กัณภัคถือโอกาสบอกเพื่อนร่วมทีมไปในตัวด้วย
“เชิญชวนกันไปไหนจ๊ะเด็ก ๆ”
เสียงทักคุ้นหูของรุ่นพี่ดังขึ้นด้านหลัง ให้ทุกคนหันไปมองก็เห็นอัญญาวีกับกิ่งกานต์เดินยิ้มเข้ามาที่พัก สองสาวหอบของมากันเต็มไม้เต็มมือ
“โห มันนก ๆ นี่พากันไปขุดมาหมดป่าเหรอพี่อัญ”
มณนิชาทักขึ้นเมื่อรุ่นพี่วางย่ามที่เต็มไปด้วยหัวมัน ส่วนกิ่งกานต์ก็หิ้วระกำมาพวงใหญ่
“พอดีไปเจอแหล่งที่ขึ้นกันเยอะน่ะ เลยพากันขุดเพลินเลยกับหมอ ของหากินยากไหน ๆ มีโอกาสได้กินก็นะจัดกันเต็มที่”
“พี่อัญพูดถูก ไนซ์เพิ่งเคยกินครั้งแรกจริง ๆ นะไอ้มันนี่น่ะ ถ้าไม่ได้มาติดเกาะแบบนี้คงไม่รู้จักแน่ ๆ”
นรากรเอ่ยขึ้นมา
“ถึงว่าสิ กินเยอะแบบไม่กลัวนกเลยนะไนซ์”
ฮ่า ๆ คนชอบแซวอย่างณัฐพัช ก็ยังหาเรื่องแหย่น้องอยู่ตลอด
“งานนี้ไนซ์ไม่ยอมนกหรอกพี่ จริงจังหวังแต่งเลยนะเนี่ยหึ ๆ”
คำพูดกับรอยยิ้มหวานกระชากใจถูกส่งให้คนข้าง ๆ ที่ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาจริง ๆ ให้ตายเถอะ เล่นหยอดกันไม่ให้หายใจแบบนี้เธอก็เอาตัวไม่รอดเหมือนกันนะ
คิก ๆ
“จะรอดมั้ยนี่เพื่อนฉัน”
เรวิกากระซิบแซวเพื่อนรัก ให้ออกอาการเขินเข้าไปอีก
“แล้วเมื่อกี้คุยอะไรกันคะ เห็นชวนกันไปไหน”
อัญญาวีถามขึ้นมาอีกครั้ง
“อ๋อ พอดีคุยเรื่องถ้าได้เงินรางวัลกัณกับม่อนจะทำโฮมสเตย์ พวกเราก็เลยจะพากันไปเที่ยวพักที่นั่นกันค่ะ”
ชาลิศาเล่าให้รุ่นพี่ฟัง
“หืม แบบนี้ก็ต้องไปร่วมเปิดงานกันทั้งทีมสิคะ”
อัญญาวีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“แหม คือให้ได้เงินก่อนมั้ยคะพี่ ตอนนี้โฮมสเตย์มันยังเป็นแค่แบบร่างอยู่เลยค่ะ”
กัณภัคเอ่ยค้านขึ้นมาขำ ๆ
“มาถึงขนาดนี้แล้วมันต้องชนะอย่างเดียวแล้วน้อง ของกินก็เยอะน้ำกินก็มีแบบนี้รอดอย่างราชินีเลยนะ คิดดูพี่นึกว่ามาติดเกาะน้ำหนักพี่จะลดเพราะอดอยาก ที่ไหนได้อิ่มหนำกันทุกมื้อน่ะ”
ฮ่า ๆ
กรนันท์กล่าวออกมาให้ทุกคนต่างขำและเห็นด้วย จะว่าโชคดีหรือทางเจ้าหน้าที่อุทยานช่วยก็ไม่แน่ใจ ถึงได้พามาถ่ายทำกันที่เกาะแห่งนี้
แสงแดดในยามที่ตะวันตรงหัวแบบนี้แม้จะร้อนแรง แต่การพักผ่อนภายใต้ร่มไม้ใบหนา และอาศัยลมทะเลที่พัดมาเป็นระยะก็พอคลายร้อนได้บ้าง
ปั๊ก ๆ
“เฮ้ย! โมโหหิวเหรอพี่”
จู่ ๆ อัญญาวีก็เอาสันมือกระแทกโต๊ะที่เพิ่งทำเสร็จไปหมาด ๆ
ฮ่า ๆ
“เปล่าพี่แค่ลองทดสอบความแข็งแรงน่ะ”
คำตอบของรุ่นพี่พาเอาน้อง ๆ ขำพรืด โถคุยกันอยู่ดี ๆ ก็เอามือฟาดแบบนั้นตกใจหมดนึกว่าองค์ลง
“เล่นอะไรก็ไม่รู้นะคุณเนี่ย เป็นไงล่ะแข็งแรงพอที่จะใช้งานดีมั้ย”
คุณหมอสาวกล่าวขึ้น พลางส่ายหน้าให้คนข้าง ๆ
“แข็งดีค่ะ เจ็บมือ”
“สมควร เล่นเป็นเด็กไปได้”
กิ่งกานต์มองสันมือขาวที่ขึ้นรอยแดงก็อดขำไม่ได้ ท่าทางลูบมือป้อย ๆ นั่นเรียกเสียงขบขันจากน้อง ๆ ไม่รู้จะสงสารหรือสมน้ำหน้าดี
“เดี๋ยวกัณกับม่อนลงไปกู้กับดักก่อนนะคะ เที่ยงแล้วจะได้ทำอะไรกินกัน ป่ะม่อน”
“เราก็เอาหัวมันไปล้างมาต้มดีกว่าป่ะ”
เมื่อน้องสองคนเดินลงหาดไป อัญญาวีก็ลุกขึ้นเตรียมเอามันที่ขุดกันมาไปล้างทำความสะอาด
“เดี๋ยวไนซ์ช่วยค่ะ”
นรากรลุกขึ้นตามด้วยณัฐพัชปล่อยให้สาว ๆ ที่เหลือจัดการแยกพืชผักที่จะทำอาหารได้ ในป่าเปรียบเหมือนซุปเปอร์มาร์เกตอย่างดีของพวกเธอ จะบอกว่าหิวเมื่อไหรก็เข้าป่า กลับออกมาจะมีของที่กินได้ไม่อดตายแน่ ๆ
เมื่อสองสาวยกกับดักขึ้นมา เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกรอบกับอาหารมื้อใหญ่ในวันนี้ กุ้งมังกรสองตัวใหญ่ทั้งปูทั้งปลาเหมือนชวนกันมาติดกับดัก
“สงสัยปูมันจะเรียกเพื่อนมาเพิ่มน่ะพี่ เมื่อเช้ามีอยู่สองตัวเองนี่ได้มาเพิ่มอีกตัว”
มณนิชากล่าวติดตลก
“มื้อนี้เอาเป็นเมนูย่างกินกันง่าย ๆ ดีกว่านะ หรือใครอยากทำอะไรกินดี”
อัญญาวีหันมาถามความเห็น แต่ละคนต่างก็เห็นด้วยกับเมนูย่าง เมื่อเช้ากินต้มไก่ไปแล้วมามื้อเที่ยงอาหารทะเลปิ้งย่างก็ไม่เลว
