‘19:50นาที’
‘ณ คอนโดแห่งหนึ่ง’
เสียงดังเจี๊ยวจ๊าวดังขึ้นไม่ขาดสาย ซึ่งเสียงดังกล่าวก็ดังมาจากนักศึกษาที่พากันมาเช่าห้องพักที่อยู่ใกล้ๆมหาวิทยาลัย และที่เหล่าบรรดานักศึกษาพากันเสียงดังกันแบบนี้ ก็เพราะว่าทุกๆ คืนของวันศุกร์วัยรุ่นทุกคนจะพากันออกไปปลดปล่อยอารมณ์ หลังจากที่พวกเขาพากันเคร่งเครียดกับการเรียนมายาวนานถึงห้าวันยังไงล่ะ
แต่กับแก้มใสนั่นไม่ใช่เลย เธออยากกลับบ้านไปหาพ่อแม่มากกว่า แต่เธอก็ขัดเพื่อนๆไม่ได้ เพราะวันนี้เพื่อนๆชวนเธอไปเที่ยวตลาดนัดที่เปิดใหม่ และยังขอให้เธอติวหนังสือให้อีกด้วยเพราะวันจันทร์หน้าก็จะสอบแล้ว
ซึ่งในระหว่างนี้เธอก็นอนรอสายจากที่บ้านด้วยความเคยชิน เพราะแม่ของเธอชอบโทรมาช่วงเวลาสองทุ่ม และแล้วก็เป็นอย่างที่คิด
กริ๊งๆ
สองทุ่มพอดิบพอดี เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น แน่นอนว่าแก้มใสก็รีบกดรับสายแล้วเอ่ยปากทักทายไปตามสายทันที
“สวัสดีค่ะแม่”
‘ว่าไงลูก อาทิตย์นี้ไม่กลับบ้านจริงๆเหรอ หื้ม’ เสียงของผู้เป็นแม่เอ่ยถามลูกสาวสุดที่รักด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน และไม่ลืมที่จะเอ่ยปากถามลูกสาวเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง เพราะช่วงเช้าแก้มใสโทรไปบอกเธอว่าอาทิตย์นี้ไม่ได้กลับบ้าน
“ไม่ได้กลับค่ะแม่ ช่วงนี้แก้มใสใกล้สอบแล้ว แก้มใสเลยต้องติวหนังสือกับเพื่อนๆค่ะแม่” ปากเรียวสวยเอ่ยบอกผู้เป็นแม่ไปตามความจริง แต่ก็ไม่ทั้งหมด เพราะคืนนี้เธอกับเพื่อนๆไม่ได้ติวเลยแม้แต่วิชาเดียว แต่เธอกับเพื่อนๆจะพากันไปเที่ยวตลาดนัดกลางคืนต่างหาก
‘จ้ะ งั้นก็ติวให้สนุกนะลูก อย่าหักโหมมากนะลูก ติวไปนั่งกินของหวานไป มันช่วยทำให้สมองคนเราโล่งสบายได้ๆเลยจ้ะ’ นิราเอ่ยผ่านสายด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับบอกสูตรลับในช่วงติวหนังสือให้ลูกสาวฟัง เพราะสมัยที่เธอยังเรียนมหาวิทยาลัย เธอก็ทำแบบนั้นเช่นกัน
แน่นอนว่าทันทีที่นิราพูดจบ แก้มใสก็ยิ่งให้แก้มใสรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่
“ค่ะแม่ แก้มใสรักแม่นะคะ ไว้แก้มใสจะโทรหาแม่กับพ่อบ่อยๆนะคะ”
‘จ้ะลูก ติวให้สนุกนะคะ แม่รักลูกนะ งั้นแม่ไม่รบกวนแล้วจ้ะ บาย’ พูดจบนิราก็ตัดสายไปทันที
