Chapter.6 Ncระลึกความหลัง

2203 คำ
Chapter.6 Ncระลึกความหลัง สโรชาออกอาการตื่นเต้นแทนเพื่อนสาวที่ทางโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาอย่าง เดอะ ริเวอร์ ติดต่อกลับมาหาอรุณรดาเพื่อนัดสัมภาษณ์เธอในอีกสามวันข้างหน้าในตำแหน่งผู้ช่วยพนักงานฝ่ายบัญชี การฝึกงานครั้งนี้เธอไม่ได้คาดหวังที่จะต่อยอดไปสู่หน้าที่การงานหลังจากเรียนจบเพราะมีธุรกิจรับผิดชอบที่ชัดเจนอยู่ เหตุผลเพียงแค่อยากฝึกงานในบริษัทที่ใกล้กับมหาวิทยาลัยที่อาจารย์ภุชงค์สอนอยู่แค่นั้นเอง เธอหวังเพียงได้อยู่ใกล้ ทานมื้อเที่ยงด้วยกันทุกวันเพื่อรักษาความสัมพันธ์ให้คงอยู่ไม่ห่างเหินกันมากไปกว่านี้ “รดา ฉันขอไปฝึกงานกับแกได้ไหม นะนะ” สโรชาคะยั้นคะยอบีบนวดไหล่และแขนเธอหนุบหนับ “อ้าว แล้วที่บริษัทนั้นล่ะ ไม่ไปแล้วหรือ?” “เค้ายังไม่ตอบกลับมาเลย นะนะ แกช่วยแนะนำฉันด้วยนะว่าต้องกรอกแบบไหนถึงได้ถูกโรงแรมใหญ่ขนาดนั้นสนใจน่ะ” “อืม ได้สิ แค่นี้เอง พรุ่งนี้มาหาฉันที่ห้องนะ” “เย้ เพื่อนฉันน่ารักที่สุด” เธอโผเข้ากอดอรุณรดาเพื่อนสาวที่แสนดีคอยช่วยเหลือผลักดันเธอเรื่องเรียนมาโดยตลอด ถ้าไม่มีอรุณรดาป่านนี้เธอคงเที่ยวเล่นจนเกรดตก หรืออาจจะโดนพ้นสภาพการเป็นนักศึกษาไปนานแล้ว “ขอบคุณนะเพื่อน ไว้เจอกัน” “อื้ม” เธอโบกมือตอบกลับสโรชาที่วันนี้มีหนุ่มหล่อขับรถยนต์มารับเธอถึงหน้ามหาวิทยาลัย ทั้งสองเต็มใจจะไปส่งอรุณรดาถึงที่พักแต่เธอปฏิเสธเอาท่าเดียวอาจจะเพราะเคยชินกับการใช้ชีวิตดั่งเข็มนาฬิกาที่หมุนวนไปมาไม่ยอมเปลี่ยนแปลงวิถีการใช้ชีวิตให้แปลกใหม่ เธอเคยให้สโรชาและแฟนเก่าพาไปส่งแล้วครั้งหนึ่งรู้สึกอึดอัดมาก รู้สึกว่าคิดถูกที่ปฏิเสธและขอเดินทางกลับเอง หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างสบายใจเมื่อหย่อนบั้นท้ายลงนั่งบนเกาะรถบัสคันเก่า เธอไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนติดตามตั้งแต่หน้าทางเข้ามหาวิทยาลัยไปจนถึงที่พัก “เธอถึงที่พักแล้วครับ” คนของมาร์ตินรายงานให้ทราบเสร็จสรรพระหว่างที่เจ้าตัวกำลังยุ่งกับการเบิกถอนเงินจำนวนมหาศาลในการซื้อหุ้นของโรงแรมหรูที่อรุณรดาจะฝึกงานอยู่ อาจจะเป็นการทุ่มทุนสร้างอย่างไร้เหตุผลในความคิดของเรฟ แต่เขาก็ต้องก้มหน้าดำเนินการตามสั่งไม่กล้าขัดขวางหรือแสดงความคิดเห็นตรงกันข้ามอยู่แล้ว เมื่อถึงกำหนดวันนัดสัมภาษณ์ อรุณรดาและเพื่อนสาวในชุดสูทสีดำยืนสูดลมหายใจเข้าลึกสุดก่อนเดินตีไหล่คู่เข้าไปด้วยกัน เมื่อไปถึงฝ่ายประชาสัมพันธ์ด้านหน้าทั้งสองสอบถามครู่หนึ่งก่อนขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นสามซึ่งมีผู้จัดการฝ่ายบุคคลรออยู่ “สวัสดีค่ะ” เธอและเพื่อนพนมมือไหว้อย่างนอบน้อม โชคดีที่บรรยากาศการสัมภาษณ์ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เพราะมีเพียงผู้จัดการชายวัยกลางคนเพียงคนเดียวที่กำลังนั่งจิบชารอทั้งสองอย่างเป็นกันเอง “เชิญนั่งสิ ตามสบายนะไม่ต้องเกร็ง เอาล่ะเข้าเรื่องเลยนะครับ” สองสาวนั่งลงพลางยืดตัวตรงฉีกยิ้มรับจางๆทว่าหัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น “ทางโรงแรมของเราได้มีการปรับเปลี่ยนผังผู้บริหารอย่างกะทันหัน จากที่ต้องการให้ทั้งสองฝึกงานที่นี่คงต้องขอเปลี่ยนสถานที่เป็นรีสอร์ทที่สาขาทางใต้นะครับ” “คะ?” อรุณรดาค่อนข้างตกใจกับเรื่องใหม่นี้ ขณะที่อีกคนดีใจใหญ่ “ออ ใช่รีสอร์ตดังริมทะเลใช่มั้ยคะ” สโรชาโพล่งถาม “ใช่ครับ ที่นั่นเลย แต่ทางเราไม่ได้เอาเปรียบน้องๆฝึกงานให้ทำฟรีหรือให้ค่าตอบแทนน้อยนิดดังที่กรุงเทพนี่หรอกครับ เรามีที่พักฟรีและค่าจ้างเดือนละห้าหมื่นบาทต่อคน” “หา ห้าหมื่นเลยหรือคะ? ค่ะ ไปค่ะ ไม่ขัดข้องเลยค่ะ” สโรชารีบตอบรับทันควัน “แต่ดิฉันคงต้องขอคิดดูก่อนนะคะ” รดาตอบเสียงอ่อน เมื่อมันไม่ได้เป็นไปตามความตั้งใจแรกของเธอเลยสักนิด “แต่ทางเราค่อนข้างต้องการพนักงานที่เก่งภาษามากเลยนะครับ เราเห็นว่าคุณสามารถติดต่อสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีเยี่ยม และคุณสมบัติของคุณมันจำเป็นสำหรับทีมบริหารใหม่ในสาขานั้นที่ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติน่ะครับ” สโรชานั่งห่อไหล่ลงอย่างหมดหวังเมื่อเธอไม่ได้เก่งภาษาเอาเสียเลย เธอเอื้อมมือไปสะกิดขาอรุณรดาเพื่อขอให้เธอตอบรับไปเถอะ แต่รดายังส่ายหน้าแทนคำตอบ เป็นอันว่าการสัมภาษณ์ในวันนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป ส่วนผู้จัดการยังยินดีที่จะรอฟังคำตอบจากทั้งสอง