กองไฟถูกแยกออกเป็นสามกองเหมือนเมื่อวาน เพื่อความรวดเร็วในการทำอาหาร กลิ่นหอมของอาหารตลบอบอวลเรียกน้ำย่อยให้ทำงานได้ดีทีเดียว ไม่นานอาหารทุกอย่างก็ถูกวางกระจายบนโต๊ะ พร้อมใบหน้าเกลื่อนรอยยิ้มของทุกคน
“หาอะไรม่อน”
กัณภัคเอ่ยถาม คนที่เดินก้มมองหาอะไรสักอย่าง
“พี่ ขิงดองเมื่อเช้าหมดแล้วเหรอคะ”
“ยังค่ะเหลือตั้งเยอะแหนะ พี่เอาวางไว้มุมกระท่อมน่ะ” กิ่งกานต์บอก
“อ้อ เจอล่ะ”
ทุกคนมองน้องเล็กหอบเอาใบชะพลู กับกระปุกขิงดองมาวางลงตรงหน้า
แหะ ๆ
“ม่อนจะเอามากินกับปลาเผาอ่ะ เหมือนเมี่ยงปลาไง”
บอกเสร็จคนที่ชอบคิดเมนูแปลกก็จัดการวางใบชะพลู ตามด้วยขิงดองแล้วคีบเอาเนื้อปลาสีขาวควันฉุยมาวางลง ก่อนจะรวบห่อแล้วยัดเข้าปากเคี้ยว พาให้พี่ ๆ ที่นั่งมองรอลุ้นรสชาติ ถึงกับเผลอกลืนน้ำลายไปด้วย
“อื้อหืออ โอ้วซาร่า”
“ชาลิศาย่ะ”
ฮ่า ๆ ๆ
ดาราสาวก็สวนขึ้นตบมุขทันควัน เมื่อน้องหันมาทำหน้าฟินโอเว่อร์ใส่
“เป็นไงม่อน”
“ลอง ๆ พี่ลองเลยมันอร่อยมาก ๆ ขอบอก”
เท่านั้นแหละไอเดียแปลกของน้องเล็ก ก็ทำให้พี่ต้องลองกินไปตาม ๆ กัน
“อื้มอร่อยจริง ๆ ด้วย เหมือนกินเมี่ยงจริง ๆ นี่ถ้ามีรสเปรี้ยวหน่อยนะสุดยอด”
ณัฐพัชยกนิ้วให้ทุกคนอือออกับรสชาติไปด้วย
เมื่อนึกถึงรสเปรี้ยว สายตาซุกซนของเด็กม่อนก็เผลอไปเจอระกำที่พี่เขาปอกไว้ เรียวปากเจ้าเด็กเผยยิ้มขึ้นมาทันที
“พี่เนย่า หยิบระกำให้ม่อนสักสี่ห้าลูกหน่อยค่ะ”
เนย่าหยิบระกำที่อยู่ใกล้ส่งให้น้อง แล้วก็มองว่าอีกคนจะทำอะไร
“เมนูนี้ม่อนไม่แนะนำนะคะ เผื่อใครท้องไม่ดีอาจจะได้วิ่งป่าราบฮ่า ๆ”
เจ้าตัวบอกขำ ๆ มือก็ใช้เปลือกหอยขูดเอาเนื้อระกำลงใส่รวมกับใบชะพลู และขิงตามด้วยเนื้อปลาเช่นเคย คราวนี้หน้าตาน้องมันฟินหนักกว่าเดิม จนทั้งขำทั้งหมั่นไส้
“โอ้ววตายแล้ววว ทำไมอร่อยเยี่ยงนี้”
ในเมื่อคนลองทำท่าอร่อยมากขนาดนั้น มีเหรอที่เหลือจะไม่ทำตาม สุดท้ายเลยกลายเป็นเมี่ยงสูตรชาวเกาะที่รสชาติอร่อยเหาะไปเลย
“ไม่กินเหรอปูน่ะ หรืออิ่มกุ้งแล้ว”
ชาลิศาถามขึ้นเมื่อสังเกตุว่าเด็กข้าง ๆ กินแต่ปลากับกุ้ง มณนิชาส่ายหน้า
“ม่อนขี้เกียจแกะอ่ะ”
เมื่อวันก่อนกัณภัคแกะให้ แต่วันนี้พี่ไปนั่งฝั่งตรงข้าม ซ้ายมือเธอเป็นณัฐพัชขวามือเป็นชาลิศา
“จะกินมั้ยเดี๋ยวแกะให้”
ดาราสาวถามอย่างมีน้ำใจ ปูตัวใหญ่ยังเหลืออีกครึ่งตัวแต่ละคนก็เริ่มอิ่มกันแล้ว แต่เด็กกำลังโตนี่นั่งแทะหัวปลาไม่หยุดก่อนจะเงยหน้ามายิ้มแฉ่ง พยักหน้าหงึก ๆ
“เห็นไม่แตะไอ้เราก็นึกว่าไม่ชอบ" ณัฐพัชหันมาพูดแซวยิ้ม ๆ เมื่อเห็นชาลิศาเอาปูไปแกะให้น้อง
“ชอบทุกอย่างแหละค่ะ แต่อันไหนมันกินยากก็ไม่ค่อยกิน แหะ ๆ”
หลายคนลุกไปล้างมือล้างปาก แต่บางคนก็ไม่รู้เอาท้องที่ไหนมาใส่เยอะแยะ
“ยังไม่อิ่มอีกเหรอคุณ”
เนย่าถามคนที่นั่งแกะเปลือกมันเป่าลมฟู่ ๆ ไล่ความร้อน
“อิ่มค่ะ แต่อยากกินอ่ะกินมั้ยเค้าป้อน”
นางแบบสาวส่ายหน้าเพราะตอนนี้อิ่มจนจุก
“มันนี่ถ้าจิ้มกับน้ำตาลทราย จะยิ่งอร่อยกว่านี้อีกนะพี่ไนซ์”
มณนิชากล่าวแนะนำรุ่นพี่ ตัวเองก็ยังกินไม่หยุดกับปูที่บัดดี้แกะให้ จนอีกฝ่ายลุกไปล้างมือแล้ว
“เหรอ แบบนี้วันออกจากเกาะพี่ต้องขออนุญาตเจ้าหน้าที่ ขุดมันนี้กลับบ้านด้วยนะเนี่ยติดใจอ่ะจริง ๆ”
ฮ่ะ ๆ
“แถวป่าบ้านม่อนก็พอมีให้กินอยู่นะพี่ ว่าง ๆ ก็ไปเที่ยวได้ เดี๋ยวม่อนกับพี่กัณพาลุยป่าไปค้างคืนบนเขาก็ได้”
เด็กอัธยาศัยดีเอ่ยชวนพี่ ๆ ไปทั่ว
“มันของแน่อยู่แล้ว พวกเราได้มารู้จักกันแบบนี้ต้องตระเวนเยี่ยมเยียนทุกคน ถ้าอยากกินอาหารทะเลลงมาหาพี่นันท์ ถ้าอยากกินอาหารอีสานไปขอนแก่น”
“ถ้าอยากกินขนมจีนไปหาพี่ที่ราชบุรีนะ ฮ่า ๆ บ้านพี่ทำหนมจีนส่งเดี๋ยวจะเปิดร้านขายหนมจีนเพิ่มด้วย”
ณัฐพัชเอ่ยขึ้นให้แต่ละคนยกยิ้มปรบมือถูกใจกันเป็นแถว
“ดีจังอยากกินอะไรฟรีก็แวะไปหา ฮ่า ๆ ”
นรากรกล่าว ขำ ๆ แต่เรื่องกินก็ไม่สำคัญเท่ามิตรภาพที่มีให้กันหรอก
“โอ๊ยอิ่มจังตังค์อยู่ครบ”
เด็กน้อยเอามือลูบท้องพิงหลังกับกระท่อม หลังเก็บกวาดเศษซากอาหารพร้อมทำความสะอาดโต๊ะกินข้าวเรียบร้อย
“นั่นสิพอเอาเข้าจริง ๆ เงินมันก็ไม่ได้สำคัญสักเท่าไหรนะว่ามั้ย มาอยู่แบบนี้แค่มีของให้กินชีวิตก็ไม่ต้องวุ่นวายด้วย”
กรนันท์เปรยขึ้น ให้แต่ละคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย
“คิด ๆ ไปก็ไม่รู้จะดิ้นรนกันไปทำไมนักหนาเหมือนกันนะ ทั้งที่หามาได้สุดท้ายก็กินแค่อิ่มน่ะ”
เรวิกาเสริมขึ้นมาบ้าง
“พูดเหมือนจะปลงทางโลก แล้วไปบวชชีกันยังงั้นแหละพี่”
มณนิชาเอ่ยเย้าขำ ๆ
“ให้พี่ไปถามเจ้าหน้าที่มั้ย เกาะนี้เขาขายหรือเปล่าเราจะย้ายมาอยู่กัน”
อัญญาวีเอ่ยติดตลก
“ถ้าต้องมาอยู่ตลอดไปก็คงจะไม่เกินห้าปี ทุกอย่างคงสูญพันธุ์น่ะพี่ ที่สำคัญคือน้ำจืดนี่ล่ะจะไม่พอให้เราใช้”
กัณภัคกล่าวพลางขำกับมุขของอัญญาวี
“ความรับผิดชอบมันค้ำคอนี่แหละค่ะ ยังไงก็ต้องกลับไปสู่สังคมวุ่นวายเหมือนเดิม เฮ้อ”
เสียงถอนหายใจของกรนันท์ ฟังแล้วก็พาให้ห่อเหี่ยวไปด้วย
“อ่าวบันเทิงอยู่ดี ๆ ทำไมมาเข้าโหมดเบื่อหน่ายชีวิตแบบนี้ละคะ”
กิ่งกานต์มองหน้าน้อง ๆ พลางอมยิ้ม
“นั่นสิ แต่ละคนมีหน้าที่ก็จริงแต่อย่าให้หน้าที่มาทำลายความสุขในชีวิตจนหมดไปสิคะ ต้องรู้จักหาความสุขปลดปล่อยตัวเองด้วย แบบที่เราทำอยู่นี่ก็ถือว่าปลดปล่อยตัวเองจากความวุ่นวายเหมือนกันนะ ถือซะว่ามาพักผ่อนเติมพลังให้ตัวเองแถมได้เงินอีกต่างหาก”
อัญญาวีพูดกึ่งปลอบใจกึ่งแนะนำ ให้รุ่นน้องเข้าใจถึงสัจธรรมของชีวิต
ห๊าววว
“นิ่งเป็นหลับขยับเป็นกินหรือไง ฮึ”
ชาลิศาบ่นเด็กข้าง ๆ ที่เอามือขยี้ตาทั้งหาวหวอด ๆ
“หนังท้องตึงหนังตาก็จะปิดแหละเจ๊ ขอหลับสักตื่นก่อนนะพี่ จะทำอะไรต่อเดี๋ยวช่วย”
มณนิชาบอก ก่อนจะขยับหามุมพิงเพื่อพักสายตา
“อย่าว่าแต่เจ้าม่อนง่วงเลย นี่พอเงียบเจอลมโกรกแบบนี้ก็จะหลับเหมือนกันนะ”
ณัฐพัชกล่าวขึ้นบ้าง
“ง่วงก็พากันนอนเถอะ ไม่มีอะไรเร่งรีบนี่พักสายตากันไป ตื่นค่อยว่ากันใครจะทำอะไรก็ทำ”
อัญญาวีบอกออกไป ให้แต่ละคนเริ่มมองหามุมพักผ่อน
แหมะ ศีรษะได้รูปทิ้งลงบนตัก ให้คนเป็นเจ้าของต้องแอบถอนหายใจเล็ก ๆ
“หาอะไรมาหนุนดี ๆ มั้ยไนซ์”
“ก็ตักที่รักนุ่มที่สุดแล้วค่ะ นะ 10 นาที หรือเนย่าจะนอนมาเปลี่ยนกันก็ได้”
“ไม่ได้ง่วงขนาดนั้นหรอกจะนอนก็นอนค่ะ แล้วตะกร้านี่จะเสร็จมั้ยวันนี้”
“ฮื้อเรามาพักผ่อนนะที่รัก ไม่ต้องรีบหรอกค่ะ”
“มาพักผ่อนหรือมาฮันนีมูน คืนนี้เปลี่ยนที่นอนมั้ยไนซ์เพื่อน้อง พี่สละได้นะ”
ฮ่ะ ๆ กรนันท์ที่กำลังจะเอนตัวลงพักไม่ไกล ก็อดไม่ไหวที่จะแซวทั้งคู่
“เออเมื่อคืนพี่ไนซ์หนาวเหรอพี่ ม่อนได้ยินเสียงครางอือ ๆ อา ๆ ”
พรืดด ฮ่า ๆ คำพูดของน้องเล็กเล่นเอาพี่ ๆ ขำกันอีกรอบ เออเด็กมันยังใสซื่ออยู่เลยคิดว่าเสียงที่ได้ยิน พี่มันครางเพราะหนาว
“อืมก็หนาวนิดหน่อยน่ะ”
นรากรก็เออออไปตามน้ำ แต่ปากกลั้นยิ้มแทบไม่ไหว
“คืนนี้ก็ไปนอนข้างเนย่าแล้วกัน จะได้อุ่น ๆ”
“โอ้ย พี่นันท์น่ะ หยุดแซวน้องซะทีเถอะค่ะ ใจคอจะแซวเนย่าสามเวลาหลังอาหารกันเลยหรือไงคะ”
ฮ่า ๆ
นางแบบสาวที่หน้าร้อนจนแทบจะไหม้ ก็โวยวายขึ้นมาด้วยความขัดเขิน ตั้งแต่วันแรกจนวันนี้ดูพี่ ๆ ทั้งเพื่อนก็แซวแต่คู่เธอนี่แหละ ไม่ให้อายยังไงไหว
“เจ๊ ไหล่กับตักเค้าว่างอยู่นะหนุนได้”
แปะ ๆ คนที่บอกง่วงก็ยังจะปรือตาขึ้นมาตบไหล่ตบตักตัวเอง ให้คนที่นั่งอยู่ไม่ไกลรับรู้ ถึงจะไม่ได้ง่วงมากมาย แต่พอเห็นเพื่อนกับพี่พากันหามุมหลับกัน ไม่เว้นแม้แต่เรวิกาที่หลับตาพิงไหล่กัณภัค สองคนนี้ก็อะไรเห็นเงียบ ๆ แต่แบม ๆ เห็นนะว่าแอบเหล่กันอยู่บ่อย ๆ สุดท้ายนางร้ายคนสวยก็เลยทิ้งศีรษะหนุนตักเด็กน้อยคู่ของตนมั่ง เมื่อสาว ๆ หลับ ทีมงานก็ใช้วิธีตั้งกล้องไว้แล้วก็ถือโอกาสพักบ้าง
“สรุปนี่คุณไนซ์กับคุณเนย่าเค้าชอบกันจริง ๆ ใช่มั้ย นิ”
เอกพลหัวหน้าทีมกล้องเปรยขึ้นยิ้ม ๆ กับทีมงานการตลาด ที่ถูกมอบหมายให้มาช่วยดูแลสาว ๆ ด้วยเหมือนกัน
“อืม ถ้าเอาความรู้สึกที่สัมผัสได้ นิก็ว่ามีแววจะชอบกันอยู่นะคะ ดูคุณไนซ์เธอจะหยอดจริงจังเหลือเกิน”
