บทที่ 4
ชัดเจน ข้าเป็นนางร้าย!
จางเฉิงอี้มองนางด้วยสายตาประหลาด เห็นมือเรียวหดเหลือเพียงนิ้วกลางชูขึ้นตรงหน้าเขา คิ้วหนาขมวดแน่นเริ่มสงสัยว่าข่าวลือที่นางกลายเป็นสตรีเลอะเลือนจะหาใช่เรื่องล้อเล่น
“ทำอะไร”
“ปะ เปล่าเจ้าค่ะ”
ป๋ายอวี้ชิงรีบเก็บนิ้วลงเมื่อหลังหน้าต่างบานสีขาวเป็นใบหน้าหล่อเหลาที่จ้องมองเขม่งมายังนาง จางเฉิงอี้ไม่คิดใส่ใจ เขายืดตัวขึ้นก่อนหันไปออกคำสั่งเสียงเข้ม
“นำคนเจ็บไปรักษา และไสหัวไปซะเกะกะ”
เหมือนประโยคหลังเขาจะกล่าวกับนางเสียมากกว่า ดูจากหางตาที่เหล่มองมา ชัดเจน เขาคงหมายถึงให้นางไสหัวไปอย่างแน่นอน! คนแอบเห็นปั้นหน้าอยากจะร้องไห้
ฮือ เสียใจ!
เพียงคำสั่งเดียวของจางเฉิงอี้พวกที่มุงดูอยู่ในคราแรกก็พากันหนีกระเจิง บ้างก็ทำสีหน้ารังเกียจบ้างก็ทำสีหน้าหวาดกลัวก่อนจะเดินหนีออกไป ป๋ายอวี้ชิงแอบแยกเขี้ยวใส่คนพวกนั้นพร้อมกับชูกำปั้นทำท่าจะทุบหนึ่งที
เป็นเพราะจางเฉิงอี้มีสายเลือดของเผ่ามารครึ่งหนึ่งและเทพครึ่งหนึ่ง สายเลือดน่ารังเกียจของเผ่ามารทำให้เขาไม่เป็นที่ยอมรับ แต่ด้วยความเก่งกาจและพลังที่มากล้นทำให้เขาถูกแต่งตั้งเป็นเทพสงครามจากการเป็นผู้ปกป้องดินแดนสวรรค์ในภัยพิบัติครั้งใหญ่
หลัวของข้าเก่งกาจถึงเพียงนี้ พวกเจ้าต้องสรรเสริญเขา กราบเขาบูชาเขารู้ไว้ซะ!
นัยน์ตาคมตวัดสายตากลับมายังสตรีเบื้องหลัง นางยังคงนั่งอยู่บนพื้นในสภาพยุ่งเหยิงเล็กน้อยพร้อมกับทำหน้าแปลกประหลาด จังหวะเดียวกันกับที่นางหันมาสบตากับเขา นางส่งยิ้มให้เขาและกล่าวขอบคุณ
"ขอบคุณที่ช่วยเหลือเสี่ยวตั๋นเจ้าค่ะท่านพี่"
ชายหนุ่มขนลุกเล็กน้อยเมื่อสายตาที่นางมองมาด้วยความปลื้มปิติจนเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่า
“น่ารังเกียจ” เขาพูดคำติดปาก และคิดว่านางคงจะตอบกลับเขามาเช่นเดิมด้วยคำพูดแบบเดียวกัน
“อ้าว”
ผิดคาด เขาพูดคำที่นางมากจักพูดใส่เขาเป็นประจำ แต่ในวันนี้เจ้าตัวกลับแสดงสีหน้าสลดราวกับเสียอกเสียใจแทน เป็นอะไรของนาง…?
ป๋ายอวี้ชิงเริ่มมีสีหน้าคล้ายคนจะร้องไห้เมื่อได้ยินคำพูดจาเฉือดเชือนอันแสนร้ายกาจจากตัวร้ายสุดที่รัก ปากอมลมจนแก้มป่องเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น
"…" คนตัวสูงนิ่งเงียบ ไม่คิดจะพูดหรือปลอบใจ คนที่ไม่เคยสนใจผู้ใดเช่นเขาจะปลอบใครเป็น ยิ่งเป็นนางแล้วยิ่งแล้วใหญ่ สตรีผู้ที่คอยดูถูกและรังเกียจเขาอยู่เสมอ เขายิ่งไม่มีคำว่าเห็นใจ
"คะ คือ"
หลังจากมีคนหามร่างเสี่ยวตั๋นออกไปแล้ว นางจึงหันกลับมาเพื่อจะคุยกับเขา คิดว่าจะขอบคุณจากนั้นแกล้งตีสนิทแบบเนียนๆ แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่ยอมให้ทำแบบนั้น
ร่างสูงทำท่าจะเดินหนีไป ป๋ายอวี้ชิงตกใจเผลอเอื้อมตัวคว้าแขนแกร่งแต่กลับถูกสะบัดอย่างแรงจนนางถลาลงไปกับพื้น ดีที่ใช้มือยันไว้ได้ทัน อาการเจ็บปวดแล่นจากฝ่ามือเล็กน้อยแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ป๋ายอวี้ชิงสนใจ เพราะจู่ๆนางก็รู้สึกถึงกระแสไฟฟ้าพุ่งตรงเข้าสู่ร่าง
“อั้ก” ร่างบางชักกระตุก ปากเผยออ้าออก
บัดซบ นางกำลังส่งเสียงน่าเกลียดออกไปต่อหน้าหลัว!! หุบปากเดี๋ยวนี้อีร่างกายเฮงซวย! มือบางขยับอย่างทุลักทุเลเพื่อมาปิดปากของตน ดวงตากลมลอบมองคนด้านบน
หะ เห็นรึเปล่านะ..
“....”
“!” เต็มสองตากันเลยทีเดียวเชียว
กรีดร้อง!
ตากลมโตเหลือกตรงไปยังร่างสูงอย่างอึ้งๆ ในขณะที่คนโดนมองก็มองนางกลับด้วยหางตา มีเพียงใบหน้าเรียบเฉยไม่รู้ว่าคิดสิ่งใดส่งกลับมาก่อนจะเดินจากไป ในตอนนั้นเองที่นางเห็นแสงสว่างประกายบนหัวของคนที่เดินนำลิ่วไปไกลแล้ว
จากเลข -5 บัดนี้ถูกแทนที่ด้วย -3
“!!!!”
อะไรละนั่นเขากำลังชอบใจอะไรอยู่ห๊ะ ตลกเหรอ!!!
สองมือสั่นหงึกๆ มองจากไกลๆเห็นจางเฉิงอี้เดินผ่านเข้าไปในประตูวังแล้ว บริเวณที่เดียวกันนั้นปรากฏร่างสามร่างยืนจ้องมาอยู่เช่นกัน ขนาดมองจากตรงนี้ยังรู้เลยว่านั่นคือเหล่าตัวละครหลัก
มาญาติดีกันเถอะ และไว้ชีวิตขาพเจ้าด้วย
“อะไรของนางกัน” ชายหนุ่มใบหน้าคมคายแต่ดูผ่อนคลายกำลังยืนกอดอก คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน เขาสวมชุดสีขาวเหลือบเงินปักลายซิ่นมังกรดูสูงศักดิ์ พูดกับสหายหนุ่มด้านข้าง
“กระหม่อมก็ไม่แน่ใจพ่ะย่ะค่ะ”
เสียงนุ่มทุ้มตอบกลับ ด้านข้างเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาไม่แพ้กัน แต่บรรยากาศนั้นต่างกันอย่างมาก อีกคนหนึ่งมองแล้วให้ความรู้สึกสูงศักดิ์และสง่างาม ส่วนอีกคนหนึ่งให้ความรู้สึกสงบเงียบและสบายตา
‘โม่เหยียน’ ดำรงตำแหน่งไท่ฝูของ ‘ไท่จื่อลู่จิ่งเหอ’ ทั้งสองเป็นสหายกันตั้งแต่เด็ก ด้วยความสามารถที่แตกต่าง โม่เหยียนจะเด่นในเรื่องของตำราและดนตรีเขาจึงเลือกไปทางสายบุ๋น ในขณะที่ลู่จิ่งเหอชื่นชอบในทักษะการต่อสู้และวรยุทธดั่งที่ไท่จื่อหรือองค์รัชทายาทของสวรรค์พึงมี
“ท่านอาจารย์ ไท่จื่อลู่จิ่งเหอ อย่าได้สนใจนางเลย พวกเราเข้าไปข้างในกันเถิด เทียนจวินทรงใกล้เสด็จมาถึงแล้ว”
เป็น ‘หรางหยาน’ ที่กล่าวขึ้นมา เขาเคยแอบใจเต้นให้กับองค์หญิงป๋ายช่วงหนึ่งจนกระทั่งนางได้ทำร้ายน้องที่นับถือแสนน่ารักของเขาอย่างหลินลี่ฟาน และเริ่มหนักเข้าจนนางได้รับบาดเจ็บสาหัส ตั้งแต่นั้นเขาก็ตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อนางทันที
ศิษย์รักว่าอย่างไรอาจารย์ย่อมว่าตาม โม่เหยียนละความสนใจจากป๋ายอวี้ชิงที่ตอนนี้กำลังนั่งตัวสั่นอยู่บนพื้น
‘นางคงพยายามควบคุมความโกรธของตัวเองอยู่กระมัง’
“เชิญพระองค์เข้าประทับด้านในก่อน”
ฝ่ามือผายให้ทางแก่ลู่จิ่งเหอ ชายหนุ่มพยักหน้าให้เล็กน้อยก่อนจะเดินนำเข้าไป โดยมีสายตาเห็นใจจากโม่เหยียนตามมา นัยน์ตาสีหม่นลอบมองไปยังสตรีด้านหลังพวกเขา
‘ข้านั้นสงสารสหายของข้าเหลือเกินที่ต้องตบแต่งนางเข้าตำหนัก’
ทางด้านป๋ายอวี้ชิง ภาพความทรงจำต่างๆไหลเข้าสู่หัวของนางจนนางปวดตึ้บ และภาพจำสุดท้ายที่เด่นชัดที่สุดแล่นเข้าสู่สมองนางคือ ภาพที่นางเดินเข้าไปกระชากไหล่ของหญิงสาวหน้าตาราวกับตุ๊กตากระเบื้องผู้นั้น ข้างกายของนางเป็นบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคมคายดูผ่อนคลาย ดวงตาเรียวคมแสนเย็นชายามจับจ้องมาที่นาง ป๋ายอวี้ชิงรับรู้โดยทันทีว่านั่นคือไท่จื่อลู่จิ่งเหอหนึ่งในฮาเร็มของนางเอก!
นางกำลังมีปากเสียงกับเขา ในขณะที่แม่นางหน้าขาวผู้นั้นเข้ามาห้ามปรามพลางร้องห่มร้องไห้
..มาถึงจุดนี้ สิ่งที่นางไม่แน่ใจในตอนแรกมันเริ่มเข้าที่เข้าทาง ว่าทำไมนางถึงหมั้นหมายกับพระเอก ทำไมถึงบาดเจ็บและทำไมตัวนางถึงกลายเป็นองค์หญิง
และมันชัดเจนขึ้นไปอีกเมื่อตัวของนางชักกระบี่ออกมา ก่อนจะร่ายรำกระบี่ใส่สตรีผู้นั้นไปหนึ่งกระบวนท่า สตรีผู้นั้นลอยขว้างกลางอากาศก่อนจะตกลงบนอ้อมแขนแกร่งของลู่จิ่งเหออย่างสวยงาม
โป๊ะเชะ นั่นมันบทนางเอกนี่หว่า หมายถึงคนที่หล่นลงในอ้อมกอดน่ะนางเอก!
ตอนนั้นเองที่นางเห็นใบหน้าจงเกลียดจงชังนางจนเข้าไส้จากพ่อพระเอก เขาประคองสตรีในอ้อมกอดไว้อย่างถนุถนอม ในขณะที่มืออีกข้างชักกระบี่ขึ้นชี้หน้านาง ท้องฟ้าเริ่มส่งเสียงคำราม ประกายไฟโผล่ออกมาเป็นระยะ นางเงยหน้ามองด้วยใจหวาดกลัว ก่อนที่เขาจะฟาดฟันสายฟ้าลงทัณฑ์ใส่ตัวนาง!!
“อ๊าก!!”
ป๋ายอวี้ชิงร้องเสียงหลง มือยกขึ้นเพื่อกั้นสายฟ้าที่ฟาดผ่าน ก่อนจะพบว่าตอนนี้ตัวนางไม่ได้เป็นอะไรแค่กำลังเห็นภาพย้อนหลังเท่านั้น มือบางยกกุมก้อนเนื้ออกด้านซ้าย มันกำลังเต้นจนแทบจะหลุดออกมา
ตึกตักตึกตัก
นางเพิ่งโดนช๊อตไฟฟ้าแสนโวลมา!! และที่สำคัญ..
นาง เป็น นาง ร้าย!! กรีดร้องอย่างสิ้นหวัง
นางเป็นนางร้ายแน่นอนนางมั่นใจ! การที่นางร้ายมีชื่อเดียวกันกับนางอาจเป็นเพราะว่าระบบส่งนางมาในบทบาทของนางร้ายยังไงล่ะ! นางร้ายในเกมส์นี้ถึงได้ชื่อป๋ายอวี้ชิง
ไม่นะ! นางจับใบหน้าของตัวเองไปมาก็พบว่าใบหน้าของนางกำลังเปลี่ยนไป อันที่จริงแล้วคนภายนอกเห็นนางมีใบหน้าของนางร้ายตั้งแต่แรก แต่เป็นตัวนางเอกที่มองไม่เห็น! เมื่อความทรงจำกลับมานางจึงกลายเป็นนางร้ายเต็มตัว!
มือบางเผลอขยุ้มหัวตัวเองอย่างบ้าคลั่ง นึกถึงข้อความจากระบบที่ส่งมาและไม่โผล่มาอีกเลยก็อยากจะบ้าตาย หากนางต้องมัดใจตัวร้ายที่เป็นเป้าหมายเดียวแล้วละก็ นั่นแปลว่านางต้องหลบเลี่ยงเดธแฟลกของตัวเองอีกด้วยใช่หรือไม่!
“ไม่ๆๆ ทำไมกลายเป็นแบบนี้ล่ะ ทำไมต้องเป็นนางร้ายที่กำลังจะตายในไม่อีกกี่ตอนข้างหน้าด้วย!"
ความมั่นใจที่มีถูกทำลายจนหมดสิ้น ใบหน้างดงามก้มมองส่วนยิ่งใหญ่ของตนด้วยสีหน้ามืดมน
“มีไปก็เท่านั้น อย่างไรก็ไร้ประโยชน์แค่เป็นนางร้ายก็ไร้ประโยชน์แล้ววุ้ย!”
เพราะไม่ทันที่นางจะได้ใช้หรอก นางคงตายคามือตั้งแต่เสนอหน้าเข้าไปแล้วมากกว่า เสี้ยวหนึ่งภายในใจของท่านพี่ตอนนี้อาจถูกแม่นางเอกจับจองไปแล้ว ฮรึก!
นางนั่งทำใจอยู่หลายนาทีก่อนจะตัดสินใจได้แล้วว่า ต้องมีชีวิตรอดและจะไม่ให้คนที่พานางเลี่ยงเดธแฟลกอย่างตัวร้ายต้องตายเด็ดขาด!
หากมองในแง่ดีนี่มันเท่ากับได้กับได้ ได้เจอหลัวสุดกร้าวใจที่นางชื่นชอบและมีชีวิตอยู่สุขสบาย แค่ต้องผ่านความฉิบหายและเสี่ยงตุยไปให้ได้ทั้งหมดเท่านั้นเอ๊ง!! < เสียงสูง
ว่าจบร่างบางก็ลุกขึ้นยืน มือขาวยกกระโปรงขึ้นเหนือเข่า ขอบตาแอบคลอด้วยหยาดน้ำใส สิ่งเดียวที่ปลอบใจนางได้ตอนนี้คือใบหน้าหล่อเหลาของจางเฉิงอี้ หลัวสุดที่รักที่นางพิชิตใจไม่สำเร็จในเกมส์คนนั้น
“สู้โว้ย!” เสียงหวานตะโกนต่ำในลำคอเพื่อกระตุ้นจิตวิญญาณนักสู้ เป็นนางร้ายอาจจะทำสำเร็จได้ยากสักหน่อยแต่จะลองดูก็แล้วกัน
ผู้คนระแวกนั้นต่างพากันสะดุ้งโหยงพลางมองสตรีงามล่มสวรรค์สวมชุดฮั่นฝูสีแดงถกกระโปรงขึ้นเหนือเข่าเผยขายาวระหง เดินจ้ำอ้าวอย่างบุรุษไปยังประตูวัง…
