กัณภัคเองก็สำลักจนหน้าดำหน้าแดง ให้ตายเถอะ เธอไม่น่าพูดนำเลย ขำจนแสบคอแสบจมูกไปหมด
“ไปกินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่ารู้สึกจะเยอะเหลือเกินนะคะวันนี้”
คุณหมอสาวแม้จะเขินแต่ก็อดเหน็บอีกคนไม่ได้ ไม่รู้คลึ้มอกคลึ้มใจอะไรมาเล่นมุขกลางวงกินนี่
“สงสัยอากาศมันแปรปรวนมั้งคะ” ฮ่ะ ๆ
“อืมเห็นด้วยค่ะอากาศกำลังแปรปรวน แบบนี้มีสิทธิ์ไม่สบายได้นะพี่ว่ามั้ย”
กรนันท์เอ่ยขึ้นพยายามกลั้นยิ้มเต็มที่ และอีกคนก็รับมุขได้ใจจริง ๆ
“ไม่สบายก็นี่ไงคะหมอ”
ฮ่า ๆ
“ยัง ๆ ยังเล่นไม่หยุดอีกนะคุณเนี่ยไนซ์เอาอะไรให้พี่เรากิน ถึงได้อาการกำเริบแบบนี้ฮึ”
คิก ๆ
“อาการรักเหรอพี่หมอ ไนซ์ไม่เกี่ยวนะคะ”
นั่นเอาเข้าไปแต่ละคนเพิ่งจะรู้ว่าเนย่ารู้สึกยังไงก็ตอนนี้แหละ อาหารกลางวันที่เต็มไปด้วยบรรยากาศทั้งขำทั้งฮาทั้งเขิน กว่าจะจบลงได้ก็บ่ายคล้อยไปเยอะ
“ม่อนปีนต้นมะพร้าวไหวหรือเปล่ากินอิ่ม ๆ น่ะ ไปตัดก้านมะพร้าวมาจะได้สร้างกำบังลม พวกพี่จะไปตัดเอาพวกต้นไม้เล็ก ๆ มาเสริมทับกัน”
กัณภัคบอกกับน้องหลังจัดการมื้ออาหารจนอิ่มหนำ ก็ได้เวลาทำงานกันต่อ
“ได้อยู่พี่เดี๋ยวหาต้นเตี้ย ๆ หน่อยเอาเยอะมั้ยล่ะ”
“สักสิบยี่สิบก้านโน่นแหละ เอาลงมาเหอะเดี๋ยวไปช่วยลาก”
“จัดไปค่ะ”
มณนิชาแยกตัวไปตัดก้านมะพร้าวส่วนพี่ ๆ ที่เหลือก็มุ่งเข้าไปแนวป่าช่วยกันเก็บเอาใบตองมามุงหลังคาอีกชั้นกันฝนรั่ว
“คงจะตกชัวร์แน่เลยค่ะ ดูมดพวกนี้คาบไข่เตรียมหนีน้ำกันแล้ว”
กัณภัคชี้ให้ทุกคนดูมดดำที่เดินกันเป็นสายยาวขึ้นไปตามต้นไม้
“งั้นเราก็รีบกันเหอะ เผื่อเทกระจาดลงมาก่อนมืดจะลำบาก”
ทุกคนต่างเร่งมือช่วยกันขนพวกกิ่งไม้เล็ก ๆ ออกมาไว้แล้วก็เข้าไปช่วยกันเก็บใบตอง งานเริ่มเร่งแข่งกับสภาพท้องฟ้าที่เหมือนกลุ่มเมฆเริ่มตั้งเค้ามาบ้างแล้ว กำบังลมถูกสร้างขึ้นง่าย ๆ แต่เน้นความแข็งแรงเพื่อต้านลมได้
ก้านมะพร้าวหลายสิบก้านถูกตั้งชันและมัดเข้ากับคานไม้ไผ่ และทาบซ้อนด้วยต้นไม้เล็กเป็นพุ่มยัดซ้อนกัน จนกลายเป็นกำแพงยาวเกือบสามเมตร
