ในมุมหนึ่งของห้องนอนสีหวานโทนชมพู หญิงสาวรูปร่างผอมบางผิวขาวอมชมพู ริมฝีปากบางเฉียบได้รูป จมูกเชิดรั้น แก้มใสจนเห็นเส้นเลือดฝอย รวม ๆ แล้วจัดว่าสวยเฉิดฉาย กำลังนั่งอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยในฝัน เฮ๊อ...เหนื่อยสมองจัง ดูซีรีย์ซักหน่อยดีก่า ขอผ่อนคลายแป๊บเดียวน๊า…เดี๋ยวน้องนุชจะกลับมาอ่านวิชาการใหม่นะคะ หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
..หมวยน้อย นอนได้แล้วลูกอย่ามัวแต่ดูซีรีย์ ถ้าคะแนนตก ไม่ถึงเกณฑ์เข้าสาขาในฝันม๊าไม่รู้ด้วยน๊า... (เสียงตะโกนจากอีกฝั่งของประตูห้อง) นุชธิดาคิดในใจแล้วรีบขานรับมารดาไป …ค่าหม่าม๊า เดี๋ยวหนูจะนอนแล้วค่า.. เสียงเจื้อยแจ้วของสองแม่ลูกที่สนทนาโต้ตอบกันข้ามประตูห้องนอน ส่วนใครอีกคนที่ฟังอยู่ได้แต่ทอดถอนใจแต่ไม่กล้าดุทั้งแม่และลูก เฮ๊อ...เดี๋ยวลูกกับเมียป๊าก็โตแล้ว ทนอีกนิด ???
.............................................
อีกด้าน
..เอิ้ก ฮ่ะ ฮ่ะ.. คนตัวเล็กหัวเราะร่วนขณะดูการ์ตูณในโทรศัพท์มือถือ อ๊ะ! จิ๊ดริ๊ด อย่าหยุมหัว ปล่อยก่อน โอ๊ย......
"เตยถ้าอยากเรียนคณะนี้ต้องตั้งใจนะ ต้องอ่านหนังสือ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย ไม่ใช่เล่นแต่มือถือ ดูการ์ตูณไร้สาระไปวัน ๆ ..." เสียงคนพี่ที่มักจะพูดกรอกหูคนน้องอยู่เสมอ ๆ
"เจ้าค่า น้องเข้าใจแล้วค่ะ มีพี่ชายเป็นตัวอย่างอยู่นี่ไง" คนน้องก็จะตอบแบบนี้เสมอ ๆ
"เฮ๊อ..อย่ามาทำเป็นพูดดี ไม่ใช่เรียนดีแล้วจะรอดเสมอไป มันก็มีบทบู้เหมือนกัน อีกอย่างสุขภาพต้องแข็งแรง ต้องพร้อมด้วย นี่ไรผอมแห้ง จะไหวมั๊ย?" คนพี่บ่นไปด้วยความเป็นห่วง
"โว๊ะ หนูไม่ได้ไปต่อยมวยซ๊ะหน่อย จะต้องฟิตร่างกายอะไรขนาดน๊าน"
"เฮ๊อ พี่จะบอก..ว่าการกินอาหารและออกกำลังกายมันสำคัญมากนะ แล้วก็พักผ่อนให้เพียงพอ อ่อทำสมาธิด้วย" คนพี่ก็บอกไปบ่นไปในขณะที่มือก็ทำอาหารไป
"น้องคะแนนดีอยู่แล้ว แข็งแรงด้วย" น้องน้อยเถียงกลับตาใส
"เออ รู้ว่าเรียนเก่งแต่ถ้าเรียนไปแล้วสุขภาพไม่ไหวก็ล้มได้เหมือนกันนะพี่จะบอกไว้ก่อน"
"เจ้าค่ะ เชื่อแล้วเจ้าค่ะ"
.................................................
แล้ววันที่รอคอยก็มาถึง
“ม๊า ป๊า หนูติดคณะบริหาร มหาวิทยาลัยเดียวกันกับยัยต้องตาแล้วค่ะ ดีใจจัง” นุชธิดาร้องเรียกบิดามารดาด้วยความดีใจสุดฤทธิ์ เพราะใด ๆ ก็แล้วแต่มีนุช ต้องมีต้อง สำหรับสองคนนี้นางจะไม่ยอมพรากจากกัน
“อ้อ จ้า..ลูก ยินดีด้วยกับว่าที่นิสิตใหม่ด้วยนะค๊า/เก่งมากค่ะลูกสาวป๊า” ธิดารัตน์ยินดีด้วยกับลูกสาวและโอบกอดลูกสาวไว้อย่างอบอุ่น ตามด้วยเขตแดนที่ตามมากอดสองแม่ลูกอีกชั้นหนึ่ง
อีกด้าน--
"พี่ข้าว พี่ข้าว หนูติดคณะสัตวแพทย์แล้ว" ใบเตยวิ่งตั่ก ตั่ก ตั่ก มาหาพี่ชาย "เออ พี่รู้แล้ว ดีใจด้วยนะว่าที่นิสิตใหม่" ต้นข้าวพูดยิ้ม ๆ ลึก ๆ ก็ภูมิใจแหละ "สบายใจยัง?" คนน้องถามพี่ชายอย่างล้อเลียน "นี่แค่เริ่มต้น เรายังต้องเจออะไรอีกเยอะ อย่าชะล่าใจไป" ใบเตยผงกหัวรับรู้ความในที่คนพี่ส่งมาทั้งหมดด้วยดวงตาวาวสดใส "หึหึ" คนพี่วางมือบนศีรษะทุยคนน้องโยกไปมาเบา ๆ
.......................................
@มหาวิทยาลัยJ คณะสัตวแพทยศาสตร์
zzzzz (เด็กใหม่คนนั้นแจ๋มว่ะ นั่นคนตัวเล็กแม่งน่ารัก สัด เฮ๊ยนี่นี่นี่แต่กุว่าคนที่ตัวสูง ๆ หน่อยแม่งเด็ดว่ะ หมวยหน่อย ๆ ถูกใจกุฉิบ)
ใบเตยที่นั่งอยู่บริเวณนั้นได้ยินมันชัดเจน เธอมองแรงตอบกลับไป และเดินไปหายัยสองสาวที่ถูกไอ้พวกชอบสอดส่องทำปากแจ๋วใส่อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
"นี่เธอสองคนอยู่คณะนี้เหรอ มาทำไรแถวนี้น่ะ?" ใบเตยถามอย่างสงสัย
"อ๋อ เราอยากมาดูคณะที่เราอยากเข้าน่ะ แต่ไม่มีโอกาส" ต้องตาพูดเนือย ๆ หญิงสาวตัวสูงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ลูบหลังผู้หญิงตัวเล็กน่ารักอย่างอ่อนโยน
"เหรอ งั้นเราพาทัวร์นะ แฮ่ ๆ เราก็ไม่ค่อยรู้จักหรอก แต่เคยมากับพี่ชายบ้างน่ะ เราก็เพิ่งเข้าปีหนึ่งเหมือนกันคณะนี้แหละ มาดิ่เราจะพาไป" ทั้งสามสาวเดินเที่ยวชมจุดนี้จุดนั้นไปเรื่อย ๆ เพราะเป็นชั่วโมงโฮมรูมอนุญาตนักศึกษาได้ออกนอกห้องเรียนได้
"เราชื่อใบเตยนะ พวกเธอล่ะ?"
"ฉันชื่อต้องตา..ส่วนยัยหมวยโย่งนี่ชื่อนุช-นุชธิดา น่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ" ต้องตายิ้มให้เพื่อนใหม่จนตาหยี หลังจากนั้นในชั่วโมงพักเที่ยงสองสาวก็มักจะมากินข้าวที่คณะของเพื่อนใหม่อยู่บ่อย ๆ เนื่องจากข้าวมันไก่รสเลิศมาก
..................................
