิปต์ในอนาคต ต่างกินแห้วไปตามๆ กัน องค์กษัตริย์ไม่ผูกจิตเสน่หากับหญิงใดแม้แต่น้อย จนต่างกล่าวขานว่า ฟาโรห์เซติทรงไร้รักและมิเคยรักหญิงใด พระองค์รักแผ่นดินอียิปต์ของพระองค์เพียงสิ่งเดียวเท่านั้น
ใครเล่าจะล่วงรู้ว่าแท้จริงแล้วพระองค์เป็นเช่นไร ฟาโรห์เซติทรงรักแผ่นดินอียิปต์ยิ่งกว่าพระชนม์ชีพ หากทรงรักสิ่งใดแล้วจะทรงอุทิศพระวรกายและพระหทัยกับสิ่งนั้นจนตราบวาระสุดท้ายของพระองค์ และถ้าหากองค์กษัตริย์ผูกจิตเสน่หากับหญิงใด หญิงผู้นั้นคือผู้ที่โชคดีอย่างหาที่สุดมิได้ เพราะพระองค์ทรงยึดมั่นและมั่นคงในรักต่อหญิงผู้นั้นเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น มิมีสิ่งใดสั่นคลอนหรือทำให้พระองค์แปรเปลี่ยนไปได้แต่อย่างใด
รักแท้คือรักที่มั่นคง เพียรเฝ้าคอยในสิ่งที่คาดหวัง เพียรคอยรักนั้นชั่วชีวัน หมายใจให้รักนั้นแด่คนที่รอคอย
[1] สมัยอาณาจักรใหม่หรือสมัยจักรวรรดิ(1554-1090 B.C.)อยู่ในช่วงราชวงศ์ที่ 18-20 มีธีปส์เป็นเมืองหลวง จักรวรรดิอียิปต์โบราณเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกเพราะมีกษัตริย์เก่งในการรบ การปกครอง อียิปต์โบราณต้องทำสงครามยาวนานกับฮิตไตท์ พระให้การสนับสนุนกษัตริย์ อำนาจของขุนนางหมดไป ในสมัยนี้อียิปต์โบราณมีนโยบายรุกรานชุมชนใกล้เคียง มุ่งขยายอำนาจและการป้องกันการรุกรานของศัตรูภายนอก ดินแดนอียิปต์ขยายกว้างใหญ่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในสมัยนี้มากอีกทั้งแน่นอนกว่าสมัยใดๆ ที่ผ่านมา
[2] เครา ขนที่ขึ้นตามแก้มหรือขากรรไกร