Chapter.6 Ncระลึกความหลัง
สโรชาออกอาการตื่นเต้นแทนเพื่อนสาวที่ทางโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาอย่าง เดอะ ริเวอร์ ติดต่อกลับมาหาอรุณรดาเพื่อนัดสัมภาษณ์เธอในอีกสามวันข้างหน้าในตำแหน่งผู้ช่วยพนักงานฝ่ายบัญชี การฝึกงานครั้งนี้เธอไม่ได้คาดหวังที่จะต่อยอดไปสู่หน้าที่การงานหลังจากเรียนจบเพราะมีธุรกิจรับผิดชอบที่ชัดเจนอยู่ เหตุผลเพียงแค่อยากฝึกงานในบริษัทที่ใกล้กับมหาวิทยาลัยที่อาจารย์ภุชงค์สอนอยู่แค่นั้นเอง เธอหวังเพียงได้อยู่ใกล้ ทานมื้อเที่ยงด้วยกันทุกวันเพื่อรักษาความสัมพันธ์ให้คงอยู่ไม่ห่างเหินกันมากไปกว่านี้
“รดา ฉันขอไปฝึกงานกับแกได้ไหม นะนะ” สโรชาคะยั้นคะยอบีบนวดไหล่และแขนเธอหนุบหนับ
“อ้าว แล้วที่บริษัทนั้นล่ะ ไม่ไปแล้วหรือ?”
“เค้ายังไม่ตอบกลับมาเลย นะนะ แกช่วยแนะนำฉันด้วยนะว่าต้องกรอกแบบไหนถึงได้ถูกโรงแรมใหญ่ขนาดนั้นสนใจน่ะ”
“อืม ได้สิ แค่นี้เอง พรุ่งนี้มาหาฉันที่ห้องนะ”
“เย้ เพื่อนฉันน่ารักที่สุด”
เธอโผเข้ากอดอรุณรดาเพื่อนสาวที่แสนดีคอยช่วยเหลือผลักดันเธอเรื่องเรียนมาโดยตลอด ถ้าไม่มีอรุณรดาป่านนี้เธอคงเที่ยวเล่นจนเกรดตก หรืออาจจะโดนพ้นสภาพการเป็นนักศึกษาไปนานแล้ว
“ขอบคุณนะเพื่อน ไว้เจอกัน”
“อื้ม” เธอโบกมือตอบกลับสโรชาที่วันนี้มีหนุ่มหล่อขับรถยนต์มารับเธอถึงหน้ามหาวิทยาลัย ทั้งสองเต็มใจจะไปส่งอรุณรดาถึงที่พักแต่เธอปฏิเสธเอาท่าเดียวอาจจะเพราะเคยชินกับการใช้ชีวิตดั่งเข็มนาฬิกาที่หมุนวนไปมาไม่ยอมเปลี่ยนแปลงวิถีการใช้ชีวิตให้แปลกใหม่ เธอเคยให้สโรชาและแฟนเก่าพาไปส่งแล้วครั้งหนึ่งรู้สึกอึดอัดมาก รู้สึกว่าคิดถูกที่ปฏิเสธและขอเดินทางกลับเอง
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างสบายใจเมื่อหย่อนบั้นท้ายลงนั่งบนเกาะรถบัสคันเก่า เธอไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนติดตามตั้งแต่หน้าทางเข้ามหาวิทยาลัยไปจนถึงที่พัก
“เธอถึงที่พักแล้วครับ”
คนของมาร์ตินรายงานให้ทราบเสร็จสรรพระหว่างที่เจ้าตัวกำลังยุ่งกับการเบิกถอนเงินจำนวนมหาศาลในการซื้อหุ้นของโรงแรมหรูที่อรุณรดาจะฝึกงานอยู่ อาจจะเป็นการทุ่มทุนสร้างอย่างไร้เหตุผลในความคิดของเรฟ แต่เขาก็ต้องก้มหน้าดำเนินการตามสั่งไม่กล้าขัดขวางหรือแสดงความคิดเห็นตรงกันข้ามอยู่แล้ว
เมื่อถึงกำหนดวันนัดสัมภาษณ์ อรุณรดาและเพื่อนสาวในชุดสูทสีดำยืนสูดลมหายใจเข้าลึกสุดก่อนเดินตีไหล่คู่เข้าไปด้วยกัน เมื่อไปถึงฝ่ายประชาสัมพันธ์ด้านหน้าทั้งสองสอบถามครู่หนึ่งก่อนขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นสามซึ่งมีผู้จัดการฝ่ายบุคคลรออยู่
“สวัสดีค่ะ”
เธอและเพื่อนพนมมือไหว้อย่างนอบน้อม โชคดีที่บรรยากาศการสัมภาษณ์ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เพราะมีเพียงผู้จัดการชายวัยกลางคนเพียงคนเดียวที่กำลังนั่งจิบชารอทั้งสองอย่างเป็นกันเอง
“เชิญนั่งสิ ตามสบายนะไม่ต้องเกร็ง เอาล่ะเข้าเรื่องเลยนะครับ”
สองสาวนั่งลงพลางยืดตัวตรงฉีกยิ้มรับจางๆทว่าหัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น
“ทางโรงแรมของเราได้มีการปรับเปลี่ยนผังผู้บริหารอย่างกะทันหัน จากที่ต้องการให้ทั้งสองฝึกงานที่นี่คงต้องขอเปลี่ยนสถานที่เป็นรีสอร์ทที่สาขาทางใต้นะครับ”
“คะ?” อรุณรดาค่อนข้างตกใจกับเรื่องใหม่นี้ ขณะที่อีกคนดีใจใหญ่
“ออ ใช่รีสอร์ตดังริมทะเลใช่มั้ยคะ” สโรชาโพล่งถาม
“ใช่ครับ ที่นั่นเลย แต่ทางเราไม่ได้เอาเปรียบน้องๆฝึกงานให้ทำฟรีหรือให้ค่าตอบแทนน้อยนิดดังที่กรุงเทพนี่หรอกครับ เรามีที่พักฟรีและค่าจ้างเดือนละห้าหมื่นบาทต่อคน”
“หา ห้าหมื่นเลยหรือคะ? ค่ะ ไปค่ะ ไม่ขัดข้องเลยค่ะ” สโรชารีบตอบรับทันควัน
“แต่ดิฉันคงต้องขอคิดดูก่อนนะคะ” รดาตอบเสียงอ่อน เมื่อมันไม่ได้เป็นไปตามความตั้งใจแรกของเธอเลยสักนิด
“แต่ทางเราค่อนข้างต้องการพนักงานที่เก่งภาษามากเลยนะครับ เราเห็นว่าคุณสามารถติดต่อสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีเยี่ยม และคุณสมบัติของคุณมันจำเป็นสำหรับทีมบริหารใหม่ในสาขานั้นที่ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติน่ะครับ”
สโรชานั่งห่อไหล่ลงอย่างหมดหวังเมื่อเธอไม่ได้เก่งภาษาเอาเสียเลย เธอเอื้อมมือไปสะกิดขาอรุณรดาเพื่อขอให้เธอตอบรับไปเถอะ แต่รดายังส่ายหน้าแทนคำตอบ เป็นอันว่าการสัมภาษณ์ในวันนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป ส่วนผู้จัดการยังยินดีที่จะรอฟังคำตอบจากทั้งสอง อรุณรดาเดินตามเพื่อนสาวที่ทำหน้าบึ้งตึงใส่เธอตั้งแต่ชั้นสามยันล็อบบี้
“นี่ โกรธกันหรือ?”
ร่างสูงเพรียวหมุนตัวกลับไปมองอีกคนอย่างไม่เข้าใจ
“นี่ แกจะไม่เอาจริงๆ? เงินห้าหมื่นเลยนะไม่ใช่หมื่นห้า โอกาสดีๆแบบนี้หาได้ที่ไหน แถมเค้ายังบอกว่าเรามีสิทธิ์จะได้รับการบรรจุเป็นพนักงานของทางโรงแรมหลังเรียนจบอีก”
“แกก็รู้ว่าฉันต้องบริหารร้านอาหารแทนน้านี่”
“แล้วไง อดทนฝึกงานอยู่กับฉันช่วยบอกฉันเรื่องภาษาอังกฤษแค่สองเดือนเองน่า ฝึกเสร็จแล้วค่อยว่ากันอีกที นี่แกเงินแสนไม่ใช่น้อยๆเลยนะ”
“แกไม่รู้สึกแปลกบ้างเลยเหรอ ฉันว่า มันไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่เลยที่เราจะได้เงินเดือนเยอะขนาดนั้น”
“โหย แกไม่รู้อะไรแล้วว่าราคาที่พักรีสอร์ตริมทะเลที่นั่นเป็นแสนต่อคืนเลยนะ วิวดี แขกส่วนใหญ่ก็ดาราเซเลปเงินหนาทั้งนั้น”
“ฉันอยากอยู่ที่นี่ ถึงจะได้เงินน้อยกว่าก็ตาม”
“เห้อ อย่ามักน้อยนักเลย ทะเยอทะยานบ้างก็ได้นะ” สโรชายืนกรอกตามองบน
“ก็เคยแล้วมันไม่เวิร์คไง ใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายน่ะดีแล้ว” เธอตอบเสียงเรียบเย็น แต่ยิ่งเพิ่มความคุกรุ่นให้อีกคนเป็นเท่าตัว
“แกอยากเฝ้าผู้ชายก็บอกมาเหอะ ไม่ต้องมาพูดดีว่าไม่อยากทะเยอทะยานเลย”
“แกไม่เข้าใจฉัน” เธอส่ายหน้าเป็นน้ำเย็นคอยลูบเพื่อน
“จ้า ไม่ได้ตามเฝ้า แต่ยอมทิ้งงานและเงินดีๆเพื่อทานมื้อเที่ยงกับผู้ชายเนี่ยนะ? แกมันน่าสมเพช” สโรชาตะเบงเสียงแหลมก่อนสะบัดตัวเดินหนีจากเธอไปอย่างไม่พอใจ
ในระหว่างที่อรุณรดายังคงยืนอึ้งอยู่ มีพนักงานสาวสวยแผนกต้อนรับเดินเข้ามาหาเธอด้วยท่าทีสุภาพ
“โทษนะคะ ใช่คุณอรุณรดาใช่มั้ยคะ?”
“ค่ะ เอ่อ ไม่ทราบว่ามีอะไรหรือคะ?”
“พอดีว่าผู้จัดการอยากขอพบคุณอีกครั้งค่ะ”
“แล้วสโรชาล่ะคะ? เดี๋ยวดิฉันจะไปเรียกเพื่อน”
“ออ ไม่ค่ะ ขอพบแค่คุณอรุณรดาคนเดียว เห็นบอกว่าเกี่ยวกับเอกสารที่ยังยื่นไม่ครบน่ะค่ะ”
เธอเดินเหม่อลอยเข้าไปในลิฟต์เพราะยังรู้สึกสับสนว่าต้องเลือกทางไหนดีระหว่างเพื่อนและคนรัก ยอมรับว่าจำนวนเงินที่สูงขนาดนั้นทำให้คนธรรมดาอย่างเธอสนใจมากอยู่ แต่ภุชงค์ก็สำคัญกับเธอเช่นกัน เธอกลัวว่าความห่างเหินจะทำให้เกิดการเลิกราไปในที่สุด เธอยิ่งเป็นคนประเภทเฉื่อยชาน่าเบื่อเสียด้วยสิ โอกาสในการถูกทิ้งยิ่งมีสูง
“เห้อ”
ร่างบางยืนไหล่ห่อพิงผนังลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นบนสุดอย่างคิดไม่ตก โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังมีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องมองเธอผ่านกล้องมาตลอด เขายิ่งโกรธหนักหลังทราบสาเหตุที่เธอไม่อยากไปที่อื่นเพราะผู้ชายเพียงคนเดียว
“คุณอรุณรดามาแล้วค่ะ”
เลขาสาวเดินนำหน้าเธอเข้าไปยังห้องผู้บริหารคนใหม่ของรีสอร์ตหรูทางตอนใต้ อรุณรดายืนหันรีหันขวางและสะดุ้งตามเสียงประตูบานใหญ่ที่เลขาปิดเอาไว้ เธอเดินตรงไปยังโต๊ะทำงานที่คิดว่าเป็นผู้จัดการที่กำลังหมุนเก้าอี้หันกลับมา
“ไง อรุณรดา”
“มาร์ติน!”
เธออ้าปากหวอ ดวงตาเบิกถลนชะงักอึ้งครู่หนึ่ง
‘ใช่มาร์ตินจริงๆหรือ เขามาทำไม’
“ดีจัง จำชื่อกูได้ด้วย”
สีหน้าและวาจาของเขาส่อเค้าว่าไม่ได้มาดี เธอส่ายศีรษะช้าๆ เพ่งมองเขาอย่างเต็มตา รีบตั้งสติก่อนก้าวเท้าถอยหลัง
“อย่าคิดหนี!”
ไปไม่ถึงสามก้าวก็ถูกเขาขู่เสียงเหี้ยม
“ตกใจทำไม? เราเคยเจอกันด้วยหรือ คุณอรุณรดา?”
“อะ เอ่อ..?”
สองมือเย็นเฉียบประสานกันไว้ด้านหน้า เธอยืนนิ่ง ยืดตัวตรง ริมฝีปากสีชมพูอ่อนเม้มแน่นเพื่อข่มอารมณ์ปั่นป่วนในใจไว้
‘นั่นสิ ตอนนี้เธอคืออรุณรดา ไม่มีทางรู้จักคนอย่างเขาแน่’
“ไม่เคยเจอค่ะ”
เขาคลี่ยิ้มออกมาราวกับปิศาจ ร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีเทาเดินตรงเข้ามาหาเธออย่างเอาเรื่อง วินาทีนั้นเธอรับรู้ถึงระดับไอร้อนผ่าวจากนรกกำลังจะมาเยือนเธอเข้าแล้ว อรุณรดารีบวิ่งหน้าตั้งไปจนถึงประตูพยายามเปิดอย่างไรก็เปิดไม่ออก
“เปิดประตูให้ฉันออกไปด้วยค่ะ ฉันเสร็จธุระแล้ว”
เธอทุบระรัวพลางตะโกนร้องเรียกเลขาหน้าห้องซึ่งไร้วี่แววการตอบรับ
“โอ๊ย!”
แขนเรียวเล็กถูกฝ่ามือใหญ่บีบไว้แน่นก่อนกระชากเข้าหาตัว
“ใครบอกกันล่ะ ธุระเรายังเพิ่งจะเริ่มเอง”จเ็็
“ปล่อยนะ คุณมาทำไม”
“เอ้า จำผัวเก่าได้แล้วหรือ ก็ไหนเพิ่งบอกไปว่าไม่เคยเจอล่ะ?”
“ฉันคืออรุณรดาค่ะ”
เธอพยายามแข็งข้อทุบตีมือเขาข้างที่จับแขนเธอให้คลายออกแต่ยิ่งทำอย่างนั้นคนที่เจ็บปวดมากขึ้นกลับเป็นเธอ เพราะเขาออกแรงบีบชนิดที่สามารถทำให้แขนเธอหักได้
“จะบอกว่าแสงรุ่งตายแล้ว ว่างั้น?”
“ค่ะ แสงรุ่งตายแล้ว ว้าย!” เอ่ยไม่ทันไรร่างเล็กลอยหวือขึ้นไปพาดบนไหล่กว้างของเขา
“ปล่อยนะ อย่ามาบ้าแถวนี้! ต่างคนก็ต่างอยู่ไปสิจะกลับมายุ่งกับฉันทำไม”
“กล้ามากนะที่หลอกตบตากูได้ตั้งห้าปี”
เขาแบกเธอพลางผิวปากไม่สนฟังคำก่นด่าโวยวายน่ารำคาญหู ร่างกำยำเดินไปยังโซนรับแขกทุ่มเธอลงบนโชฟาก่อนทาบทับร่างบางไม่ให้ขยับหนีไปไหน
“ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไงก็บอกให้ปล่อย อื้ย อย่านะไอ้บ้า”
เธอปัดป่ายมือใหญ่ที่พยายามแกะกระดุมเสื้อเธอออก อีกข้างสอดล้วงเข้าไปในกระโปรงทรงสอบที่รั้งขึ้นสูงจนเห็นขาอ่อนผิวขาวเนียนนุ่มดูมีน้ำมีนวลมากกว่าแต่ก่อนมาก
“ไอ้บ้าอย่ามาทำป่าเถื่อนกับฉันแบบนี้นะ!” ร่างเล็กพยายามดิ้นหนีสุดแรงเกิด
“ทำไม ได้ผัวใหม่แล้วลืมผัวเก่าไปเลยหรือ เถอะน่า ไหนๆก็เคยๆกันแล้วขอทบทวนสักยกเถอะ”
นิ้วใหญ่สะกิดติ่งกระสันกดบี้ลงอย่างรุนแรงจนเธอกรีดร้องด้วยความหวาดผวามากกว่าจะเสียวซ่าน
“ช่วยด้วยค่ะ ฮึก ช่วยด้วย”
“ร้องให้ตายก็ไม่มีใครมาช่วยหรอกเด็กน้อย”
“อึ้ย ไอ้บ้า อย่ามาทำบ้าๆแบบนี้กับฉันนะ”
“บ้ากว่านี้เรายังเคยทำเลย หรือจำไม่ได้” ลิ้นสากลากไล้ไปตามกรอบหน้า พร้อมเอ่ยน้ำเสียงกระซิบแหบน่ากลัว
“ ให้กูระลึกความหลังไหม?”
“อย่า” มีเพียงใบหน้าเท่านั้นที่สามารถขยับส่ายไปมาได้ หน้าอกอวบกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงหอบเหนื่อยยิ่งเพิ่มความหื่นกระหายให้เขาดึงทึ้งฉีกเสื้อเธอออกอย่างรีบร้อนใจ
แคว่ก
“ว้าว นมใหญ่ขึ้นเสียด้วย”
“ไอ้สารเลว หยุดทำร้ายฉัน! อื้ออ”
อรุณรดาร้องเสียงหลงเมื่อมือหนาตะปบบีบขยำเนื้อนุ่มหยุ่นที่เธอหวงแหนมาห้าปีจนรู้สึกปวดร้าวไปหมด
“ซี้ดดด นมใหญ่ขึ้นมาก”
“ฮึก ได้โปรดอย่าทำแบบนี้เลยนะคะ” เธอวอนขอทั้งน้ำตา ใบหน้าคมเข้มชะงักค้างโน้มลงมาใกล้ดวงตากลมโตตื่นตระหนก หัวใจเธอเต้นรัวราวจะหลุดจากอกวินาทีที่เขาจ้องตาเธอเขม็ง กลิ่นความเป็นเขานำพาเอาความหลังหวนคืนกลับมา ดวงตาคู่สวยปิดสนิทเมื่อถูกริมฝีปากหยักพรมจูบตามซอกคอระหง ร่างกายเธออ่อนเปลี้ยหายใจรวยรินใต้ร่างล่ำสัน
“อื้อ”
ลิ้นร้อนปาดเลียลากไล้ตามใบหูเลื่อนลงมาถึงปลายยอดถันสีสวย