ตอนที่ 9

1287 คำ
“นี่มันอะไรกันพี่ภาวัน” เฟื่องฟ้าถามคู่หมั้นน้องสาว คนที่เอาปืนจี้หน้าอาชว์น่าจะเป็นนายเข้มบิดาเธอมากกว่าเพราะว่าไอ้คนบ้าหน้าตาย หน้านิ่งได้ไม่กลัวตายแม้ปืนจ่อหัวอยู่นั่นข่มขืนลูกสาว แล้วมันเรื่องอะไรกันที่ภาวันเอาปืนจ่อหัวเขา “ก็พี่เห็นกับตาว่าไอ้นี่มันออกมาจากห้องดาวเรือง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามันไปนอนกับดาวเรือง ไอ้เลวเอ๊ย หน้าตายแบบนี้มึงทำจริงเถียงไม่ออกใช่ไหม มึงไม่ตายอย่าเรียกกูภาวันเลย ดาวเรืองถอยไปถ้าไม่อยากโดนลูกหลง” “อย่านะพี่ภาวัน ดาวเรืองบอกแล้วว่าไม่ใช่ก็ไม่เชื่อ ไม่รู้จะพูดว่าอะไรอีกพี่คิดจะฆ่าคนได้ยังไง ใจเย็นๆ เถอะ พี่กำลังเข้าใจผิดนะ” เสียงดาวเรืองบอกคู่หมั้น นายเข้มเอง นางมะลิเองก็คอยห้ามปรามให้ตกลงกันก่อน ดูเหมือนทุกคนจะห้ามปรามภาวัน ยกเว้นอาชว์เองที่ไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ เอาแต่ยืนนิ่งอยู่ เฟื่องฟ้ามองกระเป๋าสตางค์ในมือของตัวเองที่เธอคงไม่มีสติดีนักตอนสวมชุดเมื่อจะออกมาจึงถือออกมาด้วย ว่าที่น้องเขยเธอเป็นคนนิสัยมุทะลุ เป็นนักเลงหัวไม้ ที่มีคดีตีรันฟันแทงไปทั่ว บารมีของบิดาทำให้ภาวันทำอะไรไม่แคร์กฎหมาย ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเขากล้าเหนี่ยวไกยิงอาชว์แน่ เฟื่องฟ้ากัดริมฝีปาก เธอควรช่วยเขาดีไหม ควรบอกทุกคนไปหรือไม่ว่าคนที่อาชว์บุกเข้าหาที่ห้องคือเธอ หรือว่าจะปล่อยให้เขาถูกยิงตายเพื่อให้ทุกอย่างเป็นความลับไปตลอดกาล ชั่ววูบหนึ่งที่ความรู้สึกโกรธเกลียดเกิดขึ้น แต่อีกเสี้ยวในใจก็ยังมีความเมตตาแก่เขา เขาก็ไม่สมควรมาตายเพราะเธอเก็บงำบางสิ่งเอาไว้ หญิงสาวตัดสินใจที่จะพูด ทั้งๆ ที่รู้ว่าอะไรหลายๆ อย่างอาจจะเปลี่ยนไปตลอดกาลหลังจากได้ช่วยชีวิตอาชว์ไว้ “พี่ภาวัน วางปืนลงเดี๋ยวนี้ ห้ามยิงเขาเพราะหึงหน้ามืดบ้าบออะไรอย่างที่พี่บอกเพราะว่าเขาออกมาจากห้องของฟ้าไม่ได้ออกมาจากห้องของดาวเรือง” เสียงที่ดังแทรกขึ้นมาทำเอาทุกคนเงียบงัน เฟื่องฟ้าไม่ได้ห้ามเฉยๆ แต่สิ่งที่เธอบอกทำให้ภาวันวางปืนลงอย่างนิ่งอึ้ง เพราะเฟื่องฟ้าเองเป็นคนที่วางตัวดีและหลายๆ คนที่รู้จักจะนับถือและเชื่อมั่นในคำพูดของหญิงสาว ว่าที่น้องเขยอย่างภาวันก็เป็นหนึ่งในนั้น อาชว์มีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าจะเอะใจว่าไม่ใช่ดาวเรืองก็ต้องเป็นเธอ แต่การที่เธอประกาศตรงนี้มันทำให้เขารู้สึกแย่ หลังจากที่สุขสมกับเธอมาทั้งคืนจนคิดว่าคงไม่ได้ลืมความสุขนั้นไปง่ายๆ แต่เรื่องเข้าใจผิดเรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้นนี้คงทำให้เขาลืมไม่ลงไปชั่วชีวิตพอกัน “ฟ้า หมายความว่ายังไงลูก” เข้มถามเหมือนไม่อยากจะเชื่อ “เรื่องนี้ฟ้าขอเคลียร์กับเขาเองค่ะพ่อ พ่อพาแม่ไปที่ห้องอาหารก่อนเถอะค่ะ ฟ้าจัดการเอง ส่วนพี่ภาวันกับดาวเรืองฟ้าคิดว่าทั้งสองน่าจะต้องไปคุยกันเองเรื่องความเข้าใจผิด แต่ขออย่างหนึ่งเถอะพี่ภาวันปืนผาหน้าไม้อย่าถือเข้ามาบ้านนี้เลย ไม่รู้จะเอามาเพื่ออะไร” อาชว์มองผู้เสียหายที่ควรจะบีบหยดน้ำตาร้องไห้เรื่องเมื่อคืนยืนสั่งการและสั่งสอนว่าที่น้องเขยซึ่งท่าทางอายุมากกว่าเธอแบบอึ้งรอบสอง เห็นชัดว่าหญิงสาวเป็นคนที่ทุกคนเชื่อมั่นยึดถือและเคารพในการตัดสินใจ ขนาดว่ามีเรื่องเสียหายกับเขาเธอยังบอกพ่อแม่ว่าจะจัดการเอง หลังจากต่อว่าไปและได้ฟังคำขอโทษจากภาวันแล้วเฟื่องฟ้าหันมาบอกคนที่ยืนทอดสายตาหาความหมายยากมองเธอ ดวงหน้าหวานขุ่นขึ้งเล็กน้อยยามสบตากับเขา “ส่วนคุณอาชว์ ฉันคิดว่าเราสองคนต้องคุยกัน” “แน่นอน ผมว่าเราต้องคุยกัน ตรงนี้เลยเป็นไง” อาชว์หันมาสนใจเธอเพียงคนเดียวหลังจากเข้าเรื่อง เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น อาชว์ยินดีรับผิดชอบกับการกระทำของเขาอย่างไม่เกี่ยงงอน แม้ว่าเขาไม่ได้เตรียมพร้อมจะพบเจอกับเรื่องแบบนี้เลยก็ตาม “ไม่ เราจะคุยกันสองคน” เฟื่องฟ้ามองหาที่ซึ่งดูเป็นส่วนตัว เพราะรอบข้างมีคนที่ยืนมองเธอกับอาชว์อยู่เหมือนไม่ได้ตัดสินใจจะแยกย้ายไปไหน เฟื่องฟ้าพอจะเดาอะไรได้บ้างแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นจากการที่ภาวันโวยวายดาวเรือง และเธอคิดว่าเรื่องเมื่อคืนเธอกับเขาต้องคุยกันสองคนเพื่อให้เรื่องมันจบ “แน่ใจหรือไง” อาชว์เลิกคิ้ว เสไปมองเข้มกับมะลิอย่างเกรงใจ แม้อาชว์เป็นเจ้านาย แต่พวกเขาก็เป็นพ่อแม่ของเฟื่องฟ้า คนอื่นก็ดูเหมือนอยากรู้เรื่องแต่ไม่กล้าถามเฟื่องฟ้าแบบอาชว์จึงได้แต่มองมาที่เฟื่องฟ้าอย่างมีความหวังว่าจะให้พวกเขารู้เรื่องด้วยได้หรือไม่ “แน่ใจค่ะ ฉันว่าเราน่าจะไปคุยกันที่...” เธอกำลังมองหาว่าจะไปที่ใดดีถึงจะเหมาะสม แน่นอนว่าเธอไม่เลือกในห้องของเธอหรือว่าที่ที่จะมีใครมาได้ยินได้ “ไปคุยกันที่รถของผม ตกลงมั้ย” ดวงตาคู่คมมองไปยังรถสปอร์ตที่จอดเรียงรายคู่กับรถคันอื่นอยู่ หญิงสาวพยักหน้าเห็นด้วย อาชว์จึงค้อมหัวขออนุญาตเข้มกับมะลิเพื่อพาลูกสาวของทั้งคู่ไปที่รถ อาชว์เปิดประตูรถให้หญิงสาวก่อน เขาเลือกที่จะเปิดประตูด้านหลังให้เธอ หญิงสาวสบตาเขาด้วยดวงตาที่ค่อนข้างเฉยเมย เธอเข้าไปในรถ แล้วอาชว์ก็สตาร์ทรถจากประตูหน้า ก่อนจะก้าวเข้ามานั่งข้างๆ เธอ แม้ระยะห่างจะค่อนข้างมีพอควรแต่สายตาชวนอึดอัดของเขาที่มองมายังตัวเธอก่อนจะเลยขึ้นมาสบตาเธอนั้นทำให้เฟื่องฟ้าถลึงตาใส่เขาอย่างเคืองขุ่นทันควัน “อย่ามามองฉันอย่างนั้นนะ คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะทำให้ฉันเสียหายต่อไปอีก แม้แต่สายตาของคุณก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมองลวนลามแล้วคิดลามกกับฉัน” เสียงห้วนๆ ทำให้คนที่มองหน้าเธอแล้วคิดไม่ซื่อ หัววกวนไปถึงแต่เรื่องเร่าร้อนเมื่อคืนกลืนน้ำลายลงคอเงียบๆ กวาดตาจากหน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลงมามองมองใบหน้าที่รู้ทันอย่างพึงใจ เธอยังสวยหวานแม้ยามเพิ่งตื่นแม้ไม่ได้แต่งหน้าค่าตา ทรงผมถูกปล่อยสยายยาวเหยียดถึงกลางหลัง เส้นผมดำขลับเป็นลอนๆ เพราะการมัดหรือการนอนกดทับก็ไม่แน่ใจ แต่มันทำให้หน้าเธอดูสวย อาชว์กำลังคิดว่าเมื่อคืนเขาใจร้อนมากไป เขาน่าจะเสียเวลาสักเสี้ยวนาทีมองหน้าเธอในช่วงที่กำลังเร่าร้อนสุดขีดเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่าเธอเป็นคนเดียวกันกับผู้หญิงที่เอาแต่ถลึงตาทำหน้าบึ้งเชิดหน้าเหมือนเขากำลังขอส่วนบุญอยู่นี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม