บทที่ 3 ย้อนเวลา

1681 คำ
หลิวฉูฉู่กระซิบเสียงเบา "หนูน้อย หนูต้องพูดว่า เสด็จแม่เป็นเช่นไรบ้าง ลูก พูดเร็วเข้า เร็ว" เด็กคนนั้นกลับทำหูหนวกไม่สนใจสิ่งที่เธอบอกด้วยความหวังดี แล้วแค่นเสียงเล็กร้ายกาจออกมา "ข้าเห็นจริง ๆ ท่านแสร้งตกน้ำลงไปหากท่านทำร้ายผู้ใดข้าจะฟ้องเสด็จพ่อ" หลิวฉูฉู่ลุกขึ้นทันใด เอาล่ะ เด็กนี่จำบทผิด บทนี้ไม่มีแน่ ๆ สมองอัจฉริยะของเธอย่อมจำบทได้เป็นอย่างดี หลิวฉูฉู่ชี้นิ้วไปที่บังลม คิดว่ากล้องคงซ่อนอยู่ตรงนั้น และผู้กำกับรวมทั้งคนอื่นต้องอยู่ที่นั่นแน่ ๆ "ทำไมยังไม่สั่งคัทคะ ฉันต่อบทไม่ได้นะคะ น้องชายจำบทผิดแล้ว" อาเหมียนลุกขึ้นทันใด ก่อนจะเอ่ยทั้งน้ำตา "ฮองเฮาเพคะ ฮองเฮา ไหนหมอหลวงบอกสบายดีแล้วไม่เป็นอันใดแล้ว เหตุใดยังเป็นเช่นนี้ พาองค์ชายออกไปก่อน แม่นมฮองเฮายังไม่หายประชวรรีบพาองค์ชายไปเร็วเข้า" อาเหมียนรีบไปพยุงองค์ชายให้ลุกขึ้นเรียกแม่นมขององค์ชายเข้ามาแล้วรีบ ส่งร่างเล็กต่อให้แม่นมผู้นั้นทันใด ในขณะที่เด็กน้อยยกมุมปากเล็ก ๆ ขึ้นมา มองหลิวฉูฉู่ด้วยสายตาไม่ไว้เนื้อเชื่อใจทำความเคารพอย่างเย็นชาแล้วหันหลังเดินออกไป หลิวฉูฉู่เห็นท่าทางนั้นยิ่งรู้สึกมึนงงสับสน เธอถามออกไปรัวเร็ว "เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ฉันพูดไม่มีใครได้ยินเหรอคะ ซ้อสี่เกิดอะไรขึ้น" หลิวฉูฉู่หันมามองซ้อสี่ที่มองเธอด้วยสายตาเหมือนมองตัวประหลาด "ฮองเฮาเพคะ สงบพระทัยก่อนเถิดเพคะ" "สงบใจเหรอ พี่กำลังล้อฉันเล่นใช่หรือเปล่า นี่ต้องล้อกันเล่นแน่ ๆ" หลิวฉูฉู่เข้าใจแล้ว เธอยืนขึ้นแม้ว่าจะยังเวียนหัวอยู่บ้างแต่ในใจก็เต็มไปด้วยความสงสัย ซ้อสี่เห็นเธอท่าทางโซเซจึงรีบมาพยุง "ฮองเฮา ยังทรงประชวรอยู่นั่งลงก่อนเถิดเพคะ" แต่ถูกหลิวฉูฉู่สลัดมือออกทันใด "พี่แกล้งฉันไม่ได้หรอก พี่ก็รู้ว่าฉันไม่รับงานประเภทนี้พี่ยังจะรับงานนี้อีก" หลิวฉูฉู่โกรธจริง ๆ แล้ว ในที่สุดเธอตัดสินใจวิ่งมาดูหลังฉากบังลมคิดว่าต้องมีกล้องหรืออะไรซ่อนเอาไว้ แต่สิ่งที่พบทั้งหมดนั้นเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น หลิวฉูฉู่มองหากล้องทุกซอกทุกมุม อาเหมียนเห็นท่าทางประหลาดของฮองเฮาก็ไม่กล้าเข้ามาใกล้ หรือระหว่างที่ฮองเฮาตกน้ำนั้นมีภูตผีวิญญาณร้ายมาเข้าร่างของฮองเฮาหรอกหรือ หลิวฉูฉู่ก้ม ๆ เงย ๆ ไปจนทั่วเพื่อค้นหาว่ากล้องซ่อนอยู่ที่ไหน แต่สุดท้ายเธอก็หากล้องไม่เจอสักตัว หลิวฉูฉู่เท้าสะเอวแล้วพูดเสียงดัง "รายการแกล้งอำกันใช่หรือเปล่า ซ่อนกล้องเก่ง คอยดูเถอะว่าฉันหลิวฉูฉู่จะจับไม่ได้" "ฮองเฮาเพคะ ฮองเฮา" เสียงของซ้อสี่ดังขึ้นตามหลัง เมื่อหลิวฉูฉู่วิ่งออกมานอกตำหนัก ด้านนอกนั้นเธอผ่านคนมากมายทุกคนล้วนแต่งกายด้วยชุดชาววังโบราณแบบที่เธอคุ้นเคยในกองถ่าย แต่ว่าเธอไม่เห็นใครแต่งตัวแบบปัจจุบันสักคนเดียว และเธอเองก็ไม่เห็นกล้องแม้แต่ตัวเดียว หลิวฉูฉู่วิ่งเหมือนคนบ้า ข้างนอกอากาศหนาวจัดในตอนที่เธอตกลงน้ำนั้นใกล้จะเข้าฤดูร้อนแล้ว ไม่มีทางที่จะมีหิมะขาวโพลนแบบนี้ นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่! หลิวฉูฉู่ตะโกนเรียกชื่อผู้กำกับ ยังมีชื่อของใครอีกหลายคน แต่คนที่อยู่รอบกายของเธอล้วนคุกเข่าและไม่มีใครกล้าสัมผัสร่างกายของเธอ ไม่ว่าเธอจะวิ่งไปที่ไหนพวกเขาต่างขานเรียกเธอว่าฮองเฮาและคุกเข่าอย่างร้อนรน หลิวฉูฉู่สำรวจจนทั่ว หัวใจหล่นวูบไปที่ตาตุ่ม ไม่มีคนในกองสักคนที่เธอคุ้นหน้า นอกจากซ้อสี่ที่ดูเหมือนจะกลัวเธอจนเกินไป เธอหันมามองอาเหมียนที่คุกเข่าร่ำไห้อยู่ตรงนั้น ทั้งพยายามบอกเธอให้สงบใจ เมื่อพิจารณาดี ๆ ถึงหน้าตาจะเหมือนกันแต่ว่าท่าทางนั้นไม่ใช่ซ้อสี่แม้แต่น้อย หรือว่าคนนั้นจะไม่ใช่ซ้อสี่จริง ๆ ในที่สุดหลิวฉูฉู่ที่วิ่งวนรอบตำหนักก็เหนื่อยหอบ ร่างกายของเธอก็เหมือนคนจมน้ำมาและเพิ่งฟื้นไข้มาจริง ๆ ในตอนนี้นั่นเองที่เธอกำลังโงนเงน ร่างกายใกล้จะล้มลงกับพื้น อาเหมียนวิ่งเข้ามาใกล้แต่ถูกเธอชี้หน้าจนอาเหมียนไม่กล้าขยับ "พี่คือซ้อสี่ใช่หรือเปล่า ใช่หรือเปล่า อย่าโกหกฉัน อย่าเด็ดขาด" อาเหมียนคุกเข่าลง ร่ำไห้ออกมา "ฮองเฮา นี่อาเหมียนเองเพคะ ฮองเฮาจำบ่าวไม่ได้แล้วหรือเพคะ ฮองเฮา" ท่าทางแบบนี้ แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ซ้อสี่เป็นคนที่แสดงละครไม่เก่งที่ผ่านมาแม้จะเคยผ่านกล้องมาบ้าง แต่ก็ไม่เคยได้พูดสักคำ แน่นอนว่าต้องไม่สามารถแสดงได้แนบเนียนแบบนี้ ยังมีผู้ชายที่อยู่ในชุดองครักษ์เหล่านี้อีก ยังมีสนมนางกำนัลมากมายที่คุกเข่าให้เธอ หลิวฉูฉู่ทึ้งผมตัวเองอย่างแรงเพื่อพิสูจน์บางสิ่งบางอย่าง "ไอ้หยา เจ็บ เจ็บฉิบหาย นี่มันไม่ใช่ฝันแล้ว นี่ไม่ใช่ฝันแล้ว ไม่นะ!" ร่างกายโอนเอน เธอใกล้จะวูบเพราะขาดสติลงทุกขณะ ในขณะที่เหมือนตัวเองจะหัวฟาดพื้นนั้นเอง ฉับพลันมีมือแข็งแรงของใครคนหนึ่งคว้าร่างของเธอเอาไว้ ร่างเล็กของหลิวฉูฉู่ลอยขึ้นจากพื้น เธอรู้สึกได้ถึงอกกว้างอันแข็งแกร่ง ศีรษะเล็กแนบกับอกนั้นทันใด หลิวฉูฉู่ปวดหัวราวกับว่ามันกำลังจะระเบิดในขณะที่มีลำแสงบางอย่างวูบวาบขาวสลับดำพุ่งเข้าสู่สายตาของเธอ เสียงของผู้คนรอบข้างขานขึ้นพร้อมเพรียงกัน "ถวายบังคมฝ่าบาท" หลิวฉูฉู่พยายามมองเขาแต่ว่าตอนนี้เธอเห็นหน้าของเขาไม่ชัดเจนนักเพราะอาการวูบทั้งปวดหัวในตอนนี้ จึงได้แต่หลับตาและปล่อยให้เขาอุ้มเธอเข้ามาในตำหนักอย่างเร่งร้อน หลังจากดื่มยาเวลาผ่านพ้นมาราวหนึ่งก้านธูป หลิวฉูฉู่ก็รู้สึกดีขึ้น โจวจื่อเหลียงนั่งอยู่ข้างเตียงยังพินิจใบหน้างามของหลิวฉูฉู่โดยไม่เอ่ยคำใดกับนาง เขาเพิ่งกลับมาถึงพระราชวังเรื่องหลิวฉูฉู่ตกน้ำนั้นเขาได้รับรายงานแล้ว เพราะไม่ได้ห่วงใยนางจึงไม่คิดจะมาเยี่ยมเยียน ทว่าเมื่อมาถึงไทเฮากลับส่งคนสนิทมากดดันจนเขาต้องจำใจมาดูนางสักครั้ง โจวจื่อเหลียงเป็นบุตรชายกตัญญู เพราะที่ผ่านมารู้ดีว่ามารดาทุ่มเทเพื่อเขามามากมายนักกว่าเขาจะครองราชย์ได้ในวันนี้ จึงได้แต่ตามใจไทเฮา ยอมมาดูอาการของฮองเฮาผู้ที่เขาไม่ชอบหน้าสักครั้ง อาเหมียนรายงานอาการของหลิวฉูฉู่ไม่มีขาดตกบกพร่อง ในขณะที่หลิวฉูฉู่กำลังหลับตาแล้วฟังสิ่งที่อาเหมียนพูดไม่ให้ขาดหล่นเช่นกัน ตอนนี้เธอคือฮองเฮาใจร้ายคนนั้นที่เธอรับบทการแสดงและเธอก็คงย้อนเวลาเข้ามาอยู่ในร่างของหลิวฉูฉู่ในยุคโบราณ หลิวฉูฉู่ได้แต่คิดในใจ ว่าเธอย้อนเวลามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เธอตายไปแล้วจริง ๆ เหรอ วิญญาณถึงได้ถูกดึงและมาฟื้นในร่างนี้ แล้วเจ้าของร่างเดิมล่ะ ฮองเฮาใจร้ายคนนั้นก็ตกน้ำ ไม่ใช่ตายไปจริง ๆ แล้วเหรอ ละครเรื่องนี้เป็นละครอิงประวัติศาสตร์พูดง่าย ๆ คือเป็นเรื่องจริงผสมแต่งขึ้นหากจะให้สัดส่วนเห็นว่าจะแต่งขึ้นประมาณเจ็ดสิบถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์จู่ ๆ เธอก็มาโผล่ที่นี่ได้แต่สงสัยว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอกันแน่จะเหมือนในบทละครมากน้อยแค่ไหนกัน หลิวฉูฉู่รู้ดีว่าสามีคนนี้ของเธอก็ไม่ได้รักใคร่เจ้าของร่างเดิมยังค่อนข้างเกลียดชังไม่น้อย ยังหาทางกำจัดให้พ้นจากตำแหน่งฮองเฮาและสุดท้ายยังฆ่าเจ้าของร่างเดิมด้วยมือของเขาเอง หลิวฉูฉู่เกิดขนลุกชันตอนนี้เจ้าของร่างเดิมไม่อยู่แล้วกลายเป็นเธอที่มารับเคราะห์ตายอย่างทรมานแทนใช่หรือเปล่า คำถามนี้แน่นอนว่าไม่อาจตอบได้ รู้แค่เพียงว่าตัวเองกลัวจนหัวหด ให้ตายเถอะเธอจะทำยังไงล่ะคราวนี้ โจวจื่อเหลียงเพียงแค่ฟังนางกำนัลคนนั้นรายงานอาการ หลังจากตกน้ำแล้วทำให้ฟื้นขึ้นมาแล้วอาจเกิดอาการคลุ้มคลั่งแต่หลังจากกินยาแล้วนางก็สงบลงโดยพลัน เขาเองก็ไม่ได้แสดงว่าห่วงใยอะไรนางมาก ยังคงนิ่งสงบไม่พูดจา ท่าทางเมินเฉยไม่สนใจและฟังเพียงผ่านเหมือนตอไม้ท่อนหนึ่งที่ตั้งอยู่ตรงนี้ สำหรับโจวจื่อเหลียงแล้วหลิวฉูฉู่คนนี้ก็แค่ผู้หญิงที่ไทเฮายัดเยียดตำแหน่งฮองเฮาให้โดยที่เขาไม่เต็มใจและหาทางปลดนางออกจากตำแหน่งทุกลมหายใจ ความห่วงใยของเขานั้นแน่นอนว่าหลิวฉูฉู่ที่แสนน่ารังเกียจคนนี้ย่อมไม่มีวาสนาได้รับเป็นอันขาด เขามองนางผ่าน ๆ แล้วเบนสายตาไปทางอื่น คล้ายกับว่าใบหน้าของนางนั้นสามารถทำให้โทสะที่มีในใจของเขาพุ่งขึ้นสูงยิ่ง ทว่าหากนางเกิดบ้าจริง ๆ เล่า เช่นนี้เขาก็คงหาทางปลดนางได้แล้วกระมัง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม