ตอนที่ 1
มอเตอร์ไชค์บิ๊กไบค์คันงามแล่นเข้าซอยมาได้สักพัก ก็ได้ยินเสียงหวานของคนซ้อนท้ายตะโกนบอกชายหนุ่มดังลั่น เพราะคนขับมัวแต่ใจลอย
“พี่ตั้ม!!! ส่งมินแค่นี้พอ...เดี๋ยวแม่เห็น” เสียงหวานดึงสติคนขับให้รีบชะลอรถทันที ก่อนจะเบรกจนรถหยุดนิ่ง หน้ากากหมวกกันน๊อคถูกเปิดออกเผยให้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของคนขับ
“ขับรถดี ๆ นะพี่” หญิงสาวที่ลงจากที่นั่งด้านหลังพลางขยับกระเป๋าสะพายและถุงอาหารก่อนจะส่งยิ้มหวานให้ชายหนุ่ม
“พี่ไปนะมิน..แล้วเจอกันพรุ่งนี้เช้า” ชายหนุ่มเจ้าของบิ๊กไบค์คันงามรีบบอกตามหลังหญิงสาวที่เดินจากไปอย่างรวดเร็วราวกับว่ากลัวใครจะเห็น ชายหนุ่มปิดหมวกกันน็อคลงแล้วรีบขับรถออกไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว หญิงสาวเดินต่อมาอีกสามสี่หลังก็ถึงบ้านของตัวเอง
ร่างระหงที่ก้าวเข้าประตูรั้วบ้านสีขาวมาทำให้ผู้ที่นั่งอยู่บนม้าหินอ่อนหน้าบ้านขยับแว่นหนา ๆ ก่อนจะมองเห็นชัดว่าเป็นใครก็รีบกวักมือเรียกทันที
“มานี่หน่อยซิ..ยัยมิน” หญิงสาวก้าวเข้าไปหาคนเรียก หยาดเหงื่อพราวที่ใบหน้าและผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงทำให้อีกฝ่ายต้องรีบทักทันที
“นี่แกไปทำอะไรมา ดูสารรูปสิ!...ผมเผ้ายุ่งเหยิงหน้าตามอมแมม..ดูไม่ได้เลย!!!”
“วันนี้หนูโหนรถเมล์มาค่ะ” หญิงสาวจำต้องโกหกมารดาเป็นประจำเช่นนี้ทุกวัน เธอวางกระเป๋าสะพายก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งพร้อมกับถุงพลาสติกใส่อาหารสำเร็จรูปที่ซื้อมา
“วันนี้...คุณภัทรเค้าไม่ว่างมาส่งแกรึไง” หญิงสูงวัยเอ่ยถาม
“มินก็อยากกลับเองบ้างไงคะ ให้เขามาส่งทุกวันเกรงใจแย่” ปลายนิ้วเรียวยาวพลางเขี่ยถุงพลาสติกเล่นอย่างใจลอย เมื่อรู้ว่าผู้เป็นมารดาของเธอจะพูดด้วยประโยคเดิม ๆ ซ้ำซาก ก่อนที่ความสิ้นหวังจะปรากฏอยู่ในดวงตาคู่นั้น
“มิน!!...แม่ว่าแกรีบแต่งงานกับคุณภัทรเค้าซะเถอะ อย่าให้เค้าต้องรอแกอีกเลยนะ...แม่ข้อร้อง”
“แม่คะ..แต่มินยังไม่พร้อม" หญิงสาวถอนหายใจก่อนตอบ
คุณนายทองสุขนั้นรู้อยู่เต็มอกจากเพื่อนบ้านว่า ลูกสาวของตัวเองนั้นยังไม่เลิกคบกับแฟนหนุ่มที่ชื่อกฤติดนัย เพราะเพื่อนบ้านส่วนใหญ่ก็ล้วนแล้วแต่เป็นขาไพ่ของคุณนายทองสุขทั้งนั้น