นิสาชลตอบพร้อมกับยิ้ม บางครั้งก็ยังแอบเขินแทนนางแบบสาวไม่ได้เหมือนกัน ก่อนหน้าที่จะมีการจับคู่ไม่รู้ว่าทางบอสใหญ่มองเห็น หรือรับรู้อะไรมาถึงขั้นให้ทีมงานบล็อคคู่นี้กันเลย มาเห็นกับตาแบบนี้พวกเธอก็เริ่มจะคิดแล้วล่ะ
“แต่พี่ว่าแววมันคงไม่ใช่คู่เดียวหรอกมั้ง จบงานนี้มีลุ้นต่อนะพี่ว่า”
“แหม เพิ่งรู้ว่าพี่เอกก็มีเซ้นต์เกี่ยวกับสาว ๆ นะคะเนี่ย”
นิสาชลเอ่ยแซวหนุ่มใหญ่ที่คุ้นเคย เพราะทำงานร่วมกันมาหลายปี ให้เอกพลหัวเราะขำ
“เขาเรียกอะไรล่ะเคมีมันฟรุ้งฟริ้งใช่มั้ย สาว ๆ นี่ พี่ว่าดูออกง่ายกว่าหนุ่ม ๆ นะ”
หนุ่มตากล้องยังพูดต่อ ยิ่งภาพในจอมอนิเตอร์ที่เห็นก็พาให้ทีมงานยิ้มไปด้วย จากตอนแรกที่นรากรหนุนตักเนย่าตอนนี้อีกฝ่ายกลับลุกมานั่งพิงต้นไม้ ให้สาวเจ้าลงไปนอนหนุนตักตัวเองแทนซะแล้ว ถ้าหากภาพนี้ถูกเผยแพร่ออกไป สงสัยคู่ขาคู่ควงทั้งหลายของนักแข่งสาวเสน่ห์แรงคนนี้ ได้อกร้อนกันแน่ ๆ
ไม่รู้ว่าพากันหลับไปนานแค่ไหน รู้สึกตัวกันอีกทีก็ตอนแดดเริ่มไล่นี่ล่ะ กัณภัคขยับตัวเมื่อจุดที่ตัวเองนั่งกำลังโดนแดดส่อง ให้อีกคนที่หลับซบไหล่อยู่ตื่นตามมาด้วย
“หือหลับเพลินจนแดดไล่เลยนะนี่” กัณภัคเอ่ยขึ้นมาเบา ๆ ให้คนพิงไหล่หลับสบายถามด้วยความเป็นห่วง
“อือ กัณไม่ปลุกล่ะเมื่อยมั้ยเนี่ย”
“ไม่เป็นไรค่ะชานิดหน่อย”
หันมายิ้มตอบให้อีกฝ่ายพยักหน้า ออกจะเขินอยู่เหมือนกันนะ นอกจากน้องนอกไส้อย่างเจ้าม่อน เรวิกาเป็นคนแรกที่มาซบกันหลับแบบนี้น่ะ
“มาเรานวดให้”
มือเรียวยื่นไปบีบนวดไหล่บางของอีกฝ่าย ใบหน้าสวยที่ยับย่นเป็นรอยตรงขมับยับมาถึงแก้ม ทำเอาคนแอบมองเผลอยิ้มขำ
“ขำอะไรคะ” นางแบบสาวขมวดคิ้วถามเมื่ออีกฝ่าย อยู่ ๆ ก็หัวเราะออกมา
“หน้าคุณเป็นรอยน่ะ”
นางแบบสาวยู่หน้าใส่คนขำ
“แค่รอยทับ ถ้ากัณขำว่าเป็นรอยตีนกาฉันโกรธจริง ๆ นะ”
หึ ๆ
“อะไรคะ อายุแค่นี้ตีนกามาเยือนแล้วเหรอ ฮึ”
ปึ๊ก
“ยังจะมาพูดล้ออีก รอยตีนกากับผู้หญิงมันเป็นเรื่องต้องห้ามค่ะ”
กัณภัคที่โดนอีกฝ่ายทุบไหล่เบา ๆ ก็อมยิ้ม อย่างว่าแหละอาชีพดารานางแบบ เรื่องความสวยความงามย่อมเป็นสิ่งสำคัญ