เบื้องหลังประตูวังบานใหญ่
ป๋ายอวี้ชิงเหม่อมองตำหนักหลวงของวังบูรพาด้วยความตื่นเต้น มองจากที่ไกลว่าสวยแล้วเมื่อเข้ามาภายใน ยิ่งงดงามมากกว่าเท่าตัว สองเท้าเล็กเดินสำรวจไปมาระหว่างทาง ประตู และผนังล้วนแกะสลักด้วยความประณีต โดยเฉพาะส่วนหลังคาที่นางชื่นชอบเป็นพิเศษ เป็นประติมากรรมศิลปะลวดลายเฉพาะตัว ดูศักดิ์สิทธิ์เหมาะสมกับคำว่าตำหนักที่สวยที่สุดในบรรดาฉากทั้งหมดที่ถูกบรรยายในนิยาย ขนาดในเกมน์นางยังไม่สามารถเห็นรายละเอียดได้มากเท่านี้
อาณาเขตบริเวณกว้างขวาง รอบด้านประดับด้วยสวนดอกไม้สีแปลกตา ในแต่ละจุดจะถูกคั่นด้วยลำธารสายเล็ก มีปลาเกร็ดสีเงินกระโดดคอยว่ายอวดโฉม บนระลอกน้ำสะท้อนภาพหญิงสาวงดงามเสียจนนางยังแอบใจเต้น ทุกสัดส่วนบนใบหน้าล้วนลงตัว คิ้วเรียวดั่งคันศร ดวงตากลมโตเฉี่ยวคมเล็กน้อย จมูกโด่งเป็นสันดูรั้นๆ คล้ายเด็กซน ริมฝีปากอิ่มเอิบกำลังพอดีน่าสัมผัส..
‘สวย สวยมาก’
ใบหน้านี้สวยธรรมชาติอยู่แล้ว หากไม่แต่งแต้มใดเลยก็ยังดูสวยอยู่ดี ใบหน้าฟ้าประทานขนาดนี้ไม่น่าเป็นนางร้ายเลย ให้ตายเถอะ!
สองเท้าเดินต่อไปจนสิ้นสุดทางเดิน ในที่สุดนางก็มาหยุดตรงหน้าทางเข้าขนาดใหญ่ บานประตูถูกแกะสลักอย่างประณีตเสียยิ่งกว่าภายนอก ทั้งยังฝังด้วยหยกขาวบริสุทธิ์อีกชั้นหนึ่ง
ป๋ายอวี้ชิงสูดหายใจลึกเข้าเต็มปอด หลังประตูบานนี้มีตัวละครหลักที่จะฆ่านางอยู่เป็นแน่ รวมถึงแม่นางเอกนั่นด้วย เพราะในวันนี้มันเป็นเหตุการณ์นองเลือดสำหรับนางร้ายเช่นนางไงล่ะ!
เนื่องจากนางเอกได้มีส่วนเข้าร่วมด้วยเช่นกัน ทำให้นางไม่พอใจที่ได้เห็นสิ่งขัดหูขัดตาจึงขอให้เทียนจวินลงโทษนางเสีย ซึ่งเป็นการกระทำที่สิ้นคิดสิ้นดี! ความเอาแต่ใจและไม่ไว้หน้าเทียนจวินของนางร้าย ทำให้เขาถึงกับโกรธและยุติการประชุมลง
สิ่งเลวร้ายที่นางรับรู้ในตอนแรกนั้นมันยังไม่จบเพียงเท่านี้ จุดเปลี่ยนมันอยู่ที่ความชอบในตัวนางเอกจะพุ่งกระฉูดต่างหาก รวมถึงหลัวของนางจะแอบนอกใจด้วย ไม่นะ!
