2 อาทิตย์ต่อมา
งานแต่งการระหว่างพายุและพลอยใส ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในโรงแรมระดับห้าดาวอันดับหนึ่งของประเทศไทย ในเมื่อเป็นการเกี่ยวดองระหว่าง เมธาอัครกุล และ จันทรพิพัฒน์ สองตระกูลที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน ทุกอย่างจึงต้องอลังการให้สมเกียรติและศักดิ์ศรี
แขกระดับนักธุรกิจชื่อดังทุกสาขา และกลุ่มมาเฟียอีกหลายกลุ่มถูกเชิญให้มาร่วมงาน ทำให้ต้องมีการปิดโรงแรมและกระจายกำลังป้องกันอีกหลายร้อยชีวิต
พายุยืนรอเจ้าสาวอยู่บนพรมสีแดงกลางห้องจัดงาน และมีญาติฝั่งเจ้าบ่าวยืนอยู่ข้างกัน
“แหม ผมล่ะอยากจะเห็นหน้าน้องพลอยใจจะขาดแล้วเนี่ย ไม่รู้ว่าโตขึ้นจะสวยขนาดไหน จะน่ารักเหมือนตอนเด็ก ๆ หรือเปล่านะ”
ไต้ฝุ่น น้องชายฝาแฝดที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พูดขึ้น ทำให้พายุต้องตวัดสายตาดุไปมอง เพื่อปรามน้องให้สำรวมบ้าง แต่คนน้องก็ได้แต่ยักไหล่แล้วก็หันไปยังประตูด้านหน้าที่กำลังเปิดออกพอดี
พลอยใสในชุดเจ้าสาวสีดำสนิทกำลังเดินคล้องแขนผู้เป็นพ่อเข้ามาข้างในงาน ท่ามกลางความตกตะลึงของแขกที่มาร่วมแสดงความยินดี และรอยยิ้มเจื่อน ๆ ของก้องภพ
ไม่ใช่เพราะความสวยของเธอ แต่เป็นเพราะชุดแต่งงานและเครื่องประดับที่เธอสวมอยู่ต่างหาก ชุดเจ้าสาวชุดนี้ไม่มีใครได้เห็นมาก่อนนอกจากพายุ จนกระทั่งถึงวันนี้ ก้องภพจึงจำยอมให้ลูกสาวสวมชุดนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้
พายุมองไปยังเจ้าสาวของตัวเองพร้อมกับกระตุกยิ้มมุมปาก เหมือนจะพอใจที่เห็นคนดื้อรั้นได้ทำในสิ่งที่ต้องการ
เด็กสาวที่เขาหลงรักในวันนั้น กำลังจะกลายเป็นภรรยาของเขาในคืนนี้ แต่พายุก็รู้ดีว่า ทุกอย่างมันคงไม่ง่ายต่อการปราบพยศพลอยใส
บรรยากาศในการฉลองเต็มไปด้วยความคึกครื้น แขกเหรื่อต่างร่วมยินดีในการเข้ารวมกันของสองตระกูล เครื่องดื่มราคาแพงถูกยกมาเสิร์ฟให้คนที่มาร่วมงานกันท่วมท้น
“ดิฉันไม่เคยเห็นชุดเจ้าสาวแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ จะว่าไปก็สวยแปลกตาไปอีกแบบนะคะ” ระหว่างที่กำลังยืนพูดคุยกับแขกที่มาร่วมงาน คุณนายคนหนึ่งที่อยู่ในโต๊ะก็พูดขึ้น
“ขอบคุณนะคะ ชุดนี้พลอยออกแบบเองเลยนะคะ เพื่อวันพิเศษโดยเฉพาะ” พลอยใสหันไปตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนที่จะเบือนหน้ามาอีกทางพร้อมกับเบะปากจนคว่ำ
คุณหญิงคุณนายพวกนี้ชอบพูดเอาอกเอาใจไปอย่างนั้นแหละ ทุกอย่างก็เพื่อธุรกิจทั้งนั้น
“พอได้มาเห็นใกล้ ๆ แล้ว คุณพลอยสวยยิ่งกว่าในรูปที่ไอ้พายุเอาให้ผมดูอีกนะครับ” นพคุณ เพื่อนสนิทของพายุพูดขึ้น พลอยใสจึงเงยหน้าขึ้นไปมองดูคนตัวโตที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แต่ก็เห็นเพียงใบหน้าเคร่งขรึม เหมือนไม่ยินดีสักนิดที่เพื่อนของเขาชมเธอ
พลอยใสเดินควงแขนพายุเดินไปทักทายและขอบคุณแขกที่มาร่วมงานทุกโต๊ะ ทำเอาเจ้าสาวหมาด ๆ หน้าเริ่มยู่เพราะความเหนื่อย
“น้องพลอยยิ้มสวย ๆ หน่อยสิคะ เดี๋ยวคนเขาจะหาว่าเจ้าสาวถูกบังคับมา” พายุก้มตัวลงมากระซิบข้างหู แต่แทนที่พลอยใสจะทำตาม เธอกลับทำหน้าบึ้งตึงเข้าไปอีก
“ถ้ามีคนเข้าใจแบบนั้นก็ดีน่ะสิคะ พวกเขาเข้าใจถูกแล้วค่ะ เพราะว่าพลอยก็โดนบังคับจริง ๆ”
“ถ้าน้องพลอยยังดื้อ ไม่ยอมทำตัวให้น่ารักจนกว่างานจะจบ เฮียก็จะจูบน้องพลอยโชว์ทุกคนตอนนี้เลย จะลองดูไหมคะ”
ทันทีที่พายุพูดจบ พลอยใสก็ถลึงตาใส่เขาทันที เธอพองแก้มโกรธอย่างน่ารัก จนทำให้คนตัวโตแอบขำในท่าทางของเธอ แต่มันก็ได้ผล พลอยใสหันมาฉีกยิ้มหวานน่าขุนลุกให้กับทุกคนที่อยู่ในงานอีกครั้ง
...ฝากไว้ก่อนเถอะ...
“เฮ้อ! โคตรจะเหนื่อย ทำไมต้องเชิญคนมาเยอะขนาดนี้ก็ไม่รู้ ก็อีแค่งานแต่งเพราะหน้าที่” พลอยใสบ่นขึ้นเมื่อเธอเข้ามานั่งข้างในรถเรียบร้อยหลังจากงานฉลองจบลง
“น้องพลอย พูดให้เพราะ ๆ หน่อยสิคะ” พายุเอ่ยปรามภรรยาคนสวย
“เรื่องแค่นี้เอง เฮียจะอะไรกันหนักหนา รีบ ๆ พาพลอยกลับไปส่งที่บ้านได้แล้ว ทั้งเหนื่อย ทั้งง่วง”
“ใครบอกว่าเฮียจะไปส่งน้องพลอยกลับบ้านคะ เราแต่งงานกันแล้ว ตั้งแต่คืนนี้ น้องพลอยจะต้องย้ายมาอยู่ที่บ้านเฮีย”
พลอยใสเบิกตาโตอ้าปากพะงาบ ๆ ไม่มีเสียงพูดใดออกมา เธอลืมคิดเรื่องนี้ไปได้ยังไง
“แต่พลอยยังไม่ได้ตกลงที่จะย้ายไปอยู่บ้านเฮียสักหน่อย ไม่รู้ล่ะ ยังไงเฮียก็ต้องส่งพลอยกลับบ้าน” คนตัวเล็กพูดจาขึงขัง พร้อมกับยกแขนขึ้นมากอดอกอย่างเอาแต่ใจ
“คงจะทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกค่ะ เพราะเฮียให้ลูกน้องขนของทุกอย่างของน้องพลอยมาไว้ที่บ้านเฮียหมดแล้ว”
“ขนมาหมดแล้ว เฮียก็ใช้ลูกน้องขนกลับไปสิ มันจะยากอะไร ลูกน้องมีเป็นร้อยเป็นพัน”
“ไม่ล่ะ เฮียไม่อยากจ่ายเงินค่าทำงานล่วงเวลาให้พวกมัน เสียดายเงิน”
พลอยใสนิ่งอึ้งไปหลายวินาที ไม่คิดว่าคนอย่างพายุจะใช้เหตุผลนี้ในการปฏิเสธเธอ เสียดายเงิน ทั้ง ๆ สมบัติที่ตระกูลของเขามีอยู่นั้น เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิด อีกสัก 25ชาติภพก็ยังใช้ไม่หมดด้วยซ้ำ
“ภูดิศ ออกรถได้แล้ว” พายุออกคำสั่งให้ลูกน้องคนสนิทออกรถตรงกลับบ้านตัวเองทันที
พลอยใสนั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับ เธอโกรธพายุจนแทบจะเห็นควันพุ่งออกมาจากสองหู แต่ดันทำอะไรไม่ได้ เลย จำยอมต้องตามเขากลับมาที่บ้านด้วย
คฤหาสน์พายุ
พลอยใสเดินกระทืบเท้าตึงตังเข้ามาในตัวคฤหาสน์ด้วยความไม่พอใจ ด้วยใบหน้าที่กำลังโมโหคนตัวโตที่เดินตามหลังอยู่ ทำให้แม่บ้านที่รอต้อนรับต้องกรูถอยหลัง
“วินี พานายผู้หญิงขึ้นไปบนห้องก่อน เดี๋ยวฉันตรวจงานเสร็จจะตามขึ้นไป” พายุหันไปสั่งแม่บ้านที่น่าจะอายุพอ ๆ กับพลอยใส
“ค่ะนายท่าน เชิญนายผู้หญิงทางนี้เลยค่ะ” วินีก้มหัวรับคำสั่งพร้อมกับผายมือให้พลอยใสเดินขึ้นไปยังชั้นบนของบ้าน
เมื่อถึงหน้าห้อง วีนีก็หยุดเดินแล้วเปิดประตูให้พลอยใสเข้าไปข้างใน
“ห้องนี้เป็นห้องนอนของนายท่าน นายผู้หญิงพักผ่อนได้ตามสะดวกเลยนะคะ อยากได้อะไรเพิ่มเติมก็เรียกวินีได้ตลอดนะคะ”
พลอยใสได้แต่พยักหน้ารับ แล้วก็เดินเข้าไปในห้อง เธอทิ้งตัวลงบนที่นอนขนาดใหญ่ด้วยความเหนื่อยล้า ดวงตากลมสวยคลอไปด้วยหยดน้ำตา แล้วก็ปล่อยให้ไหลลงอาบแก้มเนียนโดยไร้เสียงสะอื้น
“จนถึงตอนนี้ พ่อก็ไม่เคยถามหนูเลยว่าหนูเต็มใจไหม มีความสุขไหม” เสียงตัดพ้ออย่างน้อยใจดังขึ้นเพียงเบา ๆ
ที่จริงพลอยใสไม่ได้รังเกียจที่ต้องแต่งงานกับพายุ เขาเป็นผู้ชายที่น่าจะดูแลเธอได้ดี อันนี้เธอก็รู้ เพียงแต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา พลอยใสมักจะโดนกำหนดให้เดินตามกรอบของผู้เป็นพ่ออยู่เสมอ ความรู้สึกต่อต้านมันเลยสะสมอยู่ในใจ
“น้องพลอยยังไม่อาบน้ำเปลี่ยนชุดอีกเหรอคะ” เสียงของพายุดังขึ้นพร้อม ๆ กับประตูห้องที่เปิดออก ทำให้พลอยใสต้องรีบเช็ดคราบน้ำตาให้แห้งสนิท
“ไม่อะ เหนื่อย แล้วก็ขี้เกียจ”
พูดเสร็จเธอก็ทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนทันที
“ไปอาบน้ำเถอะค่ะ หรือน้องพลอยอยากจะให้เฮียอาบให้คะ” พายุพูดพลางย่างกรายเข้ามาหาเธออย่างช้า ๆ ทำให้คนตัวเล็กที่นอนอยู่รีบดีดตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
“เฮียอยากจะอาบก็อาบไปคนเดียวเถอะ หรือถ้ากลัวว่าพลอยจะตัวเหม็น พลอยนอนโซฟาก็ได้นะ ไม่เกี่ยงอยู่แล้ว”
พรึ่บ! ว้าย! ไม่มีคำตอบจากคนที่ยืนอยู่ รู้ตัวอีกทีพายุก็ช้อนตัวเธอขึ้นมาอุ้มเอาไว้อยู่ในอ้อมแขน จนพลอยใสร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ นัยน์ตาคมสีเทาจ้องมองเธอด้วยสายตาพราวระยับก่อนที่จะพูดออกมา
“ไม่อาบไม่ได้ค่ะ เพราะเราจะต้องเข้าหอกันก่อน”
////////////////////
มาลุ้นกันค่ะ ว่าจะได้เข้าหอกันตอนไหน