อรุณรดาเดินตามเพื่อนสาวที่ทำหน้าบึ้งตึงใส่เธอตั้งแต่ชั้นสามยันล็อบบี้ “นี่ โกรธกันหรือ?” ร่างสูงเพรียวหมุนตัวกลับไปมองอีกคนอย่างไม่เข้าใจ “นี่ แกจะไม่เอาจริงๆ? เงินห้าหมื่นเลยนะไม่ใช่หมื่นห้า โอกาสดีๆแบบนี้หาได้ที่ไหน แถมเค้ายังบอกว่าเรามีสิทธิ์จะได้รับการบรรจุเป็นพนักงานของทางโรงแรมหลังเรียนจบอีก” “แกก็รู้ว่าฉันต้องบริหารร้านอาหารแทนน้านี่” “แล้วไง อดทนฝึกงานอยู่กับฉันช่วยบอกฉันเรื่องภาษาอังกฤษแค่สองเดือนเองน่า ฝึกเสร็จแล้วค่อยว่ากันอีกที นี่แกเงินแสนไม่ใช่น้อยๆเลยนะ” “แกไม่รู้สึกแปลกบ้างเลยเหรอ ฉันว่า มันไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่เลยที่เราจะได้เงินเดือนเยอะขนาดนั้น” “โหย แกไม่รู้อะไรแล้วว่าราคาที่พักรีสอร์ตริมทะเลที่นั่นเป็นแสนต่อคืนเลยนะ วิวดี แขกส่วนใหญ่ก็ดาราเซเลปเงินหนาทั้งนั้น” “ฉันอยากอยู่ที่นี่ ถึงจะได้เงินน้อยกว่าก็ตาม” “เห้อ อย่ามักน้อยนักเลย ทะเยอทะยานบ้างก็ได้นะ” สโรชายืนกรอกตามองบน “ก็เคยแล้วมันไม่เวิร์คไง ใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายน่ะดีแล้ว” เธอตอบเสียงเรียบเย็น แต่ยิ่งเพิ่มความคุกรุ่นให้อีกคนเป็นเท่าตัว “แกอยากเฝ้าผู้ชายก็บอกมาเหอะ ไม่ต้องมาพูดดีว่าไม่อยากทะเยอทะยานเลย” “แกไม่เข้าใจฉัน” เธอส่ายหน้าเป็นน้ำเย็นคอยลูบเพื่อน “จ้า ไม่ได้ตามเฝ้า แต่ยอมทิ้งงานและเงินดีๆเพื่อทานมื้อเที่ยงกับผู้ชายเนี่ยนะ? แกมันน่าสมเพช” สโรชาตะเบงเสียงแหลมก่อนสะบัดตัวเดินหนีจากเธอไปอย่างไม่พอใจ ในระหว่างที่อรุณรดายังคงยืนอึ้งอยู่ มีพนักงานสาวสวยแผนกต้อนรับเดินเข้ามาหาเธอด้วยท่าทีสุภาพ “โทษนะคะ ใช่คุณอรุณรดาใช่มั้ยคะ?” “ค่ะ เอ่อ ไม่ทราบว่ามีอะไรหรือคะ?” “พอดีว่าผู้จัดการอยากขอพบคุณอีกครั้งค่ะ” “แล้วสโรชาล่ะคะ? เดี๋ยวดิฉันจะไปเรียกเพื่อน” “ออ ไม่ค่ะ ขอพบแค่คุณอรุณรดาคนเดียว เห็นบอกว่าเกี่ยวกับเอกสารที่ยังยื่นไม่ครบน่ะค่ะ” เธอเดินเหม่อลอยเข้าไปในลิฟต์เพราะยังรู้สึกสับสนว่าต้องเลือกทางไหนดีระหว่างเพื่อนและคนรัก ยอมรับว่าจำนวนเงินที่สูงขนาดนั้นทำให้คนธรรมดาอย่างเธอสนใจมากอยู่ แต่ภุชงค์ก็สำคัญกับเธอเช่นกัน เธอกลัวว่าความห่างเหินจะทำให้เกิดการเลิกราไปในที่สุด เธอยิ่งเป็นคนประเภทเฉื่อยชาน่าเบื่อเสียด้วยสิ โอกาสในการถูกทิ้งยิ่งมีสูง “เห้อ” ร่างบางยืนไหล่ห่อพิงผนังลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นบนสุดอย่างคิดไม่ตก โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังมีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องมองเธอผ่านกล้องมาตลอด เขายิ่งโกรธหนักหลังทราบสาเหตุที่เธอไม่อยากไปที่อื่นเพราะผู้ชายเพียงคนเดียว “คุณอรุณรดามาแล้วค่ะ” เลขาสาวเดินนำหน้าเธอเข้าไปยังห้องผู้บริหารคนใหม่ของรีสอร์ตหรูทางตอนใต้ อรุณรดายืนหันรีหันขวางและสะดุ้งตามเสียงประตูบานใหญ่ที่เลขาปิดเอาไว้ เธอเดินตรงไปยังโต๊ะทำงานที่คิดว่าเป็นผู้จัดการที่กำลังหมุนเก้าอี้หันกลับมา “ไง อรุณรดา” “มาร์ติน!” เธออ้าปากหวอ ดวงตาเบิกถลนชะงักอึ้งครู่หนึ่ง ‘ใช่มาร์ตินจริงๆหรือ เขามาทำไม’ “ดีจัง จำชื่อกูได้ด้วย” สีหน้าและวาจาของเขาส่อเค้าว่าไม่ได้มาดี เธอส่ายศีรษะช้าๆ เพ่งมองเขาอย่างเต็มตา รีบตั้งสติก่อนก้าวเท้าถอยหลัง “อย่าคิดหนี!” ไปไม่ถึงสามก้าวก็ถูกเขาขู่เสียงเหี้ยม “ตกใจทำไม? เราเคยเจอกันด้วยหรือ คุณอรุณรดา?” “อะ เอ่อ..?” สองมือเย็นเฉียบประสานกันไว้ด้านหน้า เธอยืนนิ่ง ยืดตัวตรง ริมฝีปากสีชมพูอ่อนเม้มแน่นเพื่อข่มอารมณ์ปั่นป่วนในใจไว้ ‘นั่นสิ ตอนนี้เธอคืออรุณรดา ไม่มีทางรู้จักคนอย่างเขาแน่’ “ไม่เคยเจอค่ะ” เขาคลี่ยิ้มออกมาราวกับปิศาจ ร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีเทาเดินตรงเข้ามาหาเธออย่างเอาเรื่อง วินาทีนั้นเธอรับรู้ถึงระดับไอร้อนผ่าวจากนรกกำลังจะมาเยือนเธอเข้าแล้ว อรุณรดารีบวิ่งหน้าตั้งไปจนถึงประตูพยายามเปิดอย่างไรก็เปิดไม่ออก “เปิดประตูให้ฉันออกไปด้วยค่ะ ฉันเสร็จธุระแล้ว” เธอทุบระรัวพลางตะโกนร้องเรียกเลขาหน้าห้องซึ่งไร้วี่แววการตอบรับ “โอ๊ย!” แขนเรียวเล็กถูกฝ่ามือใหญ่บีบไว้แน่นก่อนกระชากเข้าหาตัว “ใครบอกกันล่ะ ธุระเรายังเพิ่งจะเริ่มเอง”จเ็็ “ปล่อยนะ คุณมาทำไม” “เอ้า จำผัวเก่าได้แล้วหรือ ก็ไหนเพิ่งบอกไปว่าไม่เคยเจอล่ะ?” “ฉันคืออรุณรดาค่ะ” เธอพยายามแข็งข้อทุบตีมือเขาข้างที่จับแขนเธอให้คลายออกแต่ยิ่งทำอย่างนั้นคนที่เจ็บปวดมากขึ้นกลับเป็นเธอ เพราะเขาออกแรงบีบชนิดที่สามารถทำให้แขนเธอหักได้ “จะบอกว่าแสงรุ่งตายแล้ว