จากเหตุการณ์ในวันนี้บรรดาตัวละครหลักเริ่มเกลียดชังนางร้ายมากขึ้นเท่าตัว เพราะนางเอกได้เลือกเส้นทางของความถูกต้อง (แอบเบ้ปาก) ร้องขอความยุติธรรมให้นางร้ายกล่าวขอโทษแก่นาง ภาพลักษณ์ของสตรีผู้มีจิตใจเข้มแข็งและไม่ย่อท้อ สามารถกระตุกหัวใจของเหล่าบุรุษเข้าอย่างจัง (เบ้จนปากเบี้ยว) เปอร์เซ็นต์ความชื่นชอบพุ่งกระฉูดถึง 15%! บวกกับของเก่าแล้วมันรวมได้ ถึง50% เลยทีเดียว
ยกเว้นแต่จางเฉิงอี้ที่ขึ้นมาเพียง 10% เท่านั้น แต่มันเป็นจุดเริ่มต้นของ 10% แรกที่ทุกคนในเกมน์สามารถเพิ่มเปอร์เซ็นต์ความชอบของจางเฉิงอี้จากอีเว้นท์นี้
ด้วยความชอบที่ถูกเพิ่มขึ้น ฮาเร็มทั้งห้าจึงออกมาขัดขวางและพุ่งตรงเข้ามาเพื่อทำร้ายนาง นางยังจำได้ดี ภาพฝ่ามือหนาของลู่จิ่งเหอตรงเข้าโอบกอดไหล่บาง อีกหนึ่งไท่ฝูโม่เหยียนและ ‘กู่ตงเถียน’ ประมุขเผ่าจิ้งจอกยืนเข้าประกบอีกด้าน ในขณะที่อีกสองคนชี้ดาบจ่อหน้าของนางร้าย เป็นภาพที่นางยังแอบกรี๊ดไปหลายตลบเพราะเอฟเฟคตระการตา และตัวร้ายของนางสุดแสนจะแบดบอยชักดาบชี้หน้าศัตรู
บทสรุปของเรื่องจบลงด้วยตัวนางร้ายถูกชายผู้เป็นที่รักทำร้ายบาดเจ็บสาหัสอีกครั้ง เป็นอีกหนึ่งฉากที่นางแอบหัวเราะสะใจอยู่ไม่น้อย
คิกคิก
อะแฮ่ม เผลอลืมตัวไปหน่อย.. เรามันเป็นนางร้ายนี่หว่า
“ขอโทษพวกเจ้าไว้ก่อนเลยแล้วกัน เพราะข้าจะไม่มีทางทำตัวร้ายกาจดั่งเช่นที่พวกเจ้าต้องการหรอก! และเพื่อไม่ให้ท่านพี่ต้องตายและข้าต้องรอด ข้าจะนำเขามาเป็นพวกให้จงได้!"
ใบหน้างามแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ พลางหัวเราะคิกคักชอบใจ หากนางไม่ร้ายสักอย่าง นางจะตายได้อย่างไร คงเหลือเพียงแต่เกี้ยวสามีในอนาคตของนางให้เต็มร้อยเท่านั้น นางอาจจะสามารถกลับบ้านได้ก็ได้ แต่ถึงกลับไม่ได้นางก็ไม่สน ในเมื่ออยู่ที่นี่นางมีทั้งเสี่ยวตั๋นที่ดีกับนาง เทียนจวินที่เอ็นดูนาง อยากได้สิ่งใดก็ได้โดยไม่ต้องลำบากเจียดเงินแต่ละเดือนเพื่อซื้อของสักชิ้น ตัวนางในโลกเก่านั้นก็หาได้มีเพื่อนหรือครอบครัวให้คิดถึงไม่ คงมีเพียงส้มตำ แอร์ โทรศัพท์เท่านั้นที่พอทำให้นางคิดถึงอยู่บ้าง แต่เทียบกับใบหน้าหล่อๆของหลัวนางแล้ว นางยอมลืมๆมันไปก็ได้
การกระทำของนางล้วนตกอยู่ในสายตาของจางเฉิงอี้ เขารำคาญสายตาพวกที่อยู่ด้านใน มันทำให้เขารู้สึกสะอิดสะเอียน เขาจึงปลีกตัวออกมาสูดอากาศข้างนอก ไม่นึกว่าจะพบเจอนางที่นี่ ปกติจะรีบประจบประแจงไปเข้าเฝ้าเทียนจวินแล้ว แต่นี่กลับมายืนหัวเราะราวกับคนบ้าอยู่ผู้เดียว
ร่างสูงยืนกอดอกมองสตรีร้ายกาจที่กลายเป็นสตรีเลอะเลือนหัวเราะกับตัวเองอยู่ไม่ไกล ทั้งยังวิ่งมาโดยถกกระโปรงอวดเรือนร่างถึงเพียงนั้น หากไม่รวมเรื่องที่นางเสียสติแล้ว อย่างน้อยความไร้ยางอายก็ยังคงอยู่เช่นเดิม
"เหอะ"