หมับ...มือของผู้ชายที่ชื่อสันชัยจับเข้าไปที่ข้อแขนของโบนิตาเธอจึงหยุดเดิน
“ให้ผมไปส่งนะ” เขาเอ่ยปาก ส่งนัยน์ตาหวานเชื่อม
เธอชี้หน้าของเขา จ้องหน้าของเขาเพราะจำไม่ได้
“วิศวกรรถไฟฟ้า เราเพิ่งรู้จักกันเมื่อกี้นี้ไง จำได้หรือยัง ผมไวท์” เขาแนะนำตัวอีกรอบ
“อ๋อ... คุณนั่นเอง” เธอลากเสียงยาวแต่ก็ยังพยายามเดินต่อไปข้างหน้า
“กลับกับผมนะ รถผมอยู่ทางนี้” เขากึ่งลากกึ่งดึงให้เธอเดินไปกับเขา
โบนิตาไม่ไว้ใจใครอยู่แล้ว ‘เธอเกลียดผู้ชาย’ เสียงหนึ่งในหัวดังขึ้น หญิงสาวจึงสะบัดแขนเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมของเขา
“ไม่ ฉันไม่ไป ฉันไม่ไปกับคุณ” เธอปฏิเสธ ในความคิดคือเสียงแข็ง แต่ความเป็นจริงมันอ้อแอ้เพราะลิ้นที่พันกัน
“อย่าดื้อน่า สภาพแบบนี้ โบกแท็กซี่ ไม่มีคันไหนรับหรอกครับ” เขาบอกเธอ พลางส่งมือทั้งสองข้างมาประกบที่เอวแทน
“เอ๊ะ นายนี่พูดไม่รู้เรื่อง บอกว่าไม่ไป ไม่ไป ปล่อยฉันนะ” เธอดึงดัน แต่แรงของเขามีมากกว่า ถึงเท้าจะลากแต่ก็เหมือนว่าตัวของเธอจะลอยตามมือของเขาไปชัด ๆ
ปิ๊บ... เสียงกดรีโมตรถ ขาที่พาสองร่างก้าวมาถึงที่รถ สันชัยใช้มืออีกข้างเปิดประตู
โบนิตาทำตัวกางขวางตัวเองเอาไว้ที่ประตู
“ฉันไม่ไป” เธอออกแรงดิ้น
“เอ๊ะอีนี่ เรื่องมากจริง ๆ เมื่อกี้มึงยังอ่อยกูอยู่เลย เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยว” สันชัยทำท่าจะง้างมือ
มือใหญ่ของหิรัญก็จับเข้าไปที่ข้อแขนของเขา
“ผู้หญิงเขาบอกไม่ไป คุณกำลังจะทำอะไรเธอ” สายตาที่จ้องมองแบบไม่พอใจ
“แล้วมันเรื่องของแกหรือ” สันชัยฟาดสายตาเหมือนจะหาเรื่อง
รปภ. วิ่งเข้ามา
“มีอะไรกันหรือครับคุณกาย”
“เรียกตำรวจซิ ผู้ชายคนนี้กำลังจะลวนลามผู้หญิง แล้วก็ยังจะทำร้ายเธอด้วย” เขาเสียงกร้าว
“เฮ้ย...” สันชัยรีบปล่อยมือที่จับแขนของโบนิตาเอาไว้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะผลักร่างของเธอที่กำลังอ่อนแรงเต็มที่ออกไปให้พ้นตัว
พลั่ก... ร่างเล็ก ๆ ปะทะเข้ากับแผงอกของหิรัญ เขารับร่างของเธอเอาไว้
“ฝากเอาไว้ก่อนเถอะมึง” สันชัยวิ่งไปขึ้นด้านคนขับแล้วก็ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว
“จะแจ้งความไหมครับ” รปภ. ถามเขา
“ไม่ต้อง แต่วันหลังดูแลดี ๆ นะ ถ้าเห็นผู้หญิงมาคนเดียวแล้วเมาแบบนี้”
“ครับ” รปภ. ยืนตรงแล้วตะเบ๊ะ
“ไปทำงานเถอะ เดี๋ยวผมดูแลเอง ผู้หญิงคนนี้เป็นเพื่อนของพี่ชายของผม” เขาจะบอก รปภ. ทำไมว่าเธอเป็นใคร
รปภ. หนุ่มคนนั้นได้แต่ยิ้มแล้วเดินกลับเข้าไปในผับ
“นี่นายเป็นใคร ชื่ออะไร มายุ่งเรื่องของฉันทำไม” เธอชี้หน้าเขา
หิรัญส่ายหน้า กลิ่นแอลกอฮอล์กรุ่นออกมาจากริมฝีปาก เขารีบเบือนหน้าหนี
หมับ... เธอส่งปลายมือไปจับที่ปลายคางของเขา
“อ้อ... ไอ้หน้าละอ่อน มาทางไหนไปทางนั้นเลยไป” เธอออกปากไล่ ผลักหน้าอกของหิรัญเบา ๆ
ก่อนจะยกมือขึ้นปิดปาก
“อึก อะ... อุก อ้วก...” ทุกอย่างที่อยู่ในลำคอพวยพุ่งเข้าใส่คนตรงหน้า
“โอ๊ะ... ยายคนนี้ โอ้โห... ตาย เลอะ เละ อี้...” เขาทำเสียงแบบรังเกียจ ผลักร่างของเธอออก ร่างของโบนิตาปะทะเข้ากับรถอีกคัน ก่อนที่ร่างเธอจะร่วงลงไปนั่งข้างล่าง
“เออะ... เอิ้ก... เอาะ...” แล้วเธอก็อาเจียนออกมาอีกเป็นกอง
“โห... อะไรกันเนี่ย จะไหวไหม หมดสภาพขนาดนี้” เขาค่อย ๆ นั่งลงไปข้าง ๆ หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อเช็ดปัดไปที่ตรงเธออ้วกเข้าใส่ ก่อนจะเอาผ้าผืนนั้นเช็ดเข้าไปแรง ๆ ที่ใบหน้าและริมฝีปากของเธอ
“เฮ้ย... อย่ามายุ่งไอ้หน้าลิง” เมื่อกี้ยังว่าเขาหล่ออยู่หยก ๆ เปลี่ยนเป็นหน้าลิงเสียแล้ว
“ฉันก็ไม่อยากจะยุ่งหรอกนะจะบอกให้ โอ้โห... เมายัง...” เขาไม่พูดต่อ
“แล้วนี่แหกตาดูสิ ทำตัวเองสกปรกยังไม่พอ ดูมาทำให้ฉันสกปรกไปด้วย” ปากต่อว่า แต่ส่งมือสอดเข้าไปรั้งเธอให้ขึ้นมาทั้งตัว
สองมือของโบนิตายังคงจับอยู่ที่ชายกระโปรง มันเย็นวาบ ๆ นึกขึ้นได้ว่าไม่มีกางเกงใน ขนาดเมาปานนั้น แต่ก็ยังรู้ตัว
“หนาวเนอะ ลมเย็น ๆ” เธอเอ่ยขึ้น แล้วก็นึกขำตัวเองที่ไม่ได้ใส่กางเกงใน
“เอิ้ก...”
“เฮ้ย... อย่าอ้วกออกมาอีกนะ ถ้าอ้วกจะเอาผ้าอันนี้ยัดเข้าไปในปากของเธอแน่ ๆ
“หน็อยแน่ นายกล้าดียังไง รู้ไหมฉันเป็นใคร”
“อ้าว ๆ เมาแล้วไม่รู้อีกว่าตัวเองเป็นใคร ความจำเสื่อมหรือไง ถึงได้มาถามฉัน”
“เหอะ ๆ ฉันเนี่ยนะ เอิ้ก... แล้วฉันเป็นใครวะ” เธอนึกถามตัวเอง ตากำลังจะปิด ก่อนจะทรุดลงฮวบ
สองแขนของหิรัญรับเอาร่างของเธอไว้พอดี
“ฉิบหายละ” เขายังไม่ทันถามเธอเลยว่าจะให้ไปส่งที่ไหน ขืนให้นั่งรถแท็กซี่กลับเองคงไม่ถึงบ้าน
“ยายเบื๊อกเอ๊ย... รู้ตัวไหมเนี่ยว่าเป็นผู้หญิง ดีนะที่มาดื่มที่ร้านของฉัน”
เขาพูดพลางพาเธอขึ้นไปนั่งในรถของตัวเองที่จอดอยู่ใกล้ ๆ
“หื้อ... ก็ตัวหนักเอาเรื่องเหมือนกันนะ” เขาทิ้งร่างเธอลงไปนั่งที่เบาะ คนที่เมาหมดสภาพทิ้งตัวลงไปนอนคอพับในทันที
“เน่าขนาดนี้ พรุ่งนี้ต้องล้างอัดฉีด ล้างแอร์ด้วยดีกว่า คอยดูนะ ฉันจะเก็บเงินเอากับเธอ” ตาอาจจะปิด แต่หูก็ได้ยินทุกอย่าง แต่มันง้างปากให้ขึ้นมาพูดไม่ได้
ปึง... เขาปิดประตูรถ ก่อนจะวิ่งขึ้นไปยังอีกฝั่ง
ตื๊ด... ตื๊ด...
(“ไอ้กาย”)
“ครับพี่”
(“เพื่อนของเอมกลับไปหรือยัง”) การันต์ถามมาในสาย
หิรัญหันไปมองคนที่นอนคอพับอยู่ข้าง ๆ จะตอบอย่างไรดี
“เดี๋ยวผมดูให้พี่ เมา”
(“เออ... ขับรถมาก็คิดอยู่นี่ว่าทำไมไม่ดึงยายส้มขึ้นรถมาด้วย แล้วยายส้มอยู่ตรงนั้นไหม งั้นแกดูให้พี่ก่อน พี่จะขับรถวนกลับไปรับ”)
“โอ๊ย... ไม่ต้องพี่ เดี๋ยวผมจัดการเอง เชื่อมือเถอะ กลับไปนอนหลับให้สบายเถอะครับ”
(“เอางั้นเหรอ พี่ก็ใกล้จะถึงบ้านแล้วนี่”)
“ก็นั่นน่ะสิ แล้วพี่จะขับรถกลับมาทำไม ผมดูแลเอง หายห่วง”
(“เฮ้อ... ค่อยโล่งอก ไม่งั้น เอมตื่นขึ้นมารู้ว่า พี่ทิ้งเพื่อนของเอมเอาไว้ มีหวังกระโดดงับคอพี่แน่ ๆ”)
“คนนะครับไม่ใช่แมว”
(“ยังจะมาติดตลก เมาปลิ้นเลยเนี่ย อ้วกเต็มรถพี่เลย อะไรกันนักกันหนา ดื่มไปเยอะแหง ๆ”)
“ประมาณนั้นครับ เครื่องดื่มที่ร้านของผมมันถูก”
(“เหอะ ๆ ทำเป็นมาพูด แค่นี้นะกาย ถึงบ้านล่ะ”)
“ครับพี่”
หิรัญกดวางสาย แล้วหันไปมองผู้หญิงที่นั่งกึ่งนอนอยู่ในรถของเขา
“เดี๋ยวจะเอาไปโยนไว้ที่ห้องรับแขกก็แล้วกัน ยายส้ม แม่ง... ตอนนี้ต้องเปลี่ยนชื่อเป็น ยายเหม็นเปรี้ยวแล้วมั้ง โคตรเหม็นเลยว่ะ” เขาทำจมูกย่น ๆ ก่อนจะเปิดแอร์ในรถให้แรงขึ้น
ร่างเล็กเริ่มคันคะเยอ เธอค่อย ๆ ล้วงมือลงไปเกาที่หัวเข่า แล้วก็ลูบมาที่หน้าขา แล้วก็ถลกกระโปรงตัวเองให้สูงมาเรื่อย ๆ
รถติดไฟแดง
“เฮ้ย... เห็นจิมิ” หิรัญสะดุ้ง
‘แม่ผู้หญิงคนนี้ไม่ใส่กางเกงใน จะไม่ใส่มาโชว์ใครวะ จะเอามาโชว์ตรูรึ’ เขาคิด หันหน้าไปมองในรถเห็นเสื้อสูทที่เขาแขวนเอาไว้
พรึ่บ... เขาปิดตรงส่วนนั้นเอาไว้ คลุมไปทั้งขา
“แง่ม แง่ม แง่ม” โบนิตาทำปากเหมือนกำลังจะกินอะไร
“โหย...ยายคนนี้ เป็นผู้หญิงแบบไหนวะ” หิรัญชักแขยง รีบออกรถไปข้างหน้า ขึ้นทางด่วนมุ่งไปที่บ้านของตัวเองทันที
รถที่แล่นไปจอดที่ประตูหลังบ้าน
(บ้านหลังนี้คุ้น ๆ หิรัญเป็นลูกชายคนเล็กของศิริพักตร์กับภุชงค์ในเรื่อง รักสะดุดใจค่ะ)
“น่าจะเปลี่ยนเป็นรีโมต” เขาพูดออกมาดัง ๆ ก้าวขาลงไปเปิดประตูรั้ว ก่อนจะเคลื่อนรถของตัวเองไปจอดที่หน้าบ้านหลังสีขาวที่เขาปรับปรุงใหม่ ยังคงสภาพเหมือนเดิม ๆ ตั้งแต่สมัยรุ่นคุณปู่ทวดย่าทวด
เขาเดินมาปิดประตูรั้ว แล้วกลับมาที่รถ เห็นประตูรถด้านที่โบนิตานั่งเปิดอยู่