คิมแฮซูก็เหนื่อยเหลือเกินกับการง้อให้ผู้จัดการส่วนตัวของนักร้องคนนี้อยู่ต่อในทุกๆ ครั้งที่มีการขอลาออก ในครั้งนี้เขาจึงได้แต่พยักหน้ารับการตัดสินใจของคนตรงหน้าโดยไม่ขัดอะไร แต่จะให้ไปง่ายๆ ก็กระไรอยู่ มันต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกันหน่อย
“ก็นะ ถ้าคุณอยากจะออก ผมก็ไม่ว่า แต่ผมมีข้อแม้อยู่อย่างนึงคือคุณต้องหาผู้จัดการคนใหม่มาแทนก่อนที่คุณจะออกให้ได้เสียก่อน ผมถึงจะยอมยกเลิกสัญญาจ้างของคุณให้”
“โธ่ ประธานคิมครับ ผมจะไปหาที่ไหนมาให้กันล่ะ” ผู้จัดการควอนโอดครวญราวกับโลกจะแตกเพราะในวงการผู้จัดการนักร้องดารา ไม่มีใครแล้วที่ยอมมาดูแลลีแทจินถึงจะได้รับค่าจ้างมหาศาลแค่ไหนก็ตาม เพราะเอาเข้าจริงๆ แล้ว เม็ดเงินที่ได้นั้นมันไม่คุ้มเลยกับการต้องไปตามล้างตามเช็ดวีรกรรมของชายหนุ่มด้วยเงินของตัวเองที่จะถูกหักทุกครั้งเมื่อลีแทจินไปก่อเรื่องและต้องชดใช้ค่าเสียหาย และจะไม่คุ้มยิ่งกว่าหากต้องใช้เงินนั้นในการรักษาพยาบาลตัวเองด้วย
“ไม่ต้องห่วง ผมเตรียมคนที่ผมอยากได้มาแล้ว คุณมีหน้าที่แค่ไปทาบทามเขามาให้ได้ก็พอ” คิมแฮซูหยักยิ้มเล็กน้อยก่อนหยิบรูปถ่ายของใครบางคนออกมาจากลิ้นชักโต๊ะแล้วโยนไปข้างหน้า
ผู้จัดการควอนเข้ามาหยิบรูปถ่ายนั้นขึ้นมาดูแล้วก็ต้องเบิกตาโพลงทันทีที่เห็นว่าคนที่คิมแฮซูต้องการจ้างต่อจากเขานั้นคือใคร
“นี่มัน... งานยักษ์เลยนะครับ ผู้จัดการชื่อดังอย่างนั้นเขาคงไม่มาให้หรอก”
“แต่ถ้าไอ้เด็กนั่นได้ผู้จัดการจอมเฮี้ยบคนนี้มาช่วย ผมมั่นใจได้เลยว่าพฤติกรรมแย่ๆ ของมันต้องถูกกำราบหมดแน่ และคุณก็ต้องทำให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ สัญญาจ้างของคุณก็จะไม่ถูกยกเลิก และถ้าคุณแกล้งหายไปเฉยๆ คุณก็จะต้องเสียค่าเสียหายให้ทางบริษัทตามที่ได้ระบุไว้ในสัญญา จำได้มั้ย” คิมแฮซูเล่นลิ้น
ผู้จัดการควอนเพิ่งจะรู้สึกตัวก็ตอนนี้ว่าตัวเองถูกประธานใหญ่ใช้เล่ห์กลเข้าให้แล้ว เขาทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่มีทางเลือกใดๆ ให้เลยสักนิด นอกจากทางเดียวเท่านั้นที่ทำให้เขาหลุดพ้นจากวงโคจรอุบาทว์นี้ได้
“ก็ได้ครับ ผมจะลองติดต่อให้” สุดท้าย เขาก็ต้องยอมรับข้อเสนออย่างจำนน
“ดี” คิมแฮซูว่าสั้นๆ พลางแสยะยิ้มส่งท้าย ก่อนที่จะโบกมือไล่ให้ว่าที่อดีตผู้จัดการส่วนตัวของลีแทจินออกไป
ทว่าทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดออก เขาก็เรียกผู้จัดการควอนขึ้นมาอีกครั้ง
ใบหน้าของผู้จัดการควอนมีเครื่องหมายคำถามปรากฏขึ้นมาพลัน ก่อนที่เสียงสุดท้ายของประธานใหญ่จะดังขึ้นและประตูจะถูกปิดลงอีกครั้ง
“บอกเขาว่าถ้าเขาทำให้ไอ้เสือกลายพันธุ์นั่นเป็นลูกแมวเชื่องๆ ได้ ผมจ่ายค่าเสียเวลาไม่อั้น”
เป็นครั้งแรกของการนัดหมายที่ประธานใหญ่นั่งรอไม่เป็นสุข เดินวนไปมาในห้อง รอการมาถึงของแขกที่นัดไว้อย่างกระสับกระส่าย ปกติแล้วเขาค่อนข้างจะเป็นคนเก็บอารมณ์เก่ง แต่ในครั้งนี้การลุ้นว่าคนที่นัดหมายจะมาหรือไม่มันสำคัญกว่าการวางมาดให้ดูน่าเกรงขามหลายเท่าตัว เพราะหลังจากที่เขาบอกความจำนงกับผู้จัดการควอนให้ติดต่อผู้จัดการคนใหม่มาให้ก่อนจะออกจากงาน เพียงข้ามวัน ผู้จัดการที่เขาหมายตาก็ติดต่อกลับมาทันทีโดยคิมแฮซูไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าเขาจะได้รับการเลือกจากผู้จัดการรายนั้นทั้งๆ ที่บริษัทอื่นๆ ก็จ่อคิวแย่งตัวเป็นทิวแถว
