ในแผนกฉุกเฉิน ผลที่เกิดขึ้น คุณปลื้มเกิดอาการแพ้อย่างหนัก โชคดีที่มาทัน คุณหมอได้ให้ยา อะดรีนาลีน (Adrenalin) และเขาได้แอดมิตอยู่ในโรงพยาบาล
โบนิตานั่งทำหน้าเศร้าเฝ้าเขาอยู่ในห้องพิเศษ ด้วยสีหน้าละห้อย
“ขอโทษนะคะคุณปลื้ม ที่ทำให้วันหยุดของคุณเป็นแบบนี้”
“ไม่เป็นไรครับ ยังไงผมก็ปลอดภัยและอยู่ในความดูแลของหมอ”
เธอรู้สึกสงสารเขามาก เพราะตอนนี้ปลายจมูกของคุณปลื้มมีสายออกซิเจนเสียบคาอยู่เลย เพราะเขาหายใจไม่ทัน และตรงที่โดนผึ้งต่อยก็บวมเป่งเหมือนมันจะระเบิด และบวมลามไปทั้งแขน
“อย่าทำหน้าเครียดเลยครับ ถ้าคุณส้มรู้สึกผิดจริง ๆ ก็ต้องมาดูแลผมจนกว่าผมจะออกจากโรงพยาบาล”
“แน่นอนค่ะ ส้มต้องอยู่เฝ้าคุณอยู่แล้ว ส้มเป็นต้นเหตุทำให้คุณเจ็บตัวแบบนี้ ไม่น่าเลย” เธอยังรู้สึกผิด
“วันหยุดของคุณ พักร้อนของคุณแท้ ๆ”
“ส้มไม่ได้ซีเรียสหรอกค่ะ แต่ถ้าคุณปลื้มเป็นอะไรไปในตอนนั้นสิคะ ส้มคงจะอยู่ไม่ได้”
เขายิ้มดีใจที่ได้ยินเธอพูดแบบนี้ คุณปลื้มยกมือขึ้นปิดปากหาว ยาที่ได้รับเข้าไปทำให้เขาเกิดอาการง่วง
“คุณปลื้มนอนหลับเถอะค่ะ ส้มจะอยู่ข้าง ๆ นี่นะคะ ส้มจะไม่ไปไหนแน่นอนค่ะ ส้มสัญญา”
ปลื้มพยักหน้านิด ๆ แล้วตาของเขาก็ค่อย ๆ ปิดลงไป
โบนิตาพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ถ้าเกิดคุณปลื้มมาถึงโรงพยาบาลช้ากว่านี้ หัวใจของเขาอาจจะล้มเหลวก็ได้
ทางโฮมสเตย์ได้ช่วยเก็บของของคนทั้งคู่มาส่งให้ที่โรงพยาบาล เพราะเข้าใจได้ว่า ทั้งสองคนคงไม่ได้กลับเข้าไปพักที่นั่นได้อีกแล้ว ทางโฮมสเตย์ยังขอโทษขอโพยคุณปลื้มที่ไม่ได้ทำลายรังผึ้งจนทำให้เกิดเหตุการณ์ร้าย ๆ แบบนี้ขึ้นมา พวกเขาคงจัดการให้ผึ้งไปอยู่ในที่ที่ควรอยู่
สองทุ่มคืนนั้น มือถือของคุณปลื้มสั่นขึ้นมาอยู่หลายครั้ง จนครั้งสุดท้าย โบนิตาทนไม่ไหวจึงถือวิสาสะตั้งใจว่าจะกดปิดเครื่องให้ แต่เห็นที่หน้าจอ เขาได้บันทึกชื่อเอาไว้ว่า
‘แม่จ๋าของปลื้ม’
เธอหันไปมองคุณปลื้มที่นอนไม่สบายอยู่บนเตียง เรื่องนี้ที่บ้านของเขาควรจะต้องรู้ โบนิตาตัดสินใจรับสาย
“สวัสดีค่ะ”
คุณศิริพักตร์ถึงกับอึ้งที่มีเสียงหญิงสาวรับสายของลูกชายของเธอ
(“เอ่อ...”) คุณแม่ถึงกับพูดไม่ออก
“อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะคะ พอดีว่าคุณปลื้มเกิดอุบัติเหตุขึ้นนิดหน่อยนะคะ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล...”
(“หา!!! เกิดอุบัติเหตุอะไรหรือคะ”)
“ผึ้งต่อยค่ะ แล้วคุณปลื้มแพ้พิษของผึ้งมาก แต่ว่าคุณป้าไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ตอนนี้คุณปลื้มปลอดภัยดีแล้ว”
(“ตาปลื้มโดนผึ้งต่อย ตอนนี้ปลอดภัยดีแล้ว โล่งอก...”)
“ใช่ค่ะ คุณปลื้มแพ้มากเลยนะคะ ตอนนั้นหนูก็ตกใจมากเลยค่ะ ดีว่ามีคนที่โฮมสเตย์ช่วยพาคุณปลื้มส่งโรงพยาบาลได้เร็ว คุณปลื้มจึงถึงมือของคุณหมอ และคุณหมอก็ช่วยได้น่ะค่ะ”
(“โอ๊ยตายละ แล้วตอนนี้ปลื้มอยู่กับใคร แล้วหนูเป็นใครคะ แล้วป้าจะทำยังไงล่ะทีนี้”)
“คุณป้าไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ หนูจะเฝ้าไข้คุณปลื้มให้เองค่ะ เป็นเพราะหนู หนูนี่แหละค่ะที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้คุณปลื้มโดนผึ้งต่อยและก็เป็นแบบนี้”
(“นี่หนูจ๊ะ ป้าฝากดูแลปลื้มให้หน่อยนะ ยังไงป้าก็ต้องไปหาไปดูปลื้มด้วยตัวของป้าเอง หนูบอกชื่อโรงพยาบาลให้อีกทีสิ อยู่ที่โรงพยาบาลอะไรนะ”)
“โรงพยาบาล...............ค่ะ”
(“หนูจ๊ะ ป้าขอเบอร์โทร. หนูได้ไหม”)
“ได้ค่ะ หนูชื่อส้มนะคะ เบอร์...”
(“ขอบใจนะหนูส้ม เอ่อ... แล้วหนูเป็นอะไรกับปลื้มจ๊ะ”) คุณแม่สงสัย
“หนูเป็นคนที่พักอยู่ห้องข้าง ๆ คุณปลื้มน่ะค่ะ เรามาเจอกันที่โฮมสเตย์ค่ะ”
(“อ๋อจ้ะ”)
คุณศิริพักตร์เข้าใจไปแล้วว่า ปลื้มไปเที่ยวกับเด็กผู้หญิงที่ชื่อส้มคนนี้ ไม่อย่างนั้นเธอจะกล้ารับสายได้อย่างไร ใจหนึ่งก็รู้สึกดีที่ลูกชายจะได้เปิดตัวแฟน และคุณแม่จะจับแต่งงานก็คราวนี้
“ใครโทร. มา หรือคุณพักตร์โทร. ไปหาใครจ๊ะ”
“โทร. ไปหาปลื้มค่ะ”
“อ้าว... แล้วตาปลื้มไปเที่ยวที่ไหน”
“ที่อัมพวาค่ะ แต่ตอนนี้ลูกนอนอยู่ที่โรงพยาบาล”
“หา!!! ลูกนอนโรงพยาบาล ลูกเป็นอะไร แต่ทำไมหน้าคุณยังยิ้มอยู่ได้”
“ก็ตาปลื้มไปกับผู้หญิงน่ะสิคะ ไปเที่ยวกันสองต่อสอง คุณคะ เราจะได้ลูกสะใภ้ แล้วเราคงจะได้อุ้มหลานเร็ว ๆ นี่แหละค่ะ”
“หื้อ... ไปกับสาว” คุณพ่อยังทำหน้าฉงน
เผียะ... คุณศิริพักตร์ตีไปที่แขนของสามี
“ทำไมคะ ปลื้มก็เป็นผู้ชายเหมือนคุณ แค่ไม่ได้เชื้อเจ้าชู้ของคุณมาเท่านั้นเอง แกอาจจะดูให้แน่ใจก่อน ถึงจะเปิดตัว คราวนี้แหละ พักตร์ต้องเจอแม่สาวคนนั้นให้ได้” เธอมองค้อนสามีเล็ก ๆ
“อดีตของผมอาจจะเคยเจ้าชู้ แต่ผมก็เลือกที่จะหยุดที่คุณนะ”
“ทิ้งเชื้อไปให้ตากายเต็ม ๆ” เรื่องของอลิเชียกับหิรัญก็ทำให้ทั้งสองคนเบาใจไม่ได้
“อย่าเพิ่งคิดเรื่องตากายเลยน่า ว่าแต่ว่าเราสองคนจะไม่ไปหาลูกหรือ จะไปตอนไหน”
“ไปสิคะ แต่คงไปพรุ่งนี้ ดูสิสองสามทุ่มแล้ว กว่าจะขับรถไปกันอีก แม่หนูคนนั้นบอกว่าจะดูแลให้นะคะ”
“จ้ะ ได้จ้ะ ที่รัก” ลูกชายสองคนก็สร้างความหนักใจให้คนละอย่าง
ในสายของอีกวัน
“มีอะไรกินบ้าง”
หิรัญเดินเข้าไปในครัวของบ้านหลังใหญ่
ป้าประไพหันหน้ามาดู
“หิวหรือคะคุณกาย วันนี้ป้าไม่ได้ทำอะไรเอาไว้ซะด้วยสิคะ”
ชายหนุ่มมีสีหน้าฉงน
“นี่แสดงว่าคุณพ่อกับคุณแม่ไม่อยู่บ้านหรือครับ ไปไหนกันไม่เห็นบอกผมสักคำ” เขาบ่น แล้วนั่งลง
“รับกาแฟก่อนนะคะ เดี๋ยวป้าทำอะไรให้กิน”
“ไข่เจียวก็พอแล้วครับ ไม่ได้กินนานแล้ว”
“อาหารพื้น ๆ บางทีก็อร่อยกว่าอาหารเลิศหรูในห้างหรือตามร้านรวงนะคะ”
“อาหารแบบนั้น กินบ่อย ๆ มันก็เลี่ยนนะครับ ว่าแต่ป้ายังไม่ได้บอกผมเลยว่าแม่กับพ่อไปไหน”
ป้าประไพยกกาแฟมาเสิร์ฟให้
“ไปสมุทรสงครามค่ะ”
“ไปทำอะไรที่นั่น”
“คุณปลื้มถูกผึ้งต่อยแล้วแพ้พิษผึ้งตอนนี้นอนรักษาตัวอยู่ที่นั่นค่ะ”
“หา! อะไรนะ อาการหนักหรือครับ”
“ค่ะ คุณปลื้มนอนอยู่ที่โรงพยาบาล ท่านสองคนก็เลยต้องไปดู”
“แล้วไม่เห็นมีใครบอกผม”
“ก็คุณกายทำงานแล้วกลับมาดึกนี่คะ แล้วอีกอย่าง เช้า ๆ อย่างนี้ โทร. ไปหาจะตื่นมารับสายหรือเปล่า เดี๋ยวคุณแม่ก็คงจะโทร. มาหาคุณกายเองแหละค่ะ”
“ทั้งสองคนยังเห็นว่าผมเป็นลูกหรือเปล่าเนี่ย” มีอาการน้อยใจ
“ก็ขยันสร้างเรื่องเหลือเกินนี่คะ” ป้าประไพช้อนสายตาขึ้นมองเขา ได้เลี้ยงดูหิรัญมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก
“สงสัยจะพากันเมาท์เรื่องผมมันกันทั้งบ้านน่ะสิ”
เขารู้ว่าป้าประไพก็คงหมายถึงใคร
“ก็แหงแหละค่ะ มีดาราดังมาตามหาหัวใจของพระเอกที่ชื่อหิรัญถึงที่บ้าน แบบนี้ก็ต้องเมาท์สนั่นกันแหละค่ะ”
“เป็นกันไปหมดแล้ว ยายอลิสตื๊อจะเอาชนะผมครับ เพราะเห็นว่าผมจะเลิกคบ”
“คุณกายคะ ถ้าผู้หญิงเขาไม่รัก เขาไม่แยแสหรอกค่ะ” ป้าประไพออกความคิดเห็น
“มันก็เป็นผู้หญิงบางคนละมั้ง”
“อะ... แบบนี้แสดงว่าไม่รู้จักนิสัยของผู้หญิงดีจริงน่ะสิคะคุณกาย เสียชื่อเพลย์บอยตัวพ่อหมด ผู้หญิงถ้าได้รักมากก็เกลียดมากค่ะ และสามารถทำอะไรก็ได้เพื่อความสะใจที่จะทำให้ผู้ชายที่ทำให้เธอเจ็บได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดบ้าง”
“โธ่ป้า... นั่นมันอยู่ในละครน้ำเน่าแล้วละครับ”
“ละครน้ำเน่าก็สร้างมาจากเรื่องจริงทั้งนั้นแหละ ป้าไม่เถียงล่ะ” หันไปทำอาหารให้เขาต่อ