ตอนที่ 10
เสียงโทรศัพท์ของกฤติดนัยดังขึ้น เขารีบเดินมาหยิบโทรศัพท์ ทำให้มินตราถือโอกาสนี้รีบเดินออกมาจากห้องได้อย่างทันท่วงที กฤติดนัยจะรีบวิ่งตามแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว
“มีอะไรเหรอครับ ลุงศักดิ์” กฤติดนัยกำลังจะต่อว่าคนที่มาขัดจังหวะ แต่พอเห็นเป็นเบอร์ผู้มีพระคุณก็เลยไม่กล้า
“ไอ้ที่ลุงว่าจะพาเอ็งไปเมืองนอกน่ะ คงไม่ได้ไปแล้วว่ะ”
“อ่าวทำไมเหรอลุง” กฤติดนัยตกใจ
“ก็ธนาคารเค้ากำลังจะยึดบ้านลุง..น่ะสิ” ศักดิ์ชัยตอบเด็กหนุ่ม
“ลุงไม่ได้ผ่อนมานานเท่าไหร่แล้วครับ"
“ก็น่าจะราว ๆ เกือบปีแล้วมั้ง ตอนนี้ธนาคารให้หาเงินก้อนมาโป๊ะ แต่มันก็ยังไม่พออยู่ดี แกพอจะช่วยเหลือลุงได้มั้ยวะ”
“ผมก็ลำบากเหมือนกันนะลุง แต่ธนาคารน่าจะยังได้ส่งฟ้องศาล ผมว่าเราน่าจะไปคุยเพื่อทำการไกล่เกลี่ยกับเค้าได้นะครับ เรื่องพวกนี้เราควรเป็นฝ่ายไปเจรจาเพื่อขอความเมตตาจากเขาก่อน ไม่ใช้รอจนหมายยึดมาถึงเรานะครับลุง”
“งั้นพรุ่งนี้แกมาช่วยพาลุงไปหน่อยสิวะ”
“ได้ ๆ ครับลุง”
“คืนนี้เอ็งมานอนมาลุงมั้ยละ จะได้ปรึกษากัน”
“แต่ตอนนี้ผมอยู่หัวหินนะสิครับ ”
“ได้ ๆ งั้นแกจะมาตอนไหน”
“เป็นพรุ่งนี้เช้าดีกว่าครับลุง ผมยังไม่ได้ร่ำลาแฟนเลย” กฤติดนัยวางสายจากคุณลุงศักดิ์ชัยเรียบร้อย เขาก็รีบเตรียมตัว จัดกระเป๋าเสื้อผ้า ก่อนที่เขาจะเดินไปห้องของมินตราไป และตัดสินใจเคาะห้องของเธอ แต่ว่าไม่มีเสียบตอบรับจากคนด้านในเลย กฤติดนัยจำต้องเดินคอตกกลับห้องไป
ศักดิ์ชัยนั้นเป็นผู้มีพระคุณของกฤติดนัย เพราะในอดีตเขาเป็นคนส่งเสียค่าเล่าเรียนให้กฤติดนัยมาโดยตลอด เพราะศักดิ์ชัยนั้นไม่มีลูกไม่มีเมียจึงรักกฤติดนัยเหมือนลูก
กฤติดนัยตัดสินใจว่าจะยังไม่กลับในคืนนี้ เพราะยังอย่างง้อมินตราอีกสักครั้ง เขาอยากร่ำลาเธอเป็นครั้งสุดท้ายตามที่ตั้งใจเอาไว้ ก่อนจะหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาแล้วส่งข้อความสั้น ๆ ขอโทษเธอไป หลังจากนั้นก็กลับห้องเพื่อรอให้เธออ่าน แต่เวลาก็ผ่านมานานแล้ว เขาไม่เห็นจะมีวี่แววว่าเธอจะอ่านข้อความหรือตอบกลับมาเลยสักนิด กฤติดนัยจึงตัดสินใจโทรไปหาเธอ แล้วก็เป็นอย่างที่คิด...มินตราไม่ยอมรับสายจากเขา ซึ่งอันที่่จริงเขาก็น่าจะพอรู้แล้วว่าเป็นเพราะอะไรที่ทำให้เธอไม่อยากจะเจอเขาอีก กฤติดนัยตัดสินใจขับรถมอเตอร์ไชค์ออกไปนั่งดื่มในกลางดึกของคืนนั้นด้วยความเสียใจ
ระหว่างที่มินตราทำธุระของตัวเองอยู่ในห้องได้ไม่นานเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมาเสียก่อน มินตรารีบออกจากห้องน้ำมาแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายที่วางอยู่ก่อนจะล้วงเข้าไปเอาโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย เธอยิ้มขึ้นเมื่อเห็นว่ามันเป็นเบอร์ของภูริภัทร เจ้านายของเธอ
มินตรารีบทำอารมณ์ให้ปกติก่อนจะกดรับสายของเขา ไม่นานเสียงทุ้มก็พูดผ่านสายขึ้นอย่างกังวาน
“มิน!!! เป็นไงบ้างเจอเพื่อนหรือยัง ”
“เจอแล้วค่ะ ตอนนี้มินอยู่ที่ห้อง เดี๋ยวจะออกนะคะ”
“มิน!!!..ไม่ต้องมาที่โต๊ะแล้ว พวกเรากำลังจะไปต่อกันที่บาร์”
“อ๋อ ๆ ได้ ๆ ค่ะ..คุณภัทร งั้นเดี๋ยวมินออกไปหาที่บาร์นะคะ”
“เอ่อ!!..เดี๋ยวสิมิน!..มินหิวอะไรมั้ย” เขาแกล้งถามเพื่อจะดูว่า มินตราจะพูดความจริงหรือเปล่า เพราะเห็นเธอไปนั่งในร้านอาหารกับกฤติดนัยเมื่อช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา
“อ๋อ ไม่หิวค่ะ มินทานกับเพื่อนมาบ้างแล้วค่ะ” เธอตอบ ทั้ง ๆ ที่เธอแทบไม่ได้กินอะไรเลยนอกจากน้ำเปล่า
“คุณภัทร จะไปที่บาร์กันตอนไหนคะ”
“น่าจะอีกสักพัก!! มินจะไปด้วยกันมั้ยล่ะ”
“อ๋อ..ได้ค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวมินขอเตรียมตัวสักครู่นะคะ”
“ถ้าคุณพร้อมแล้ว ไลน์มาบอกผมได้มั้ยครับ...ผมจะไปรับคุณที่ห้องเอง” สิ้นเสียงทุ้ม มินตราก็ยิ้มหวาน ทำไมวันนี้เจ้านายเธอมาแปลก