บทที่ 9 สามีตุ๊กตาไม้!
“ที่เหลือต้องฝากท่านเฉินกงแล้ว” ภายในห้องทำงานชิงเหยียนคุยแผนการระหว่างที่ตัวเองไม่อยู่ เมืองทั้ง 20 เมืองและหมู่บ้านอื่น ๆ ชิงเหยียนให้ท่านเฉินกงเป็นคนจัดการสำรวจความเป็นอยู่ การใช้ชีวิตของประชาชนรวมถึงวิธีสร้างรายได้ด้วย
“ไม่ต้องห่วงพ่ะย่ะค่ะ ไว้ใจกระหม่อมได้เลย” เมื่อมีคนที่ไว้ใจได้คอยดูแลทางนี้ชิงเหยียนก็เบาใจ หลังจากที่ท่านเฉินกงออกไปอาหนิงก็เดินเข้ามาพร้อมน้ำชา
“ฮองเฮาเจ้าคะ อาหนิงขอไปด้วยได้ไหมเจ้าคะ” ชิงเหยียนเมื่อเห็นสายตาคาดหวังก็คิดหนักการไปครั้งนี้มีแต่อันตรายถ้าพาอาหนิงไปด้วยคงไม่ดีเท่าไหร่
“ไม่ได้ ครั้งนี้มันอันตรายเจ้าอยู่ที่วังเถอะ” ใบหน้าจิ้มลิ้มของนางกำนัลมองอย่างน่าสงสารแต่ถึงกระนั้นชิงเหยียนก็ไม่ใจอ่อนเรื่องนี้มันอันตรายถึงชีวิตถ้าประมาทแม้แต่นิดเดียว
ภายในตำหนักชิงเหยียนเก็บของจำเป็นใส่ไว้ในมิติเมื่อตรวจสอบว่าไม่ลืมอะไรก็เตรียมตัวเดินทาง
‘ถ้าทำให้เราไปด้วยได้ไหม’ ร่างโปร่งแสงพูดขึ้นการปล่อยให้ภรรยาไปเสี่ยงอันตรายมันทำให้เขาดูไร้ค่ายิ่ง
“ไม่ได้หรอก วิญญาณไม่สามารถอยู่ห่างจากร่างเนื้อได้ แต่ว่าถ้ามีภาชนะรองรับก็เป็นไปได้นะ”
‘ทำตามที่เจ้าทำได้เถอะ ขอแค่เราไปกับชิงเหยียนได้ก็พอ’
“ได้เลย” ลี่จือมองไปรอบห้องหาของที่พอจะเป็นสื่อกลางได้ก่อนจะเหลือบไปเห็นตุ๊กตาไม้ขนาดตัวเท่าเธอ แสงเวทสว่างขึ้นร่างวิญญาณถูกดูดเข้าไปในตุ๊กตาไม้ก่อนจะค่อย ๆ ขยับ
“นะ นี่มันอะไร ผีตุ๊กตาไม้เหรอลี่จือ ช่วยด้วย” เมื่อเห็นตุ๊กตาขยับชิงเหยียนก็ร้องออกมา เขาแหกปากวิ่งไปหาลี่จืออย่างหวาดกลัวกลางวันแสก ๆ แท้ ๆ! ตุ๊กตาไม้ขยับก่อนจะมีเสียงออกมา
“เราคือ หนิงหลง ฮ่องเต้ของที่นี่”
“ฮะ ฮ่องเต้! ผีฮ่องเต้ในตุ๊กตาไม้” หนุ่มยุคใหม่เพิ่งเคยเจอผีจัง ๆ แบบนี้ครั้งแรกเวลามองตุ๊กตาไม้ขยับมันหลอนจนลืมหน้าหล่อที่นอนไม่ได้สติเลย
“ไม่ใช่ผี ข้าแค่วิญญาณหลุดออกเพราะยาพิษเฉย ๆ เจ้าอย่าได้ตกใจเลย ข้าขอให้ลี่จือทำแบบนี้เอง เจ้าจะไปเสี่ยงอันตรายข้าขอไปด้วย” น้ำเสียงจริงใจแม้จะอยู่ในร่างไม้ก็ตาม ชิงเหยียนทำใจก่อนจะหยิบตุ๊กตาไม้ขึ้นมาอย่างเบามือ ในหัวกำลังนึกว่าควรจะใช้คำอะไรเรียกอีกฝ่ายดียังไงก็คือฮ่องเต้ถึงจะมาร่างนี้แล้วแต่เรื่องคำศัพท์คำโบราณก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง
“เรียกท่านพี่สิ เจ้าเป็นฮองเฮาของเรา” อา..บ้าจริง แค่คำพูดง่าย ๆ จากตุ๊กตาไม้โง่ ๆ แต่เขากลับรู้สึกเขินจนหน้าร้อนในหัวจินตนาการไปถึงเรื่องน่าอาย ไม่..เขาทนมานานแล้วทนอีกนิด! อกหนอ กล้ามหนอ ขนหนอ ท่อนเอ็...หนอ โอ๊ยย
หลังจากตั้งสติได้แล้วเราก็เริ่มเดินทางกันการเดินทางไปแคว้นซิวถ้าไปโดยรถม้าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนแต่สำหรับชิงเหยียนใช้เวลาเพียง 2 วันเคลื่อนที่ด้วยเวทรวดเร็วดั่งสายลมตรงมาทางป่าเลยไม่ได้อ้อมป่าเหมือนคนทั่วไป เมื่อมาถึงใกล้ทางเข้าเมืองชิงเหยียนก็เปลี่ยนเป็นเดินเท้าขยับผ้าคลุมปิดหน้าตัวเอง การเดินทางคนเดียวด้วยใบหน้าแบบนี้ไม่ต่างจากล่อโจร
ชิงเหยียนเดินไปต่อแถวเกือบครึ่งชั่วยามก็ถึงตนเอง ทหารเฝ้าประตูมองสำรวจเมืองหลวงของแคว้นซิวมีจอมเวทมากมายบางคนก็ปกปิดตัวตนทำให้ไม่รู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นชิงเหยียน
“เจ้ามีตราเมืองไหม” ตราเมืองจะให้แก่ประชาชนเมืองหลวงเพื่อยืนยันตัวตนทำให้ง่ายต่อการตรวจตรา
“ไม่ขอรับ เราเป็นนักเดินทางเพิ่งเคยมาเมืองนี้เป็นครั้งแรก” เสียงหวานภายใต้เสื้อคลุมทำให้ทหารรู้สึกอยากเห็นใบหน้าว่าจะงดงามดั่งเสียงหรือไม่
“ค่าเข้าเมือง 500 ตำลึงแดง” ชิงเหยียนหยิบเงินให้ก่อนจะเดินเข้ามาในเมือง เมื่อเข้ามาก็เจอกับผู้คนมากมายเมืองกว้างใหญ่สมกับเป็นแคว้นใหญ่ ชิงเหยียนสัมผัสได้ถึงพลังเวทของคนที่เดินปนอยู่ในตลาด ร่างบางภายใต้เสื้อคลุมเดินไปที่โรงเตี๊ยมแห่งที่ให้ข้อมูลที่ดีที่สุดเมื่อเดินเข้ามาเสี่ยวเอ้อก็เดินเข้ามาทักทาย
“นายท่านเชิญทางนี้ขอรับ” ชิงเหยียนเดินตามไปโต๊ะที่ว่าง ภายในร้านมีคนแน่นร้านเสียงพูดคุยดังไปทั่วร้านเป็นเรื่องดีเขาจะได้แอบฟังเรื่องราวในเมือง
“รับอะไรดีขอรับ”
“เอาอาหารที่ดีที่สุดในร้านมา 2 จานเอาน้ำชากาหนึ่งด้วย”
“ขอรับ” เสี่ยวเอ้อเดินออกไปแล้ว ชิงเหยียนมองอกตัวเองตอนนี้ตุ๊กตาไม้กำลังขยับก่อนจะโผ่ลหัวออกมา
“ข้างในอึดอัดนักเอาเราออกไป” ชิงเหยียนมองไปรอบ ๆ แค่มีตุ๊กตาไม้น่าจะไม่มีอะไรผิดปกติคนทั่วไปคงเห็นมันเป็นแค่ของเล่นธรรมดา ร่างไม้ถูกวางบนโต๊ะอย่างเบามือ ลี่จือหลังจากมาถึงร้านก็บินไปรอบ ๆ อย่างตื่นเต้นเป็นครั้งแรกที่ได้ใกล้ชิดกับมนุษย์คนอื่นขนาดนี้เวลาแบบนี้เมื่อไม่มีใครมองเห็นตนก็สามารถบินเข้าไปแอบฟังคนอื่นคุยกันได้อย่างง่ายดาย
“อีกไม่นานการประลองจะเริ่มแล้ว ปีนี้สำนักไหนจะได้ที่ 1 กันนะ”
“ไม่รู้สิ ข้าได้ข่าวว่าปีนี้แม่นางเหมยลี่ก็เข้าร่วมนางนับว่าเก่งกาจ ไหนจะท่านผิงอานอันดับ 1 ปีที่แล้วอย่างเรา ๆ แค่ได้มอง” หูของลี่จือกระดิกอย่างตื่นเต้นการประลองแค่ชื่อก็รับรู้ได้ถึงความสนุกแล้ว ตนรีบบินกลับไปที่โต๊ะของชิงเหยียน
“ชิงเหยียนข้าไปได้ยินอะไรดี ๆ มาด้วย” ชิงเหยียนมองท่าทางตื่นเต้นของจิตวิญญาณตัวเล็กด้วยความสงสัย
“อะไรรึ ใช่เรื่องประลองไหม” ตั้งแต่มานั่งชิงเหยียนก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ ขยายการรับรู้ไปทั้งโรงเตี๊ยมได้ยินข้อมูลเรื่องการประลองเหมือนกันแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้สนใจมากนักจุดประสงค์การมาแคว้นนี้คือการมาโรงประมูล
“ใช่สิ เจ้าก็รู้แล้วรึ เจ้าจะลงหรือไม่”
“ไม่ได้เจ้าบอกจะมาแค่โรงประมูลเราไม่อนุญาต” เสียงทุ้มดังออกมาจากตุ๊กตาน้ำเสียงเรียบนิ่งแม้จะไม่เห็นหน้าตาที่แท้จริงแต่ชิงเหยียนก็สัมผัสได้ว่าผู้สูงศักดิ์คนนี้กำลังโกรธ
“เราก็คิดเช่นนั้นเราไปโรงประมูลแล้วรีบออกจากเมืองนี้กันเถอะ เราไม่อยากอยู่นานเท่าไหร่” ยิ่งอยู่เมืองนี้นานยิ่งหมายความว่าเวลาในการไปดินแดนปีศาจจะช้ากว่าจะได้กลับเมืองก็ยืดออกไปแม้ว่าจะฝากท่านเฉินกงไว้แล้วแต่ก็อดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้
“เอ๋ ก็ได้ ๆ” ลี่จือยอมแพ้เสี่ยวเอ้อก็เข้ามาวางอาหารพอดีกลิ่นหอมทำให้ชิงเหยียนตาเป็นประกาย ลี่จือบินเข้าไปใกล้ก่อนจะอ้าปากกัดเนื้อชิ้นใหญ่เข้าปากแต่บนจานกับไม่หายไปแบบนี้เหมือนลี่จือกินทิพย์ ในโต๊ะมีแค่ชิงเหยียนนั่งกินคนเดียว
ชิงเหยียนเดินไปทางโรงประมูลหลังจากที่ถามข้อมูลจากชาวบ้านโรงประมูลมู่ลี่เป็นโรงประมูลที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นเป็นที่รู้จักไปทั่วจะจัดเดือนละ 2 ครั้งเหล่าจอมเวท ขุนนาง พ่อค้าร่ำรวยต่างก็เข้าร่วมเพื่อหาสิ่งที่ถูกใจ อีกประมาณ 2 วันถึงจะถึงวันประมูล สาเหตุที่ชิงเหยียนมาก่อนเพื่อตรวจให้แน่ใจว่ามีสิ่งของที่ต้องการและเขาจะเอาหินพลังในน้ำตกมาประมูลด้วย
“คารวะนายท่าน โรงประมูลยังไม่เปิดเรียนถามนายท่านต้องการสิ่งใด” ผู้เฝ้าหน้าประตูพูดด้วยเสียงนอบน้อมตนสัมผัสได้ถึงพลังเวทสูงส่งมาจากบุคคลใต้เสื้อคลุม
“เรานำของมาประมูล”
“นายท่านโปรดตามข้าน้อยมาเลยขอรับ” ชิงเหยียนพยักหน้าเดินตามเข้าไปด้านในมองจากข้างนอกว่าใหญ่แล้วพอเดินเข้ามานอกจากความใหญ่ยังหรูหราชิงเหยียนมั่นใจว่าเจ้าของโรงประมูลนี้คงร่ำรวยไม่แพ้ผู้ใดในแคว้น
“คารวะนายท่านข้าเหอผิงเป็นผู้ตรวจสอบสินค้าที่เข้าร่วมประมูลของเรียนถามสิ่งใดที่ท่านประสงค์จะเข้าร่วม” ชายชรากล่าวด้วยท่าทีนอบน้อม ชิงเหยียนหยิบหินพลังออกมาจากมิติวางลงบนโต๊ะ หินสีฟ้าใสเป็นประกายแผ่เวทมหาศาลออกมาแม้ไม่ได้สัมผัสก็รับรู้ได้ถึงความล้ำค่า
“ช่างเป็นของที่ยอดเยี่ยมนัก เรียนถามมันคือสิ่งใดขอรับ” แววตาของชายชราเป็นประกายเป็นครั้งแรกที่เห็นหินพลังที่อัดแน่นขนาดนี้ไม่ต้องบอกว่าถ้านำไปฝึกจะก้าวกระโดดขนาดไหน
“หินพลังนี้สามารถฝึกได้ทุกธาตุ”
“นายท่านตั้งราคาเริ่มต้นไว้เท่าใดขอรับ” ชิงเหยียนเลิกคิ้วเมื่อได้รับคำถามลองเชิง
“ท่านเหอผิงคิดว่าเช่นไร” เสียงหวานราบเรียบทำให้ผู้เก่าแก่รู้สึกว่าร่างเล็กภายใต้เสื้อคลุมคนนี้ไม่ง่ายการตอบลองเชิงแบบนี้ถ้าตนเกิดกดราคาอีกฝ่ายคงจะหายออกไป แน่นอนว่าตนไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นหินนี่ดูท่าราคาคงสูง
“ข้าเริ่มต้นในราคา 20 ตำลึงทองท่านว่าเช่นไร” ชิงเหยียนแอบเบิกตากว้างในผ้าคลุมไม่คิดว่าราคาจะสูงขนาดนี้
“ตกลง”
“อัตราส่วน 8:2 นายท่านมีมันแค่นี้หรือขอรับ” เสียงคาดหวังชิงเหยียนหยิบออกมาจากมิติอีก 2 ก้อน ชายชรายิ่งตื่นเต้น
“ยินดียิ่งท่านรับใบนี้ไว้เมื่อถึงวันประมูลท่านจะได้ที่นั่งพิเศษ” ชิงเหยียนหยิบกระดาษแข็งขึ้นมาดูมันเป็นสีขาวแวววาวนับว่าเป็นของแพงสำหรับยุคนี้
“ได้ ข้ามีอีกเรื่องงานประมูลที่จะถึงมีสินค้าพวกนี้ไหม หญ้าสีเลือด เขาม้าโลกันตร์ พิษแมงมุมแม่ม่าย”
“โอ้ ท่านมาถูกเวลาเรามีหญ้าสีเลือด” ชิงเหยียนยิ้มอย่างโล่งอกอย่างน้อยก็มีแล้ว 1 ถ้านับเรื่องเงินที่จะได้จากหินน่าจะมากพอจนซื้อหญ้าได้
“แล้วเราจะมาใหม่เมื่อถึงวันงาน” ร่างภายใต้เสื้อคลุมหายวับไปต่อหน้าต่อตาเหลือเพียงหินสีฟ้าใสส่องเป็นประกาย
----------------------------
ท่านพี่หนิงหลงอยู่ในร่างไม้ไปก่อนนะ