สวัสดีค่ะทุกคน ฉันชื่อแก้มใส ฉันเป็นลูกสาวคนเดียวของแม่นิราและพ่ออนันต์ หรือจะเรียกง่ายๆว่าลูกสาวคนเดียวของตระกูลชัยอนันต์ก็ได้ค่ะ จริงๆแล้วฉันบ้านของฉันก็อยู่ที่กรุงเทพนะคะ แต่อยู่คนละฝั่งกับมหาวิทยาลัยที่ฉันเรียน ตอนนี้ฉันอยู่ปี 4 แล้ว ซึ่งก็เป็นปีสุดท้ายแล้ว และนั่นจึงทำให้ฉันขออนุญาตคุณพ่อกับคุณแม่ออกมาอยู่ที่คอนโดกับเพื่อนสนิทอีก 2 คน และเพื่อนสนิทที่ฉันหมายถึงนั่นก็คือยัยณิชาและยัยเดซี่ พวกเราอยู่คอนโดเดียวกัน ชั้นเดียวกัน เพียงแต่อยู่คนละห้อง การอยู่คอนโดมันเป็นอะไรที่สนุกมาก แต่ฉันก็มักจะกลับบ้านทุกๆวันเสาร์อาทิตย์ ยกเว้นอาทิตย์นี้
ฉันกับยัยณิชาและยัยเดซี่เป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียนปี 1 ตลอดเวลาที่คบกันมา ฉันมักจะคิดอยู่เสมอว่า ฉันเป็นตัวถ่วงของเพื่อนๆ เพราะเพื่อนทั้งสองคนของฉันเป็นสาวสวย เปรี้ยวจี๊ด แต่งตัวตามแฟชั่นสุดๆ เดินไปไหนก็มักจะมีหนุ่มๆมองตามอย่างไม่ละสายตาเลย
ส่วนฉันน่ะเหรอ ฉันมีบุคลิกที่ไม่น่าสนใจเลยสักนิด เพราะการแต่งตัวของฉันนั้นต่างกับเพื่อนๆในแก๊งมาก ฉันชอบแต่งตัวมิดชิด ใส่แว่นตาหนาเตอะเพราะสายตาสั้น แต่ฉันก็ไม่สนใจหรอกนะว่าใครจะมองว่าฉันเชยหรือเฉิ่ม เพราะการแต่งตัวแบบนี้มันคือตัวตนของฉัน
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นถี่ๆ หลังจากที่แก้มใสเพิ่งวางสายจากผู้เป็นแม่ไปได้ไม่นาน และแน่นอนว่าจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเพื่อนๆของเธอ แก้มใสรีบวางโทรศัพท์มือถือลงแล้วรีบเดินไปเปิดประตูทันที
“ทำอะไรอยู่ยะ ใจคอจะปล่อยให้ฉันเคาะจนนิ้วหักเลยหรือไง” เสียงของณิชาเพื่อนรักของแก้มใสเอ่ยขึ้น ก่อนที่เธอจะเดินเข้ามานั่งลงที่เตียงนุ่มด้วยสีหน้าท่าทางหงุดหงิดเล็กน้อย
“สวัสดีค่ะเพื่อนสาว พร้อมหรือยังจ๊ะ” ผิดกับเดซี่ที่เดินเข้ามาอย่างเฉิดฉายและอารมณ์ดีสุดๆ
“พร้อมแล้ว ปะ ไปกันเถอะ จะได้รีบไปรีบกลับ” สิ้นสุดคำถามของเดซี่ แก้มใสก็เอ่ยตอบอย่างอารมณ์ดี เพราะเธอก็คาดหวังว่าจะได้ไปเดินเที่ยวและหาของกินอร่อยๆในค่ำคืนนี้
“เดี๋ยวๆ สภาพของแก นี่เรียกว่าพร้อมแล้วเหรอยะ” เดซี่รีบดึงแขนเรียวของแก้มใสเอาไว้ ก่อนที่แก้มใสจะเดินออกจากห้องด้วยการแต่งตัวแบบนี้ รับไม่ได้จริงๆ
“นั่นสิ นี่นะพร้อม พร้อมตรงไหน หน้าก็ไม่แต่ง ชุดนี่ก็ยังไม่เปลี่ยน ไม่ผ่านๆ แบบนี้เขาเรียกว่ายังไม่พร้อมยะ” ณิชาไม่เพียงแค่พูด เธอรีบลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาแก้มใสอย่างขัดใจ ก่อนที่เธอจะจับตัวแก้มใสหมุนไปหมุนมา เพื่อสำรวจดูการแต่งตัวของเพื่อนสาวชัดๆ
“ทำไมจะไม่ผ่าน ฉันว่าชุดนี้เหมาะกับการเดินเที่ยวสุดๆเลยนะ” สิ้นสุดคำพูดของเพื่อนๆ แก้มใสก็ไม่รอช้าที่จะสำรวจดูการแต่งตัวของตัวเอง ชุดของเธอมันแปลกตรงไหน ตอนนี้เธออยู่ในลุคชุดเดรสตัวยาวเหมือนสาวยิปซี และยังมีกระเป๋าผ้าสะพายไหล่ใบโปรดส่วนรองเท้าก็เตรียมรองเท้าผ้าใบคู่ใจ ไม่พร้อมตรงไหน เอาปากกามาวงได้เลย
ในระหว่างที่แก้มใสกำลังพูดอยู่นั้น ณิชาก็ไล่สายตามองการแต่งตัวของเพื่อนสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนที่เธอจะส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอา นี่แก้มใสคิดว่าเธอกับยัยเดซี่จะพาไปวัดหรือไงกันนะถึงได้แต่งตัวมิดชิดขนาดนี้ ขนาดแม่ชียังแต่งตัวไม่เนียบขนาดนี้เลยนะ
“นี่เจ๊ เจ๊ยังไม่บอกยัยแก้มใสเหรอว่าพวกเราจะไปเที่ยวไหนกัน ยัยนี่ถึงแต่งตัวอย่างกับป้าแบบนี้”
“ต๊าย!!!! ลืม” เดซี่ตอบสั้นๆ ก่อนที่เจ๊แกจะยิ้มแห้งๆออกมา
“บอกอะไร แล้วสรุปเราจะไปเที่ยวไหน ไม่ใช่ตลาดนัดที่เปิดใหม่หรอกเหรอ??” ทันทีที่เดซี่พูดจบ แก้มใสก็รีบพูดแทรกขึ้นมาพร้อมกับค่อยๆช้อนสายตามองดูการแต่งตัวของเพื่อนรักทั้งสองคนอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะเริ่มไม่แน่ใจว่าความคิดของเธอกับความคิดของเพื่อนๆตรงกันไหม
“วันนี้เราจะไปเที่ยวผับกันไง” ณิชาเอ่ยตอบอย่างไม่ลังเล
“นี่แกพวกแกโกหกฉันเหรอ ไหนพวกแกบอกฉันว่าจะไปเที่ยวตลาดนัดกันไง ฉันไม่ไปผับกับพวกแกหรอกนะ พวกแกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบ” เมื่อได้คำตอบ แก้มใสก็รีบเดินกลับไปนั่งที่เตียงอย่างไม่พอใจทันที
“เอาน่าแก ไปผ่อนคลายบ้าง วันๆ ฉันเห็นแกเอาแต่อ่านหนังสือ ส่วนเรื่องติวก็เอาไว้ติวพรุ่งนี้ก็ได้รับรองว่าไปเที่ยวมาสมองโล่งๆ วันจันทร์สอบผ่านแน่นอน เชื่อฉัน” เมื่อเห็น ปฏิกิริยาสีหน้าของแก้มใสหลังจากที่ได้ยินคำตอบแล้ว เดซี่ก็รีบพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอ่อนทันที ก่อนที่เธอจะรีบเดินตามไป แล้วนั่งลงข้างๆแก้มใสเชิงง้อ
“เจ๊ไม่ต้องพูดแล้ว ไปเอาชุดที่ห้องฉันมา ฉันจะแต่งหน้าให้ยัยแม่ชีนี่รอ” แน่นอนว่าคนที่ความอดทนน้อยอย่างณิชาเธอก็ไม่รอฟังคำตอบของแก้มใสเลยสักนิด เธอเอ่ยปากสั่งเดซี่ให้ไปเอาชุดของเธอมาพร้อมกับยื่นคีการ์ดให้เดซี่อย่างรู้กันทันที
“อะ…โอเค” ส่วนทางด้านเดซี่ก็ไม่รอช้า เธอรีบยื่นมือไปรับคีย์การ์ดห้องจากณิชา แล้วรีบวิ่งออกไปเอาชุดตามที่ณิชาบอกทันที ขืนเธอยังมัวแต่นั่งอธิบายให้แก้มใสฟังอยู่มีแบบนี้เสียเวลาเปล่าแน่ๆ งั้นยก MVP นี้ให้ณิชาก็แล้วกัน
ซึ่งในระหว่างที่กำลังรอเดซี่ไปเอาชุดอยู่นั้น ณิชาก็ไม่รอช้าที่จะลากแก้มใสไปนั่งที่โซฟากลางห้องแล้วลงมือแปลงโฉมแก้มใสทันที โดยเริ่มจากทรงผมที่มัดม้วนกันไว้ เธอแกะมัดผมออกแล้วสยายให้มันดูเซ็กซี่ แล้วก็หยิบเครื่องสำอางที่มีในกระเป๋ามาแต่งรอ แน่นอนว่าสายตาของณิชาในตอนนี้ก็ทำให้แก้มใสไม่กล้าที่จะหืออือเลย
‘15นาทีผ่านไป’
“มาแล้วๆ” เสียงของเดซี่เอ่ยขึ้น ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบวิ่งเข้ามา หลังจากที่เธอใช้เวลากับการหาชุดไปนานพอสมควร
“มาช่วยฉันหน่อย”
“ได้ๆ”
ในเมื่อชุดพร้อม อุปการณ์พร้อม ณิชากับเดซี่ก็ช่วยกันแปลงโฉมแก้มใสทันที จนกระทั่งแก้มใสจำตัวเองแทบไม่ได้เลยว่าคนที่กำลังยืนอยู่หน้ากระจกในตอนนี้คือใครกัน ทำไมถึงได้แต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดขนาดนี้
“มันไม่โป๊ไปหน่อยเหรอ ฉันไม่ค่อยชอบเลย…” แก้มใสเอ่ยปากถามเพื่อนๆ ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาในขณะที่ดวงตาคู่สวยของเธอกำลังไล่มองสำรวจดูชุดของตัวเองในกระจก ซึ่งชุดที่เธอกำลังสวมใส่อยู่ในตอนนี้ก็เป็นชุดเกาะอกสั้นๆสีดำ แถมชุดมันก็รัดรูปมาก รัดจนหน้าอกอวบอิ่มของเธอแทบทะลักออกมาจากเสื้อเกาะอกอยู่แล้ว ส่วนกระโปรงก็สั้นจนแทบจะเห็นแก้มก้นของเธออยู่แล้ว
“โป๊ตรงไหน ไม่โป๊หรอก” ณิชาที่พอใจกับฝีมือของตัวเองพูดขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม โดยเดซี่ก็พยักหน้าเชิงเห็นด้วย
“แล้วแว่นฉันล่ะ” สิ้นสุดคำตอบของเพื่อนๆ แก้มใสก็เอ่ยปากถามหาแว่นตาของตัวเองทันที เพราะทั้งชีวิตนี้เธอขาดแว่นไม่ได้จริงๆ
“ไม่ต้องใส่หรอก ฉันเตรียมนี่มาให้แล้ว” ณิชาพูดพร้อมกับยื่นกล่องใบเล็กๆ ไปให้เพื่อนสาว ซึ่งภายในกล่องนั้นก็คือคอนแทคเลนส์
“ไม่เอา ฉันไม่ถนัด ไม่รู้ล่ะ ถ้าพวกแกไม่ให้ฉันใส่แว่น ฉันก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น” แก้มใสพูดด้วยน้ำเสียงกดต่ำ ครั้งนี้เธอจะไม่ยอมเพื่อนๆอีกแล้ว เพราะเวลาไม่มีแว่นตา เธอรู้สึกไม่มั่นใจเอาซะเลย
“ก็ได้ย่ะ!!” พูดจบณิชาก็เดินไปหยิบแว่นตามาให้แก้มใสอย่างทำอะไรไม่ได้ เพราะถ้าขืนเธอไม่ยอมคืนแว่นตา มีหวังแก้มใสต้องไม่ไปด้วยจริงๆแน่
“ไปกันย่ะ”
เมื่อแก้มใสสวมแว่นตาคู่ใจแล้ว เดซี่ก็เอ่ยปากชวนเพื่อนๆพร้อมกับยื่นมือไปลากแก้มใสให้เดินตามตัวเองไปทันที เพราะถ้ารอให้แก้มใสเดินออกมาเอง มีหวังผับได้ปิดก่อนแน่ๆ
‘21:15นาที ณ ผับ 7 Days Pub’
หลังจากที่นั่งรถมานานพอสมควร ตอนนี้ทั้งสามคนก็เดินทางมาถึงผับแล้ว เมื่อเดินทางมาถึงจุดหมายรถแท็กซี่ก็หยุดอยู่กับที่ เพื่อรอให้ผู้โดยสารลง แน่นอนว่าแก้มใสก็ลงรถเป็นคนสุดท้าย แถมเธอยังเดินลงมาอย่างไม่มั่นใจอีกด้วย
“ป่ะ ไปกัน” เดซี่เอ่ยปากชวน
“แก ฉันไม่มั่นใจเลย ทำไมกระโปรงมันสั้นขนาดนี้เนี้ย!!!” แก้มใสไม่เพียงแค่พูด เธอยืนบิดตัวไปมา เพราะเธอรู้สึกว่าข้างล่างมันโล่งแปลกๆ จนเธอต้องใช้มือเรียวทั้งสองข้างดึงชายกระโปรงลงอยู่ตลอดเวลา
“สั้นตรงไหน ใครๆเขาก็ใส่กันแบบนี้ทั้งนั้นนั่นแหละ แล้วก็หยุดดึงเลยนะ ดึงมากๆระวังมันจะลงมากองอยู่ข้างล่าง แล้วภูเขาสองลูกของแกก็จะล้นออกมาอวดสายตาชาวบ้าน เดี๋ยวจะหาว่าฉันไม่เตือนไม่ได้นะยะ” ณิชาปัดมือแก้มใสออกจากชายกระโปรง แล้วพูดขึ้นมาเชิงหยอกล้อ แต่ทว่าแก้มใสกลับเชื่อ เพราะชุดของเธอที่ใสอยู่ตอนนี้มันไม่อำนวยเธอเลยสักนิด
“แล้วที่นี่ปลอดภัยแน่นะ” ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ เธอก็เอ่ยปากถามถึงเรื่องความปลอดภัย เพราะนี่นับได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เธอเลยมาเที่ยวสถานที่แบบนี้
“แน่นอนสิ นี่เป็นผับของ 7 หนุ่มฮอตเชียวนะ พวกเขาเปิดเอาไว้สังสรรค์กับเพื่อนๆ แถมทุกๆคืนวันศุกร์พวกเขาก็จะมาเที่ยวและเปิดโซน VIP ไว้โดยเฉพาะอีกด้วย พูดแล้วก็ตื่นเต้น ไม่รู้ว่าคืนนี้จะได้เจอไหมนะ” เดซี่พูดขึ้นมาอย่างเพ้อฝัน เพราะหนุ่มฮอตทั้ง 7 คนนั้นหล่อตามควายล้มเลยก็ว่าได้
“เลิกฝัน แล้วเดินเข้าไปย่ะ!!!” เสียงแหลมของณิชาเอ่ยขึ้น โดยที่สายตาของนั้นพลางขยิบให้หนุ่มๆอยู่ตลอดเวลา
สิ้นสุดคำพูดของณิชา ทั้งสามคนก็พากันเดินเข้าไปภายในผับ แล้วพากันเดินตรงไปยังโต๊ะว่างทันที หลังจากนั้นเดซี่กับณิชาก็พากันสั่งเครื่องดื่มมานั่งดื่ม ก่อนจะชวนกันออกไปเต้นวาดลวดลายกันอย่างสนุกสนาน ส่วนแก้มใสก็ทำได้เพียงนั่งดูเพื่อนๆทั้งสองคนเต้น และนั่งจิบน้ำผลไม้ผสมเหล้าอย่างผ่อนคลาย แต่ทว่าเมื่อจิบไปเรื่อยๆเธอก็เริ่มรู้สึกมึนๆ ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แถมเธอยังปวดฉี่อีกด้วย
“เจ๊ ณิชา ฉันไปห้องน้ำแป๊บนะ”
“เดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อน” ทันทีที่แก้มใสพูดจบ ณิชาก็ถึงกับต้องหยุดเต้น แล้วเดินกลับไปหาแก้มใสอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร แกไปดูเจ๊เถอะ ดูสิเต้นแบบนั้นเดี๋ยวก็ไปเหยียบเท้าใครจนมีเรื่องเอาหรอก ฉันไปเองได้ แค่นี้เอง” พูดจบแก้มใสก็คลี่ยิ้มหวานๆให้เพื่อนสาว และพยายามเดินไปยังห้องน้ำด้วยท่าทางมั่นคง
วันนี้เป็นคืนวันศุกร์ แน่นอนว่าเหล่าบรรดาวัยรุ่นก็พากันมาเที่ยวผับกันเยอะมาก ดังนั้นห้องน้ำชั้นล่างจึงมีคนยืนรอคิวเยอะ อีกอย่างตอนนี้แก้มใสก็ปวดฉี่มาก สงสัยเธอคงดื่มน้ำผลไม้นั่นถี่เกินไปแน่ๆเลย สิ้นสุดหนทาง แก้มใสก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมองที่ชั้นสองและคิดว่าบนนั้นก็น่าจะมีห้องน้ำอยู่เหมือนกัน มั้งนะ…
“เอาวะ บนนั้นก็น่าจะมีห้องน้ำแหละ รอไม่ไหวแล้ว”
แก้มใสพูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนที่เธอจะรีบเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง เธอเดินไปเรื่อยๆ จนตอนนี้เธอเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องห้องหนึ่ง ถ้าดูจากความเคยชิน ประตูสีดำที่อยู่ตรงมันก็เหมือนประตูห้องน้ำเลยจริงๆ สิ้นสุดความคิด แก้มใสก็เปิดประตูเข้าไปทันที แต่ทันใดนั้น…
“เธอมาช้านะ” ทันทีที่แก้มใสเปิดประตูเข้าไป เสียงผู้ชายคนหนึ่งก็ดังขึ้น ก่อนจะ….
ฟึ่บ!!!
“อ๊ะ!!!” แก้มใสยังไม่ทันได้คิดอะไรเลยด้วยซ้ำ จู่ๆเธอก็โดนฉุดเข้าไปในห้องที่มีแสงไฟสลัวๆอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวเลย มารู้สึกตัวอีกที่ก็ตอนที่เธอนั่งอยู่บนตักของใครบางคนแล้ว
“นิ่งจัง อื้มม ตื่นเต้นเหรอ หื้ม” เสียงกระซิบดังขึ้นข้างหู ทำเอาแก้มใสถึงกับต้องขนลุกซู่และตกใจจนตัวแข็งทื่อไปในเวลาเดียวกัน…
มาแว้วว ฝากดันคอมเม้นให้ชื่นใจหน่อยนะคะ??❤️❤️