ชายองค์หญิงพี่น้องของนางล่ำเรียนกันอยู่นั้นก็บังเอิญถูกพี่หกจับได้แล้วก็ลากนางออกมาจากที่ซ่อน
เมื่อความถึงหูองค์ฮ่องเต้ ท่านมิเพียงเพิกเฉยกับนาง ท่านยังไม่สนใจจะให้นางได้เรียนแบบคนอื่น ๆ อยู่อย่างนั้น
เจียวต้าหลิงเป็นครูขององค์ชายและองค์หญิงทุกพระองค์ แม้อายุห่างจากพี่ห้าไม่มาก แต่เจียวต้าหลิงนั้นเปี่ยมไปด้วยปัญญา สามารถอ่านเขียนได้ตั้งแต่พูดออกเสียงได้ จับพู่กันเขียนอักษรได้วันเดียวไม่นานก็อ่านและจำโคลงกลอนได้เกือบทั้งหมด
ไม่นานเจียวต้าหลิงก็ได้เรียนกับอาจารย์เฉินผู้เป็นอาจารย์ของฮ่องเต้หลี่ไห่ถัง จนอาจารย์เฉินออกปากชมว่าในร้อยปีจะเจอคนหัวไว มีหัวคิด ฉลาดหลักแหลมได้เช่นนี้ จนอาจารย์ไม่มีอะไรจะสอนและลับโลกไป เจียวต้าหลิงจึงได้รับพระราชทานแต่งตั้งขึ้นเป็นอาจารย์คนสำคัญของรัชทายาท ไม่นานจากนั้นองค์ชายและองค์หญิงก็ต่างต้องได้เล่าเรียนวิชากับเจียวต้าหลิงด้วย
นอกจากอีกฝ่ายจะสอนพี่ห้าแล้วยังสอนองค์ชายที่เป็นพี่และน้องชายของนางอีกหลายพระองค์ ยกเว้นนางเพียงคนเดียวเท่านั้น
“ได้ยินว่าพระองค์ออกนอกวังยามวิกาลในคืนงานเลี้ยงฉลองชัยชนะให้ท่านแม่ทัพจาง”
หลี่เยี่ยนถิงพยักหน้ารับช้าๆ แววตาของเจียวต้าหลิงนิ่งไปครู่ เขาเงียบไปชั่วขณะแล้วเปิดปากกล่าวไป “หากเตือนในฐานะอาจารย์ ขอพระองค์อย่าได้ทรงทำเช่นนี้อีก จะได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“เหตุใดท่านอาจารย์เจียวต้าหลิงกล่าวเช่นนั้น”
“กระหม่อมขอบังอาจเตือนพระองค์ หากล่วงเกินต้องขออภัยด้วย แต่ทั้งมวลล้วนทำในฐานะของอาจารย์ ทำด้วยความหวังดี” เจียวต้าหลิงเอ่ยขึ้น “องค์หญิงกระทำการใดต้องทรงรอบคอบและขอพระองค์อย่าได้ทำตามที่องค์ชายห้าบัญชาจนเกินขอบเขต ไม่อย่างนั้นอาจทรงเดือดร้อนพระองค์เอง”
“ขอบคุณอาจารย์เจียวต้าหลิงที่กล่าวเตือนแต่เยี่ยนถิงคิดว่าไม่เป็นเช่นนั้นแน่ อีกอย่าง เยี่ยนถิงก็เพียงแค่…”
เจียวต้าหลงเหลือบมองทางหางตามองเห็นเงาดำวูบหนึ่งก็ร้องเสียงทุ้มขึ้นว่า “เอาล่ะ ๆ”
ร้องห้ามไม่ให้องค์หญิงสามพูดอะไรมากไปกว่านั้นแล้วล้วงเอาขนมที่นำติดตัวมาด้วยเปิดออกชูที่ตรงหน้านาง
“นี่น่ากินหรือไม่”
“น่ากินมากเลยท่านอาจารย์ ท่านได้มาจากที่ใด แล้วจะนำไปให้ผู้ใดอย่างนั้นหรือ ไม่สู้ให้เยี่ยนถิงลองชิมดูก่อน”
เจียวต้าหลิงมองหญิงงามตรงหน้าด้วยสายตาอ่อนโยนแฝงแววอ่อนหวานล้ำลึกอยู่ภายใน มุมปากยกโค้งขึ้นดูอ่อนโยนขึ้นอีกหลายส่วน
ครั้งที่นางถูกจับได้ว่าแอบมาดูเขาสอนหนังสือให้เหล่าองค์ชายและองค์หญิง เจียวต้าหลิงจึงได้รู้ว่ามีเพียงองค์หญิงหลี่เยี่ยนถิงเพียงพระองค์เดียวที่ไม่ได้รับตัวมาร่วมศึกษาหาความรู้ไปกับพี่น้ององค์อื่น วันนั้นเขายังจำความรู้สึกของตนเองได้เป็นอย่างดี ทั้งสงสัยและสงสารไปในคราวเดียวกัน
และเมื่อได้รู้คำตอบว่าองค์หญิงหลี่เยี่ยนถิงคือใคร ความรู้สึกที่มีเป็นทุนเดิมก็ยิ่งทวีคูณมากยิ่งขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว จนถึงวันนี้ความรู้สึกเหล่านั้นก็ยิ่งมีมากขึ้นไปเรื่อย ๆ
แม้มีธิดาของตระกูลใหญ่ที่แม่สื่อพยายามจัดหาให้ แต่เขาก็หาได้ใส่ใจนางเหล่านั้น กลับมองเห็นแต่เพียงองค์หญิงหลี่เยี่ยนถิงเพียงพระองค์เดียว ต่อให้นางไม่เป็นที่โปรดปราณของใครเลยแม้แต่องค์ฮ่องเต้แล้วอย่างไร
หากเป็นไปได้ชีวิตของเขา
เขามีเพียงนาง นางมีเพียงเขา มิใช่ว่าเพียงพอแล้วหรือ
เมื่อได้รู้ว่านางแอบมาฟังเขาสอนและถูกองค์ชายหกลากนางออกมาประจานให้คนอื่นหัวเราะ หลังจากวันนั้นเขาก็ทำตำราแบบที่อ่านเองได้ ส่งไปให้นาง หาโอกาสพบปะนางที่สวนบ่อยครั้ง และต้องไม่ให้ใครเห็น เนื่องจากองค์หญิงหลี่เยี่ยนถิงถูกผู้คนหมิ่นแคลานมามากพอแล้ว และนางอาจถูกคนครหาอีกได้ จนนานวันเข้า นางก็มีเขาเป็นอาจารย์ไปอีกคน
หลี่เยี่ยนถิงไม่ช่างพูดนัก แต่เมื่อเขามอบตำราให้นาง สอนนางอ่านเขียน นางก็คุยด้วยกับเขามากขึ้น มิได้มีเพียงเรื่องนั้น เจียวต้าหลิงรู้ว่านางชอบอ่านตำราแบบใด ชอบกินอะไร เขาก็มักนำมามอบให้นางเสมอ อย่างเช่นเวลานี้
“กระหม่อมนำมามอบให้องค์หญิงสามพ่ะย่ะค่ะ”
“ต้องแบบนั้นอยู่แล้ว เยี่ยนถิงขอขอบคุณอาจารย์”
นางยกมือคารวะเจียวต้าหลิงแล้วก็รับมากัดหนึ่งคำ ละเลียดทีละคำจนหมดแล้วทำท่าจะกินอีกก้อนต่อในทันที
“มีเหลือเพียงกระหม่อมกับพระองค์ มิสู้เรียกพี่ต้าหลิง”
เจียวต้าหลิงท้วงเสียงอบอุ่นขึ้น หลี่เยี่ยนถิงกัดขนมแล้วยิ้มส่งให้พร้อมกับกวาดสายตาหวานปนซึ้งมองไปรอบบริเวณอีกครั้ง ยกขนมขึ้นกัดกินอีกคำ เสียงทุ้มของเขาเอ่ยขึ้นอีกประโยค
“องค์หญิงได้ข่าวหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
หลี่เยี่ยนถิงเลิกคิ้วน้อย ๆ ถามอย่างสนใจ ยินยอมเปลี่ยนคำเรียกจาก ‘อาจารย์เจียวต้าหลิง’ เป็น ‘พี่ต้าหลิง’ ในที่สุด
“ข่าวอะไรหรือพี่ต้าหลิง”
“แคว้นฉู่ส่งทูตมาที่เรา เพื่อขอทาบทามองค์หญิงในราชวงศ์หลี่ไห่ถังพ่ะย่ะค่ะ”
ความสนใจขององค์หญิงลดลงเมื่อเอ่ยถึงเรื่องทาบทามสู่ขอแต่ที่ทำให้นางสนใจนั่นคือชัยภูมิของแคว้นฉู่
“แคว้นฉู่ติดชายแดนทางทิศประจิม”
“ทรงจำได้” เจียวต้าหลิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงชื่นชม แววตาที่มองมายังนางล้ำลึกขึ้นอีกไม่น้อย หลี่เยี่ยนถิงยิ้มแล้วบอกเสียงสดใสตอบกลับไป
“เยี่ยนถิงย่อมต้องจำให้ได้ ตำรานั้นเยี่ยนถิงอ่านจนขาดไปหลายหน้า คัดลอกให้พี่ต้าหลิงใหม่ จำไม่ได้ก็ต้องจำแล้วล่ะ” องค์หญิงหลี่เยี่ยนถิงก่อนพูดตอบกลับไป “ทาบทามขอองค์หญิงอย่างนั้นหรือ ต้องไม่ใช่เยี่ยนถิงแน่นอน”
แววตาของเจียวต้าหลิงหวั่นไหวชั่วขณะก่อนพึมพำเสียงเบาลง “คาดหวังไว้แบบนั้นเช่นกัน”
องค์หญิงหลี่เยี่ยนถิงได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มบาง ๆ แล้วค่อยหันไปมองชายข้างกาย ถามเขากลับไปว่า “แล้วเหตุใดพี่ต้าหลิงต้องหวังเช่นนั้นด้วย”
เจียวต้าหลิงมองนางด้วยสายตาสีดำล้ำลึกก่อนหลุบดวงตาของเขาลง นางมองเห็นแววตาเช่นนั้นพลันอบอุ่นขึ้นในหัวใจ นอกจากพี่ห้าแล้วก็ยังมีอาจารย์เจียวต้าหลิงที่พูดคุยกับนางได้เกือบทุกเรื่อง นับวาเป็นพี่ชายที่ดีนัก นางคิดได้เช่นนั้นแล้วเลื่อนสายตาไปยังนกตัวหนึ่งที่โผจากกิ่งไม้หนึ่งไปยังอีกกิ่งหนึ่ง
เงาดำเงาหนึ่งกระโจนตาม มองสองร่างที่เดินกันไปสนทนากันไปจนองค์หญิงหลี่เยี่ยนถิงเดินกลับยังตำหนักของนางอย่างเดิมแล้วจึงได้ผละออกไปจากบริเวณนั้นแล้วตรงไปยังอีกจุดหมายในทันที
เงาดำร่างนั้นเคลื่อนย้ายตนจากหน้าตำหนักร้างทันทีเมื่อหลี่เยี่ยนถิงกับเข้าไปในตำหนักของนางแล้ว จึงได้พาตอนไปยังอีกที่ทันทีตามคำสั่งที่ได้รับมาแต่ปลายเท้าแผ่วเบาเราอีกไม่พอลงบนหลังคาของตำหนักขององค์ชายห้า แนบตัวลงฟังเสียงสนทนาที่ไม่ได้ดังนักที่ภายในนั้น
“แบบนี้แล้ว องค์หญิงสามคงได้เป็นสะพานเชื่อมเราให้ถึงฝั่งได้อย่างแน่นอน”
“ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น”