ว่างั้น?” “ค่ะ แสงรุ่งตายแล้ว ว้าย!” เอ่ยไม่ทันไรร่างเล็กลอยหวือขึ้นไปพาดบนไหล่กว้างของเขา “ปล่อยนะ อย่ามาบ้าแถวนี้! ต่างคนก็ต่างอยู่ไปสิจะกลับมายุ่งกับฉันทำไม” “กล้ามากนะที่หลอกตบตากูได้ตั้งห้าปี” เขาแบกเธอพลางผิวปากไม่สนฟังคำก่นด่าโวยวายน่ารำคาญหู ร่างกำยำเดินไปยังโซนรับแขกทุ่มเธอลงบนโชฟาก่อนทาบทับร่างบางไม่ให้ขยับหนีไปไหน “ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไงก็บอกให้ปล่อย อื้ย อย่านะไอ้บ้า” เธอปัดป่ายมือใหญ่ที่พยายามแกะกระดุมเสื้อเธอออก อีกข้างสอดล้วงเข้าไปในกระโปรงทรงสอบที่รั้งขึ้นสูงจนเห็นขาอ่อนผิวขาวเนียนนุ่มดูมีน้ำมีนวลมากกว่าแต่ก่อนมาก “ไอ้บ้าอย่ามาทำป่าเถื่อนกับฉันแบบนี้นะ!” ร่างเล็กพยายามดิ้นหนีสุดแรงเกิด “ทำไม ได้ผัวใหม่แล้วลืมผัวเก่าไปเลยหรือ เถอะน่า ไหนๆก็เคยๆกันแล้วขอทบทวนสักยกเถอะ” นิ้วใหญ่สะกิดติ่งกระสันกดบี้ลงอย่างรุนแรงจนเธอกรีดร้องด้วยความหวาดผวามากกว่าจะเสียวซ่าน “ช่วยด้วยค่ะ ฮึก ช่วยด้วย” “ร้องให้ตายก็ไม่มีใครมาช่วยหรอกเด็กน้อย” “อึ้ย ไอ้บ้า อย่ามาทำบ้าๆแบบนี้กับฉันนะ” “บ้ากว่านี้เรายังเคยทำเลย หรือจำไม่ได้” ลิ้นสากลากไล้ไปตามกรอบหน้า พร้อมเอ่ยน้ำเสียงกระซิบแหบน่ากลัว “ ให้กูระลึกความหลังไหม?” “อย่า” มีเพียงใบหน้าเท่านั้นที่สามารถขยับส่ายไปมาได้ หน้าอกอวบกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงหอบเหนื่อยยิ่งเพิ่มความหื่นกระหายให้เขาดึงทึ้งฉีกเสื้อเธอออกอย่างรีบร้อนใจ แคว่ก “ว้าว นมใหญ่ขึ้นเสียด้วย” “ไอ้สารเลว หยุดทำร้ายฉัน! อื้ออ” อรุณรดาร้องเสียงหลงเมื่อมือหนาตะปบบีบขยำเนื้อนุ่มหยุ่นที่เธอหวงแหนมาห้าปีจนรู้สึกปวดร้าวไปหมด “ซี้ดดด นมใหญ่ขึ้นมาก” “ฮึก ได้โปรดอย่าทำแบบนี้เลยนะคะ” เธอวอนขอทั้งน้ำตา ใบหน้าคมเข้มชะงักค้างโน้มลงมาใกล้ดวงตากลมโตตื่นตระหนก หัวใจเธอเต้นรัวราวจะหลุดจากอกวินาทีที่เขาจ้องตาเธอเขม็ง กลิ่นความเป็นเขานำพาเอาความหลังหวนคืนกลับมา ดวงตาคู่สวยปิดสนิทเมื่อถูกริมฝีปากหยักพรมจูบตามซอกคอระหง ร่างกายเธออ่อนเปลี้ยหายใจรวยรินใต้ร่างล่ำสัน “อื้อ” ลิ้นร้อนปาดเลียลากไล้ตามใบหูเลื่อนลงมาถึงปลายยอดถันสีสวย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม