ตอนที่ 3
“อะไรนะ...มิน!!!” กฤติดนัยร้องถามด้วยความตกใจเมื่อมินตรากล่าวขึ้นกับเขา น้ำตาเอ่อเต็มดวงตาของหญิงสาว สิ่งที่คุณนายทองสุขพูดนั้น มันเป็นจริงทุกประการ เพราะคนอย่างแม่เลี้ยงของหล่อน ไม่เคยนำเรื่องอย่างนี้มาพูดเล่น ๆ หากมันไม่ใช่เรื่องจริง มินตราตั้งใจมาบอกเลิกกับกฤติดนัย เธอรวบรวมความกล้าได้แล้วตั้งแต่เมื่อคืน ว่าวันนี้เธอจะบอกเขาความจริงกับเขาสักที จะได้ไม่ต้องมีคนคอยนินทาว่าเธอจับปลาสองมือเหยียบเรือสองแคมต่อไปอีก มินตราไม่อยากใช้ชีวิตอย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ กลางวันออกไปกินข้าวกับผู้ชายอีกคน ตกเย็นกลับบ้านกับผู้ชายอีกคนที่ให้กฤติดนัยแวะส่งเธอแค่หน้าปากซอยก็ยังถูกคนละแวกนั้นเอาไปนินทาเสีย ๆ หาย ๆ จนรู้มาถึงหูมารดา
“อย่าพูดเป็นเล่นน่า...มิน!!!”
“นี่!!!..พี่ตั้มยังเห็นว่ามันเป็นเรื่องเล่น ๆ อยู่อีกหรือ เสียงของหล่อนสั่นเครือน้ำตาเอ่อนอง แต่กฤติดนัยก็เจ็บปวดพอที่จะเอ่ยถามด้วยเสียงที่สั่นเครือไม่แตกต่างกับเธอนัก เขารู้สึกเจ็บลำคอ และเจ็บช่องท้องเหมือนคนที่กำลังถูกพุ่งหมัดตรงเข้าใส่อย่างแรง
“ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?”
“เจ้านายของมินเองแหละ”
“เค้าแอบชอบมินตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” กฤติดนัยถามขึ้น
“ก็สักพักหนึ่งแล้ว ช่วงที่มินไปทำงานกับเค้าใหม่ ๆ”
“แล้วมินรักเค้าหรือเปล่า”
“ยังไม่ได้รักหรอก แต่เค้าดีกับแม่ของมิน แล้วแม่ของมินก็ไม่ต้องการให้เราคบกันอยู่แล้วตั้งแต่แรก มินว่าเราเลิกกันตอนนี้เถอะนะ..พี่ตั้ม พี่ก็จะได้ไปหาคนใหม่ซะที เราเสียเวลายื้อกันมามากพอแล้ว”
หกปีที่ผ่านมาสำหรับความรักของเธอและกฤติดนัย มารดารู้เรื่องเพราะในตอนนั้นมินตราไม่ค่อยกลับบ้าน อ้างว่าอยู่หอทำงานบ้าง เรียนหนักบ้าง จนคุณนายทองสุขจับได้และสั่งให้เลิกกับกฤติดนัยตั้งแต่บัดนั้นมา พอเรียนจบเธอมีงานทำที่ดีแล้ว มินตราก็คิดว่าคุณนายทองสุขจะเปลี่ยนใจยอมให้คบหากับกฤติดนัยได้ แต่เธอก็คิดผิด พอมินตราเรียนจบคุณนายทองสุขก็รีบฝากเธอเข้าทำงานกับคุณภูริภัทรที่รู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะตอนนั้นคุณนายทองสุขไปขายข้าวแกงอยู่ในบริษัทของเขา
อันที่จริงคุณภูริภัทรก็เห็นมินตรามาตั้งแต่เธอยังเรียนมหาลัย ในตอนช่วงเย็นเธอจะไปช่วยคุณนายทองสุขมารดาเก็บร้าน ล้างจาน แทบทุกวัน ภูริภัทรชื่นชมในความขยันของเธอให้คุณนายทองสุขฟังอยู่บ่อย ๆ และเขาก็ยังชอบมาทานข้าวแกงของคุณนายทองสุขอยู่เป็นประจำ ทำให้คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี จนคุณนายทองสุขเลิกขายข้าวแกงไปตอนที่มินตรามาทำงานกับคุณภูริภัทรแล้ว
“แม่มินคิดจะขายลูกกินหรือยังไงกันถึงได้ไปรับเงินเค้ามาแบบนั้น!” กฤติดนัยโอดครวญขึ้น เขาคิดในใจว่าอยากจะพาเธอหนีเหลือเกิน แต่ก็มิอาจรู้ได้ว่าเธอจะยอมทำตามที่เขาบอกหรือเปล่า เขารู้ดีตั้งแต่ต้นแล้วว่าผู้หญิงที่หัวอ่อนอย่างมินตรา คงจะต้องยอมตามใจมารดาเข้าสักวัน แล้ววันนี้มันก็เป็นจริงขึ้นมาจนได้
คุณนายทองสุขนั้นกีดกันเขามาโดยตลอด เพราะตัวเขาเองนั้นมันเป็นแค่เด็กกำพร้า ที่ปากกัดตีนถีบมาโดยตลอด ถ้าไม่ได้ผู้ใหญ่ใจดีอย่างคุณลุงศักดิ์ชัยช่วยอุปถัมภ์ค้ำจุนละก็ ป่านนี้เขาคงได้นอนอยู่ข้างถนนที่ไหนสักแห่งไปแล้ว แต่ตอนนี้คุณลุงที่เขานับถือก็กำลังย่ำแย่ บ้านกำลังจะถูกธนาคารยึดเพราะทำธุรกิจที่ผิดพลาดมาในช่วงโควิด ตนเองคงไม่กล้าหันหน้าไปพึ่งพาอะไรคุณลุงศักดิ์ชัยได้อีก