“พี่ปลัดขา สัปดาห์หน้าหนูก็จะเรียนจบแล้วนะคะ หนูว่าจะไปเรียนต่อที่กรุงเทพ หนูจะเรียนนิติศาสตร์ หนูจะเป็นรุ่นน้องของพี่ปลัด”
ธิดามาทำความสะอาดบ้านให้ปลัดรวินตามปกติ วันนี้เขากลับบ้านเร็ว เธอจึงได้จัดโต๊ะอาหารมื้อเย็นให้เขา ระหว่างที่ทำ เธอก็พูดคุยกับเขาไปด้วย
“ยินดีต้อนรับรุ่นน้องครับ ตั้งใจเรียน คว้าใบปริญญามาให้ได้นะครับ”
“ขอบคุณค่ะ หนูจะตั้งใจเรียน จะไม่ให้เสียชื่อที่ปรึกษาอย่างพี่ปลัดเลย”
ธิดายิ้มหวานให้ที่ปรึกษาของเธอ เด็กสาวแกะปิ่นโตออก และจัดเตรียมจานช้อนให้เขาเหมือนเดิม ปลัดรวินนั่งลงที่เก้าอี้ แล้วบอกเด็กสาวว่า
“กับข้าวเยอะแยะเลย หนูดามากินข้าวเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิครับ”
“เอ่อ...ไม่ดีมั้งคะ หนูก็แค่เด็กทำความสะอาดบ้าน” ธิดาพูดอย่างเจียมตัว เขาเป็นถึงปลัดอำเภอ เธอเป็นแค่เด็กทำความสะอาดบ้านให้เขา เธอไม่กล้านั่งกินข้าวกับเขาหรอก
“หนูดาไม่ได้เป็นแค่เด็กทำความสะอาด แต่หนูดาเป็นเจ้าของบ้านต่างหาก มาครับ มากินข้าวเป็นเพื่อนพี่หน่อย กินคนเดียวมันเหงา” ปลัดรวินพูดพลางลุกขึ้นไปจับบ่าสองข้างของเด็กสาวแล้วดันเธอมานั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับเก้าอี้ของเขา
ปลัดหนุ่มใจดีเดินไปหยิบจานกับช้อนมาวางตรงหน้าเด็กสาว เขาแบ่งข้าวใส่จานให้เธอก่อนจะเดินกลับไปนั่งเก้าอี้ของตัวเอง
“กินข้าวซะ นี่คือคำสั่งของรุ่นพี่ครับ”
ปลัดรวินพยักพเยิดบอกเด็กสาว ธิดายิ้มแก้มแทบปริ เธอรู้สึกว่าปลัดรวินให้ความเป็นกันเองกับเธอ เวลาอยู่ใกล้เขาเธอรู้สึกวางใจ และอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก
ปลัดรวินดูแลตักกับข้าวให้ธิดา เขาชวนเธอพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ไม่นานนักนัยน์ตาคู่โศกที่เขาสังเกตเห็นก่อนหน้านี้ก็กลับกลายเป็นประกายตาสุกใส
หลังรับประทานอาหารกันเสร็จแล้ว ธิดาเก็บจานชามและปิ่นโตไปล้างที่ซิงค์ ปลัดรวินเดินเข้าไปหาเธอ เขายืนพิงสะโพกกับขอบเคาน์เตอร์อยู่ไม่ไกลจากเด็กสาว ปลัดหนุ่มกอดอกแล้วมองเธอ มองจนคนถูกมองหันมาขมวดคิ้วใส่เขา
“พี่ปลัดมองอะไรคะ มีอะไรจะใช้หนูหรือเปล่า”
“หนูดาโอเคหรือเปล่า มีอะไรให้พี่ช่วยไหม”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มและสายตาอ่อนโยนที่มองมาทำให้ธิดาชะงักมือที่ล้างจานอยู่ เด็กสาวก้มหน้ามองจานในมือ “มะ...ไม่มีอะไรนี่คะ”
คำตอบของธิดาทำให้ปลัดรวินถอนหายใจ เขาพอจะได้ยินเรื่องราวการหลงผัวของนางจิตมาบ้าง และเขาก็ได้ยินเสียงนางจิตตวาดลูกสาวด้วย โดยแต่ละครั้งจะอ้างถึงผัวใหม่ตลอด แบบนี้คือหลงหนักจนลืมลูก แล้วไอ้คมสันนั่นก็ได้ข่าวว่าใช่ย่อย มันเป็นแมงดาปีกทองดี ๆ นี่เอง
“ถ้ามีอะไรอยากให้พี่ช่วย ก็บอกพี่ได้นะ”
ปลัดรวินขยับเข้าไปใกล้ธิดา ใบหน้าเศร้าและนัยน์ตาหม่นของเธอทำให้เขาอดใจไม่ไหวที่จะยื่นมือไปโคลงศีรษะเล็กเบา ๆ
สัมผัสอบอุ่นจากมือแข็งแรงทำให้ธิดาเงยหน้ามองสบตาเขา สายตาอ่อนโยนที่มองเธออยู่เต็มไปด้วยความเข้าอกเข้าใจ เด็กสาวผู้ไร้ที่พึ่งจึงสะอื้นไห้ออกมา แล้วโผเข้ากอดเขาเต็มวงแขน
“ฮึก ๆ ฮือ…” ธิดาสะอื้นไห้อยู่กับอกอบอุ่น เด็กสาวพูดและระบายทุกอย่างออกมาด้วยความอัดอั้น เธอบอกเขาว่า เธอกลัวว่าแม่จะไม่ให้ไปเรียนต่อ เพราะเธอเคยเปรย ๆ เรื่องนี้กับแม่แล้ว แต่แม่บอกว่าไม่ให้ไป แล้วไอ้คมสันก็คอยเป่าหูแม่ว่า ถ้าส่งเธอไปเรียนต่อก็เท่ากับส่งเธอไปหาผัว ธิดาระบายทุกอย่างออกมาจนหมด เวลาผ่านไปนานพอสมควร เด็กสาวจึงหยุดร้องไห้
“อย่าเพิ่งคิดไปเอง แม่เขาคงไม่ใจร้ายขนาดนั้น ไปบอกให้เขารู้ว่าเราจะไปเรียนต่อ ไปสร้างอนาคต ไปทำตามความฝัน”
“ค่ะ หนูจะลองพูดกับแม่อีกครั้ง”
“กูไม่ให้มึงไป จบแล้วก็อยู่บ้านช่วยกูทำงาน ถ้ามึงไปเรียนต่อ ใครจะทำความสะอาดบ้านเช่าให้กู” เสียงตวาดลั่นบ้านของนางจิตทำให้ลูกสาวสะดุ้ง
“แต่หนูอยากเรียนต่อ”
“อยากไปหาผัวมากกว่ามั้ง” ไอ้คมสันที่ยืนพิงประตูฟังสองแม่ลูกนั่งคุยกันอยู่ว่าทั้งหมองเหยียด
“หนูจะไปเรียนต่อ หนูอยากเรียนกฎหมาย” ธิดาเถียงเสียงดัง
“อย่าขึ้นเสียงกับพ่อมึงนะ” นางจิตตวาดลูกสาวที่บังอาจตะคอกผัวรัก
“มันไม่ใช่พ่อหนู” ธิดาเถียงแม่ น้ำตาเอ่อคลอด้วยความอัดอั้นตันใจ
“อีธิดา ! คมเป็นผัวกู กูเป็นแม่มึง ก็เท่ากับว่าคมอยู่ในฐานะพ่อของมึง”
“แม่…” น้ำตาร่วงเผาะ ธิดาสะอื้น มองหน้าแม่ด้วยความผิดหวัง
หลังจากไปรับใบเรียนจบมอหกมาแล้ว ธิดาจึงมานั่งคุยกับแม่ในห้องโถงของบ้าน เธอขอแม่ไปเรียนต่อที่กรุงเทพ ไอ้คมสันเดินเข้ามาได้ยินพอดี มันบอกแม่ว่าไม่ต้องให้เธอไปเรียน เพราะกลัวว่าเธอจะไปเอาผัว แล้วท้องไม่มีพ่อกลับมา
“อยู่บ้านนี่แหละ ไม่ต้องไปไหน”
“หนูทำงานส่งตัวเองเรียนก็ได้ หนูไม่ใช้ตังค์แม่ก็ได้”
“เอ๊ะ ! อีนี่ กูบอกไม่ให้ไปไงล่ะ”
“ทำไมแม่เชื่อแต่มัน แม่ไม่เชื่อหนูบ้าง หนูเป็นลูกแม่นะ” ธิดาพูดทั้งน้ำตา
ไอ้คมสันเดินมานั่งลงข้างนางจิต มันโอบบ่าเมียแก่แล้วบีบเบา ๆ ทำเป็นพูดด้วยความเห็นอกเห็นใจ “ใจเย็น ๆ นะเมียจ๋า เดี๋ยวคมช่วยคุยกับลูกให้เอง”