“เท่านี้ก็น่าจะเป็นกันสาดให้เราได้แล้วนะ”
สาว ๆ มองผลงานพร้อมกับยิ้มให้กันก่อนที่จะจัดการช่วยกันเอาตับใบตองขึ้นมุงหลังคากระท่อมทั้งสองให้หนาขึ้นอีกชั้น
“เรียบร้อย ใครจะข้ามไปอาบน้ำฝั่งนั้นหรือจะรออาบน้ำฝนกัน”
อัญญาวีถามขึ้นเมื่องานเสร็จทันก่อนที่ฝนจะเทลงมา
“รออาบน้ำฝนก็ไม่เลวนะพี่”
“ถ้างั้นตอนนี้ยังมีเวลาเราทำอาหารกันไว้ก่อนดีมั้ย ถ้าฝนตกมาไฟก็ใช้ไม่ได้แล้วนะ”
กิ่งกานต์แนะนำ
“ถ้างั้นเอาเมนูง่าย ๆ แล้วกันนะเอาปูมาย่างกับต้มมันนกนี่ก็พอ มื้อเย็นกินแค่นี้คงพอแล้วล่ะ ส่วนลูกก่อเอาไว้ต้มพรุ่งนี้แล้วกัน”
เมื่อสรุปกันได้ต่างก็แยกย้ายช่วยกันจัดการกับอาหารให้เสร็จโดยเร็ว
“ตอนนี้มันน่าจะกี่โมงแล้วนะห้าโมงได้มั้ย ตอนเรากินมื้อกลางวันเสร็จตะวันมันลงประมาณนี้”
กัณภัคพูดขึ้นมาขณะพากันย่างปู
“น่าจะประมาณนั้นล่ะเมฆคลึ้มมาเชียว”
ณัฐพัชมองดูฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำมาเรื่อย ๆ
“เสร็จแล้วอาหารเอาเข้าเก็บไว้ในกระท่อมกันเลยนะ แล้วโต๊ะกินข้าวเราก็ย้ายมาไว้ใต้ถุนนี่ หรือใครหิวจะกินกันเลยก็ได้ถ้าฝนตกหนักเราคงก่อไฟไม่ได้”
พี่ใหญ่บอกกับน้อง ๆ
“ไนซ์จะกินตอนนี้เลยเหรอ?”
เนย่าถามคนที่กำลังปอกเปลือกมันใส่กะลามะพร้าว
“ยังค่ะแต่ปอกไว้ก่อน ถ้าไม่มีแสงสว่างก็หยิบเข้าปากเลยง่ายดี”
“ถ้างั้นปูพวกนี้เราก็แกะเอาแต่เนื้อเลยแล้วกันนะ หิวก็จะได้กินเลย”
เรวิกาเสนอบ้างและทุกคนก็เห็นด้วยอาหารสองอย่างถูกจัดการให้เหลือเพียงส่วนที่กินได้ และจากนั้นไม่นานฝนห่าใหญ่ก็เทลงมายังกับฟ้ารั่ว
“อู้วเย็นชื่นใจจริง ๆ ไม่ได้เล่นน้ำฝนมานานแล้วนะเนี่ย”
นรากรกล่าวขึ้นพลางแหงนหน้ารับหยาดฝนที่เทลงมา พวกเธอคิดถูกที่สร้างกำบังลมเพราะด้านนี้ลมทะเลพัดแรง สาดเข้าหากระท่อมจริง ๆ
“พี่ไนซ์ไม่ได้สาบถสาบานอะไรไว้นะพี่ ฟ้าแรงนะนั่น”
ฮ่ะ ๆ
“เฮ้ย! ไม่เคยมีประวัติไอ้น้อง เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่ใจไม่ใช่คำสาบาน หึ ๆ”
“อย่าเล่นน้ำฝนกันเพลินนะเด็ก ๆ เดี๋ยวหมอพี่ เอ้ย พี่หมอจะงานเข้าไม่สบายมาจะลำบากนะ”
“โห่วันนี้พี่เราเอาทุกช๊อตจริง ๆ เลยน๊า พี่หมอใส่อะไรมากกว่าใจลงในอาหารหรือเปล่าเนี่ย”
เฮ้วว ฮ่า ๆ
กิ่งกานต์ส่ายหัวจนไม่รู้จะพูดยังไงกับคู่บัดดี้ตัวเอง วันนี้ไม่รู้กินอะไรผิดมาถึงได้หยอดกันเรี่ยราดแบบนี้
เนย่าก็ทั้งเข้าใจพี่หมอทั้งขำมุขพี่สาวอีกคน ไม่ได้หนีกันกับคนของเธอเลย เหมือนกินยาชนิดเดียวกันมาไม่ผิด
“จับแยกมั้ยเนย่าเป็นเพราะปล่อยให้อยู่ด้วยกันมากไปหรือเปล่า ไหลซึมเข้าเส้นเลือดหมดทุกคนแล้วมั้งน่ะ”
คุณหมอสาวพูดขึ้นมาด้วยความหมั่นไส้
“อุ๊ย! ทำแบบนั้นไม่ได้สิพี่หมอถ้าเราจับแยกก็เข้าทางเขาเลยสิคะ ตอนนี้พวกเขานอนด้วยกันนะพี่ ถ้าจับแยกไม่กลายเป็นมานอนกับเราเหรอคะ”
“เออนะพี่ก็ลืมไป หึ ๆ งั้นปล่อยให้เกาะกันอยู่แบบนั้นแหละ”
“ทุกวันพี่อัญก็ไม่เห็นจะเป็นแบบนี้นะคะ แต่วันนี้แปลกจริง ๆ นั่นแหละ มีอะไรสะกิดพี่เขาหรือเปล่าคะ”
เรวิกาอดที่จะตั้งคำถามขึ้นมาไม่ได้
“นั่นสิพี่หมอ เมื่อวานพวกพี่เข้าป่ากันสองคนเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”
ชาลิศาเอ่ยเย้ารุ่นพี่ไปด้วย
“ทุกวันก็ไม่ใช่แบบนี้นะ พี่ถึงแปลกใจนี่ไงว่าไปกินอะไรผิดสำแดงมาน่ะ”
ทั้งสี่สาวที่หลบเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าในกระท่อม ก็คุยกันไปด้วยในเมื่อฝนข้างนอกยังตกหนัก พวกเธอก็ต้องหลบอยู่แต่ในนี้แหละ
“อ้าว แล้วนี่พี่นันท์ยังไม่มาเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกเหรอคะ”
เนย่านึกถึงพี่สาวอีกคนที่นอนด้วยกันกับพวกเธอ
“เดี๋ยวนะ เป้พี่เขาไม่อยู่ นี่เตรียมการอะไรกันหรือเปล่าเนี่ยสงสัยย้ายไปชุมนุมกันที่กระท่อมหลังนั้นแน่ ๆ เลยค่ะ”
ชาลิศาเอ่ยขึ้นให้สามสาวทำหน้าคิดตาม
“ไม่น่าไว้ใจนะเนี่ยแล้วพี่ใหญ่นั่นจะพาน้อง ๆ ทำอะไรพิเรนทร์กันหรือเปล่า”
คิก ๆ
“พี่หมอพูดเหมือนพวกเขาจะวางแผนทำมิดีมิร้ายพวกเรายังงั้นแหละ”
เนย่าอดขำกับคำพูดพี่ไม่ได้ถึงแต่ละคนจะดูกะล่อนเจ้าเล่ห์ แต่ก็คงไม่บ้าทำอะไรแบบนั้นหรอกมั้ง ก็นี่มาถ่ายรายการนะไม่ใช่ว่าติดเกาะจริง ๆ
หึ ๆ “ไม่ได้กลัวเรื่องนั้นหรอกค่ะ แต่ไม่รู้ไปประชุมเพลิงคิดทำอะไรกันประหลาด ๆ หรือเปล่า”
“คงมีอะไรอยากจะคุยกันละมั้งคะพวกเราก็เห็นอยู่ ว่าหกคนนั่นเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยยังกับพี่น้องท้องเดียวกัน”
“แบมก็คิดเหมือนเรนั่นแหละ จะพาเด็กม่อนเสียคนก็ตอนนี้ละมั้ง”
“ห่วงน้องขนาดนั้นเชียว”
เนย่าแซวเพื่อนนางร้ายทันที เมื่ออีกคนเผลอบ่นไปถึงคู่บัดดี้อายุน้อย
“ก็น้องมันยังเด็กอยู่นะ ยังไม่สมควรจะแก่แดดแก่ลมเรื่องแบบนี้ว่ามั้ยล่ะ”
“อืม 24 นี่ก็ไม่เด็กแล้วนะแบมรู้เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ได้แล้ว”
“นั่นสิ ที่สำคัญกินเด็กจะทำให้ดูอ่อนกว่าวัยนะ”
คิก ๆ ๆ
“แหม ได้ทีนี่เอาใหญ่เลยนะจ๊ะเนย่า”
ชาลิศาส่งค้อนเล็ก ๆ ให้เพื่อนเมื่อเป็นคราวตัวเองโดนล้อบ้าง ให้ทั้งสามสาวขำไปด้วยงานนี้สงสัยจะโดนกันถ้วนหน้า
ส่วนอีกกระท่อมที่คืนนี้มีสมาชิกเข้ามาเสริมอีกหนึ่งคน ก็ไม่ได้ทำให้พื้นที่คับแคบลงสักเท่าไหร หลังพากันเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็จัดการอาหารค่ำต่อทันทีเพราะตอนนี้ยังพอมีแสงสลัวอยู่บ้าง
“พี่อัญน้องถามจริง ๆ นะ พี่จริงจังหรือเล่นคะ”
กรนันท์ที่ลงทุนเนรเทศตัวเองมาเพื่อคำถามนี้โดยเฉพาะ
“หืม หมายถึงเรื่องหมอกิ่งน่ะเหรอ”
พี่สาวคนฉลาดก็ถามกลับด้วยรอยยิ้ม
“ใช่ค่ะตกลงยังไงคะพี่ ปกติไม่เห็นหยอดแบบนี้นี่นา”
นรากรถามบ้างเพราะอยากรู้เหมือนกัน
หึ ๆ
“พี่น่ะจริงจังอยู่แล้วถ้าหมอเขาเล่นด้วยอะนะ ที่เห็นแปลก ๆ วันนี้ก็พี่เพิ่งรู้พร้อมพวกเราเมื่อเช้านั่นไง ที่หมอบอกหมอไม่มีห่วงถึงไปอยู่ที่ลำบากบนดอยได้ ก็แสดงว่าหมอไม่มีแฟนใช่มั้ยเพราะถ้ามีแฟน พี่คิดว่าคนรักที่ไหนจะยอมให้แฟนตัวเองไปอยู่แบบนั้นแล้วยิ่งเป็นผู้หญิงด้วย”
“โอ้โหวิเคราะห์ได้เด็ดขาดเลยพี่ แล้วถ้าพี่หมอเล่นด้วยละคะ พี่อัญจะหอบผ้าตามขึ้นไปอยู่บนดอยด้วยหรือเปล่า”