@โรงอาหาร คณะสัตวแพทย์ศาสตร์
"ยัยต้องยัยนุช ทางนี้ ทางนี้" ใบเตยโบกไม้โบกมือเรียกเพื่อนสาวต่างขณะทั้งสองที่ตรงมาทางโรงอาหาร
นี่พี่ชายเราชื่อพี่ต้นข้าวนะ จบสัตวแพทย์ เป็นศิษย์เก่าที่นี่ พอดีมาช่วยอาจารย์เรื่องโครงการน่ะ
"สวัสดีค่ะ/สวัสดีค่ะ" สองสาวยกมือไหว้ผู้มีอาวุโสกว่า
"สวัสดีครับ" ชายหนุ่มรับไหว้สองสาวตามารยาท แต่มีบางอย่างที่รู้สึกสะกิดใจเมื่อเห็นหน้าสาวหมวยตัวค่อนข้างสูงคนหนึ่ง ทั้งที่เป็นการพบหน้ากันครั้งแรก ใช่เขามั่นใจว่าไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน
"แกกินข้าวมันไก่ใช่มั๊ย นุช แล้วแกล่ะ ต้อง เอาไร" ใบเตยถามไถ่ในฐานะเจ้าถิ่น
"เอาเหมือนนุชเลย ตั้งใจมาเพราะมันคุยโวไว้นี่แหละ บอกว่าน้ำซุปอร่อยเวอร์ ก็เลยต้องมาลองซักนิดนึง"
"ได้ จัดให้ มีเจ้ามือจ่าย..ปะพี่ข้าวไปช่วยหนูถือ จ่ายตังค์ให้ด้วย" ประโยคแรกใบเตยบอกเพื่อนสาว ประโยคหลังเรียกพี่ชายสุดที่รัก
"อือ นำไปดิ่"
"เดี๋ยวนุชไปช่วยถือ จะไปกำกับแม่ค้าหน่อยขอน้ำซุปเยอะ ๆ น่ะ" นุชธิดารีบชิงโอกาสเพราะไม่อยากนั่งเฝ้าโต๊ะ
"ส่วนแก คุณหนูต้องตา นั่งเฝ้าโต๊ะไปเลย แล้วอย่าใครมาแย่งที่นั่งล่ะ อ้ออย่าให้ใครมาจีบด้วย! ฉันขี้เกียจถูกพี่แกซัก" พูดจบนางก็เดินตัวปลิวสวยตามเพื่อนสาวเจ้าถิ่นไป คำพูดของสาวเจ้าเมื่อสักครูทำให้สัตวแพทย์หนุ่มเอะใจเล็กน้อยถึงความสัมพันธ์ของสองสาวว่าเป็นอย่างไรกันแน่??...ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ และลงมือกินอาหารของตนอย่างเงียบ ๆ
"อื้ม อร่อยจริงไรจริง อย่างที่มันคุยโวไว้อยู่" ต้องตาเปรย ๆ ขึ้นหลังจากกินไปได้ไม่กี่คำ
"แกกินให้หมด ข้าวทุกจานอาหารทุกอย่างอย่ากินทิ้งขว้าง เป็นของมีค่า กินให้หมดเดี๋ยวนี้ยัยคุณหนู ผักด้วย ผักมีประโยชน์ กินเข้าไป" นุชธิดาปากก็พูดไปมือก็ป้อนผักสดใสปากเพื่อนรักไป
"พอแล้วฉันเคี้ยวไม่ทัน" ต้องตาประท้วง ทำเอาคนตัวโตอดยิ้มขำไม่ได้ โดยที่ใบเตยแอบสังเกตอาการของพี่ชายอยู่ตลอด 《เอ๋ น่าจะเป็นยัยต้องนะ ตัวเล็กน่ารัก ยัยนุชคงไม่น่ะ จะเป็นใครก็ได้ฉันปลื้มหมด》ใบเตยคิดในใจ และเผลอหัวเราะ หึหึ ออกมา
"ไรแก มีไรขำ" นุชธิดาเอ่ยถามไม่จริงจัง
"เปล๊า ไม่มี กินไป อร่อยไม่ใช่?"
"อือ อร่อย จะกินให้เกลี้ยงเลย" หึหึ สองสาวหัวเราะขึ้นพร้อมกันและกินอาหารตรงหน้าจนหมด