แต่ก็ยังมีหลายคนเอาไปนินทากันในวงไพ่อย่างสนุกสนานว่า มินตรานั้นมีผัวถึงสองคน จนต้องทะเลาะกับคุณนายทองสุขอยู่บ่อยครั้ง เพราะบางวันเพื่อนบ้านก็เห็นแฟนมินตราขับมอเตอร์ไชด์มาจอดรถส่งเธอก่อนถึงบ้านแทบทุกวัน และบางวันก็เห็นเป็นรถยนต์บ้างแต่คนที่มาส่งเป็นคนละคนกัน
กลุ่มขาไพ่พวกนี้แหละที่เป็นคนเมาท์ให้คุณนายฟังอยู่ทุกวัน แต่คุณนายทองสุขเองก็ยังไม่อยากจะคาดคั้นลูกสาวในตอนนี้ เพราะอย่างน้อยมินตราก็เป็นเสาหลักในบ้าน
มินตรารู้สึกใจหาย เมื่อคุณนายทองสุขย้ำเรื่องการงานแต่งงานขึ้นมา เธอรู้ว่ามันเริ่มใกล้เข้ามาทุกที ๆ แล้ว ในขณะที่เธอก็ยังไม่กล้าตัดสินใจบอกเลิกกับแฟนหนุ่มให้เป็นเรื่องเป็นราวสักที
“หรือว่าแกยังห่วงไอ้ตั้มมันอยู่” คุณทองสุขประชดขึ้น เมื่อกล่าวถึงกฤติดนัยรุ่นพี่ที่มินตราคบหามาตั้งแต่สมัยเรียนจนถึงปัจจุบัน
“ว่าไงล่ะ....แกยังห่วงไอ้ตั้มอยู่ก็บอกมาเถอะ ไอ้คนแบบนั้นมันไม่มีอนาคตให้แกหรอก” คุณนายทองสุขพูดจบก็ยิ้มเยาะออกมา มินตราได้แต่ก้มหน้านิ่ง
“หรือว่าแกเสียตัวให้ไอ้ตั้มมันไปแล้ว ถึงไม่อยากแต่งงานกับคุณภัทรเค้า” คุณนายทองสุขพูดแทงใจดำ
“แม่!!!" ข้อกล่าวหาของคุณนายทองสุขแต่ละข้อนั้นฉกาจฉกรรจ์ทั้งสิ้น จะไม่ค่อยมีอะไรที่เบาะ ๆ เลยแม้แต่นิดเดียว ถึงแม้มารดาจะพูดเรื่องจริง แต่มินตราก็ทำอะไรไม่ได้อีกตามเคยนอกจากนั่งให้คุณนายทองสุขตราหน้า
“แต่เอาเถอะ ไอ้ของอย่างนี้น่ะ มันไม่บุบสลายหรอก ” นางพูดปนหัวเราะ
“คุณภัทรเจ้านายแกน่ะ...เค้าเป็นผู้ชายที่วิเศษที่สุด ฉันบอกเลยนะ ถ้าหากว่า..ยัยมุกมันเป็นสาวเท่าแกละก็ แกไม่ได้แอ้มคุณภัทรเค้าแน่นอน!"
มินตรารู้ว่าภูริภัทรหนุ่มหล่อผู้เป็นเจ้านายนั้นรวยแค่ไหน แต่เธอก็ไม่เคยสนใจเรื่องความร่ำรวยของเขาเพราะรู้ว่าเขาเจ้าชู้ และอีกอย่างมินตราก็มีรักแท้ในใจต่อกฤติดนัยแฟนหนุ่ม เพียงแค่นี้ชีวิตของเธอในแต่ละวันก็ยุ่งยากพออยู่แล้ว แต่แม่ของเธอเนี่ยสิ! ดันไปสนิทสนมกับเจ้านายของเธอจนถึงขั้นยืมเงินยืมทองกัน
คุณภูริภัทรเจ้านายของเธอจึงใช้ข้ออ้างนี้มาส่งเธอที่บ้านอยู่บ่อยๆ และคุณนายทองสุขก็เชียร์อย่างสุดใจ จะชวนไปไหนคุณนายทองสุขก็ไม่เคยขัด และมินตราก็ต้องยินยอมทุกครั้งเพราะเกรงใจที่เขาเป็นเจ้านายเธอ
ใจจริงมินตราก็อยากให้มารดาของเธอเลิกเล่นการพนันเสียที จะได้ไม่ต้องคอยหาผู้ชายรวย ๆ มายัดเยียดให้เธอเหมือนอย่างทุกวันนี้