ไม่นานนัก เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานก็ดังขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยน้ำเสียงใสของเลขาสาว
“ท่านประธานคะ มาถึงแล้วค่ะ”
คิมแฮซูสะดุ้งเล็กน้อย รีบเดินมากดปุ่มตอบรับพลางกรอกเสียงกลับ
“ให้เข้ามาได้เลย”
สิ้นเสียง เขาก็ตรงไปทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้นวม วางท่าราวกับว่าเขานั่งอยู่ตรงนี้มานานแล้ว อึดใจเดียว คนที่เขานัดหมายไว้ก็เดินเข้ามาในห้องก่อนที่จะโค้งทักทายเขาตามทำเนียมของชาวเกาหลี
“สวัสดีครับท่านประธานคิม”
“สวัสดีครับคุณผู้จัดการ นั่งก่อนสิ” คิมแฮซูทักทายตอบ ผายมือไปยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
คนมาใหม่พยักหน้ารับเล็กน้อยก่อนจะนั่งลงตามคำเชื้อเชิญ คิมแฮซูปราดตามองสำรวจคนตรงหน้า ตัวจริงของชายหนุ่มไม่ค่อยเหมือนกับในรูปที่เขาเอาให้ผู้จัดการควอนสักเท่าไหร่นักเพราะตัวจริงดูเด็กกว่ามากโข ถึงจะบอกให้ผู้จัดการควอนไปติดต่อผู้จัดการคนนี้มาให้ได้ แต่เอาเข้าจริงเขาเองก็ยังไม่เคยเจอตัวจริงของผู้จัดการชื่อดังคนนี้มาก่อนเหมือนกัน
“คุณคงรู้แล้วสินะว่าที่ผมขอให้คุณมานี่เพราะอะไร” คิมแฮซูไม่รอช้า รีบเข้าเรื่อง
“คุณควอนบอกผมหมดแล้วครับ”
“แล้วตกลงว่าที่ผมเสนอให้คุณดูแลนักร้องในสังกัดเนี่ย คุณคิดว่ายังไงครับ”
คนฟังจ้องหน้าผู้พูดก่อนถามกลับ “ไลเกอร์น่ะเหรอครับ”
คิมแฮซูพยักหน้า ในใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ กลัวคำตอบของชายหนุ่มจะเป็นการปฏิเสธเสียเหลือเกิน
และยิ่งอีกฝ่ายไม่ตอบอะไรกลับมา คิมแฮซูก็ชักจะอึดอัด รีบแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“งานนี้ผมจ่ายค่าจ้างไม่อั้นนะครับคุณผู้จัดการ ยิ่งถ้าคุณทำให้ไอ้เด็กนั่น...เอ่อ...ไลเกอร์อยู่ในระเบียบของบริษัทได้ ผมจะจ่ายคุณเท่าที่คุณเรียกมาเลย งานนี้ผมยอมทุ่มเต็มที่”
“ผมรู้ครับ ผู้จัดการควอนบอกหมดแล้ว” ชายหนุ่มตอบรับ
ความเงียบเข้ามาครอบงำทั้งคู่อึดใจหนึ่งด้วยประธานใหญ่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อดี ยิ่งมองหน้าคนตรงหน้าก็ยิ่งอับจนคำพูดเพราะสีหน้านิ่งๆ ของเขานั้น ไม่สามารถเดาได้เลยว่าเขาคิดอะไรอยู่ จากคำร่ำลือที่ว่าผู้จัดการสุดเฮี้ยบคนนี้เป็นเจ้าชายน้ำแข็งท่าทางจะจริง เพราะนอกจากจะไม่แสดงสีหน้าท่าทางอะไรแล้ว ยังพูดคำตอบคำและทุกคำพูดที่หลุดออกมาจากริมฝีปากบางนั่นก็เหมือนกับว่าเขารู้ทันคิมแฮซูอีก ถึงจะทำให้ประธานใหญ่เสียเซลฟ์เล็กน้อยที่ต้องมาง้อคนให้ทำงานให้ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาใส่ใจนักเพราะสิ่งที่เขากลัวอย่างเดียวตอนนี้ก็คือกลัวว่าชายหนุ่มจะไม่ยอมรับงานเป็นผู้จัดการใหม่ให้นักร้องตัวร้ายนั่นมากกว่า