มณนิชาถามขึ้นบ้างให้รุ่นพี่พยักหน้าทันทีเหมือนกัน
“ไปสิ เรื่องอะไรจะปล่อยแฟนตัวเองไปลำบากคนเดียวอีกอย่างงานพี่ไม่ใช่งานประจำแล้ว พี่แค่รับงานเป็นบางตัวช่วยศูนย์วิจัยเท่านั้น ก็เลยค่อนข้างอิสระน่ะไปอยู่ไหนก็ได้เหมือนกัน”
“ว้าว แบบนี้ก็เดินหน้าเต็มที่เลยพี่น้อง ๆ สนับสนุนเต็มที่ค่ะ”
ณัฐพัชปรบมือเชียร์รุ่นพี่ทันที คนจะชอบกันไม่ต้องรอเวลาหรอก ไม่งั้นจะมีคำว่ารักแรกพบได้ยังไงใช่มั้ย
“อ่ะเรื่องพี่อัญจบไปชัดเจน ไนซ์ล่ะยังไงเรา เห็นข่าวกับสาว ๆ เยอะเหมือนกันนี่”
เหอะ ๆ
“วันนี้พี่นันท์สวมวิญญาณตำรวจสอบสวนเหรอพี่”
มณนิชาเอ่ยเย้ารุ่นพี่ให้อีกคนหัวเราะขำถูกใจ
“อีกไม่กี่วันจะออกจากเกาะแล้ว ตอนนี้มีเวลาทำคะแนนต้องรีบนะ”
“คำพูดของคนมีประสบการณ์ใช่มั้ยเนี่ย”
อัญญาวีแซวรุ่นน้องกลับบ้าง ดูแววแล้วไม่น่าธรรมดาเหมือนกัน
หึ ๆ
“ประสบการณ์โชกโชนแบบหืดขึ้นคอเลยละค่ะ”
กรนันท์บอกขำ ๆ เมื่อนึกถึงเรื่องราวของตัวเอง
“สรุปพี่นันท์มี ผบทบ.แล้วใช่มั้ยนี่”
“หืมอะไร ผบทบ.เจ้าม่อน”
คิก ๆ ๆ
“ผู้บงการที่บ้านไงพี่ ฮ่ะ ๆ พ่อม่อนเค้าชอบพูดแบบนี้แหละเวลาพูดถึงแม่น่ะ”
ฮ่า ๆ
“เออคำนี้เหมาะจริง ๆ ด้วยอ่ะ อืมมีแล้ว และก็เหมาะสมกับผบทบ.จริง ๆ ดุยิ่งกว่าท่านนายพลอ่ะใช่มั้ยณัฐ”
ฮ่า ๆ
“ของณัฐนี่น่าจะยังเป็นรองผบ.อยู่นะพี่ แต่อนาคตก็ไม่รู้จะเลื่อนตำแหน่งหรือเปล่า”
“แหม ที่แท้พี่สองคนก็มีคนควบคุมชีวิต เอ้ย ควบคุมหัวใจแล้วนี่เองถึงว่าสิแซวกันสนุกเลยอ่ะ ของไนซ์น่ะคนนี้ไนซ์จริงจังค่ะ จริง ๆไนซ์รู้จักเนย่ามาหลายปีแล้วล่ะแต่เขาคงจำไนซ์ไม่ได้หรอก”
“อุ๊ย แอบรักเหมือนละครเหรอพี่ไนซ์” คริ ๆ
น้องเล็กทำท่าเพ้อเขินจน กัณภัคเขกกระโหลกไปทีนึง
นรากรอมยิ้มก่อนจะเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาสี่ปีแล้ว ให้เพื่อนร่วมทีมได้ฟังกัน
“เจอกันครั้งแรกที่โมเดลลิ่งของญาติไนซ์เองแหละค่ะ ตอนนั้นเหมือนเนย่าเพิ่งเข้าวงการมาด้วยยังไม่เป็นที่รู้จักเหมือนตอนนี้ ก็เด็กจบใหม่ใส ๆ แหละค่ะ"
คนพูดพอนึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นก็ยิ้มไปด้วย
"วันนั้นไนซ์มีธุระไปหาญาติไนซ์ก็ใส่แว่นกันแดดสีดำอะนะ ใส่เสื้อหนังแข่งรถทับเสื้อยืดสีดำข้างใน ก็บังเอิญเห็นเขาก่อนตอนที่เขายืนซื้อน้ำปั่นอยู่หน้าตึกค่ะ คือแบบพี่เคยเป็นมั้ยเวลาเจอคนที่ใช่ แล้วมันเหมือนมีอะไรวิ่งชนหัวใจเราน่ะ แค่รอยยิ้มกับใบหน้าใส ๆ ของเขาวันนั้นทำเอาไนซ์ถึงกับเก็บมาเพ้อได้คิดดู”
“อืมแต่เนย่ายิ้มสวยจริง ๆ นะ ยอมรับมีเสน่ห์ตรงรอยยิ้มน่ะ”
กรนันท์พูดขึ้นมาให้ที่เหลือพยักหน้าไปด้วย
“แล้วไงต่อเห็นแค่นั้นก็เก็บมาเพ้อจนวันนี้เลยเหรอ”
กัณภัคถามยิ้ม ๆ
“เปล่า พอตั้งสติได้สมองก็เริ่มแผนการณ์เลยแหละ เรามองอยู่ตลอดจนเห็นเขากำลังจะเปิดประตูเข้ามาเราก็รีบเดินเอาอกไปรับทันที หึ ๆ ได้ผล แก้วน้ำปั่นเขาหกรดเสื้อเราเหลืองอ๋อยเลย เขาก็รีบขอโทษรน ๆ คงตกใจด้วยล่ะถึงกับควักผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดให้น่ะเราเลยรีบคว้าเอาผ้าก่อนเลย หึ ๆ"
"แหม แผนสูงนะเรา"
กัณภัคเอ่ยเย้า พลางยิ้มไปด้วย
"ยังไม่ทันได้ถามชื่อเสียงอะไรกันเลยก็มีคนมาเรียกเขาไปเข้าประชุม เขาก็ได้แต่ขอโทษนั่นล่ะเราก็เลยได้แต่ผ้าเช็ดหน้ามาดูต่างหน้าแทน แต่หลังจากนั้นเราแอบไปส่องเขาที่นั่นบ่อย ๆ จนน้าที่เป็นญาติเราถามก็เลยสารภาพไปว่าชอบเด็กในสังกัดเขาน่ะ"
นรากรหยุดมองแต่ละคนที่ดูจะตั้งใจฟังเรื่องของเธอ ก็หัวเราะก่อนจะเล่าต่อ
"น้าเขาก็บอกตอนนี้เนย่าเพิ่งเข้าวงการมา ไม่อยากให้มีเรื่องอะไรแบบนี้ ถ้าจริงจังก็ต้องรอไปก่อน เพราะเนย่ามีแพลนจะไปเรียนต่อโทที่ต่างประเทศด้วย ไนซ์ก็เลยได้แต่แอบตามไปดูเขาตามงานต่าง ๆ แอบไปถ่ายรูปอะไรประมาณนั้นแหละจนเขาไปเรียนต่อก็เลยห่าง ๆ”
“โหแบบนี้พี่ว่าไม่น่าจะแค่ชอบแล้วมั้งรักแล้วละน้อง หาทางสารภาพเถอะดู ๆ เนย่าก็ไม่ได้รังเกียจเรานะพี่ว่า ไม่งั้นคงโดนตบหน้าแหกตั้งแต่วันโขมยชั้นในเขาแล้วล่ะ” ฮ่า ๆ
เมื่อฟังเรื่องราวของรุ่นน้องกรนันท์ก็วิเคราะห์ พร้อมเสนอแนะช่องทางให้น้องทันที
“อืมอันนี้พี่ก็เห็นด้วยกับนันท์ เอางี้มั้ยเดี๋ยวพวกพี่ช่วยจัดฉากให้สารภาพไปเลย ให้เขาเห็นถึงความจริงใจของเราน่ะ ถ้ามัวแต่หยอดแบบนี้เดี๋ยวเขาก็หาว่าเล่น ๆ ไม่จริงจัง มันจะเสียเวลาเปล่า ๆ ถ้ามั่นใจก็ใส่เกียร์ไปเลยน้อง”
พี่ใหญ่อย่างอัญญาวีก็ยุยงส่งเสริมกันเข้าไปอีก
“เอางั้นเหรอพี่”
“อืมเอางั้นแหละ จัดเลยพรุ่งนี้ฟ้าหลังฝนด้วย” ฮ่า ๆ
“อ่ะ ๆ ว่าไงก็ว่าตามกันค่ะเขาจะรับรักไนซ์หรือเปล่าเนี่ย”
“เอาน่าอย่าเพิ่งป๊อดมั่นใจตัวเองหน่อย เอาความจริงใจเข้าสู้สารภาพความจริงไปเลย ประทับใจเขามาตั้งกี่ปีแล้ว เชื่อเหอะผู้หญิงถ้าเขาไม่รังเกียจเรายังไงเขาต้องให้โอกาส”
“เชื่อผู้เชี่ยวชาญเถอะไนซ์ เอาใจช่วยนะเพื่อนเดี๋ยวออกแบบเรือนหอให้ฟรี”
ฮ่า ๆ
มีมิตรดีมันก็ดีแบบนี้สินะมีทุกข์ร่วมต้าน มีสุขร่วมเสพเป็นที่ปรึกษาและกำลังใจให้กัน
เช้าวันที่ห้าบนเกาะหลังจากที่เมื่อคืนวานพายุฝนเทกระหน่ำลงมา ทำให้อากาศที่เคยร้อนอบอ้าวเย็นฉ่ำชื่นในเช้าของวันนี้ สาว ๆ ทยอยตื่นตามกันเช่นทุกวัน
"เอาตามที่คุยกันไว้เมื่อคืนนะ เดี๋ยวพี่จะบอกหมอกิ่งให้รับรู้ด้วยจะได้พาเนย่าไปกินลมชมวิวที่อื่นก่อน เราจะได้เตรียมสถานที่ไว้ให้ไนซ์สารภาพรัก"
อัญญาวีบอกกับน้อง ๆ ที่พากันตื่นขึ้นมาจนครบแต่ยังไม่ออกจากกระท่อม
"มันจะลำบากหรือเปล่าพี่ คือ แบบไนซ์หาวิธีพูดกับเนย่าเองก็ได้นะ"
"เฮ้ยไม่ลำบากอะไรเลยไนซ์ พวกพี่เต็มใจที่สุดที่จะเห็นน้องมีแฟนเป็นตัวเป็นตนน่ะ เดี๋ยวพี่จะไปบอกทีมงานให้เตรียมถ่ายภาพ ฮ่า ๆ เก็บไว้ใช้ตอนแต่งไง"
กรนันท์เอ่ยเย้ารุ่นน้องที่ดูจะเกรงใจกันขึ้นมาซะงั้น
กัณภัคเปิดหน้าต่างกระท่อมออกมองดูภายนอก บรรยากาศหลังฝนมันคงสดใสจริง ๆ เพราะดูท้องฟ้าวันนี้จะใสกว่าเมื่อวานเยอะ
"วันนี้อากาศน่าจะดีนะคะ เหมาะแก่การทำอะไรดี ๆ นะว่ามั้ย"
สาวหน้าคมหันมาบอกพลางยิ้มในหน้า
"ว่าแต่ใครคิดไอเดียอะไรได้บ้างแล้วคะ จะจัดฉากยังไงดี"
ณัฐพัชถามแต่ละคน
"คือเอาฉากแบบในละครมั้ยคะ ม่อนเคยดูมันก็น่ารักดีนะ"
น้องเล็กของทีมเกริ่นออกมา