บทที่3. มีเรื่อง

1313 คำ
    หมาน้อยมอมแมมกลายเป็นหมาน้อยน่ารักในทันที  หลังจากเช็ดเนื้อเช็ดตัวจนสะอาดสะอ้าน   โดยมีมือของหญิงสาวสองคนและสายตาชายหนุ่มอีกหนึ่งคู่ที่มองอย่างห่วงใย      “ชอบหาหมาแมวมาให้เลี้ยงแบบนี้ ย้ายมาอยู่บ้านเดียวกันเลยไหม”        “ก็อยากมาอยู่หรอกแต่เกรงใจพี่เนย” มาริสาหันไปยิ้มกับหญิงสาวรูปร่างเล็กท่าทางใจดีที่ยังคอยดูแลน้องหมาอยู่      “ถ้าพี่หมอกไม่กลัวมีก้างขวางคอเมี่ยงย้ายมาอยู่เลยก็ได้นะ”             ชายหนุ่มขยับแว่นสายตาให้ชิดใบหน้าแก้เก้อ เขาไม่เคยเถียงน้องสาวคนเดียวของบ้านได้สำเร็จสักครั้ง  ลูกคนสุดท้องแถมเป็นลูกสาวที่แม่รอคอยมานานก็ไม่น่าแปลกใจนักหรอกที่จะได้มีนิสัยเอาแต่ใจไม่ยอมใครง่ายๆ ก็ครบสูตรอยู่แล้ว    แต่ก็ใช่ว่าน้องสาวคนนี้จะนิสัยเลวร้ายอะไรนักหรอกก็อย่างน้อยเธอก็เป็นกามเทพให้เขาได้รู้จักกับหมอเนย สัตวแพทย์สาวจิตใจอ่อนโยนคนนี้ไงละ             “พี่หมอกค่ะไปหามุมสวยๆ ให้ใบเมี่ยงถ่ายรูปเจ้าตัวน้อยนี่หน่อยซิ”                “ครับเจ้าหญิง”    หมอกรับคำปนประชดนิดๆ แต่ก็ลุกขึ้นเดินไปหน้าบ้าน เหลียวซ้ายและขวา จะว่าไปก็ใช้แทบทุกมุมอยู่แล้ว         แต่...บนเก้าอี้ยาวตัวนี้คงใช้ได้  เขาเผลอยิ้มแล้วเดินกลับเข้าไปช่วยอุ้มลูกหมาน้อยแล้ววางบนเก้าอี้ยาวที่ตั้งไว้นั่งเล่นหน้าบ้านซึ่งเป็นกึ่งออฟฟิศ    ครอบครัวของเขามีกิจการหลักคือธุรกิจก่อสร้างที่เชียงใหม่แต่เมื่อถึงรุ่นของหม่อน-พี่ชายคนโตก็ขยายกิจการครอบคลุมทุกสาขา         เมฆ-พี่ชายคนรองคอยดูแลด้านบัญชีเสียส่วนใหญ่แต่ก็ค่อยติดต่อกับธนาคารด้านการเงิน        รวมถึงเขาที่ชอบเรื่องต้นไม้ก็ถูกจับมาทำงานด้านออกแบบตบแต่งสวนซึ่งเขาก็พอใจ ส่วนโมน-น้องชายอีกคนดูแลด้านการออกแบบตบแต่งภายใน จะมีก็แต่ใบเมี่ยง-มาริสา น้องสาวคนสุดท้ายที่ไปเอาดีด้านคอมพิวเตอร์นั้นแหละ “ตัวยังสั่นๆ อยู่เลย” เนยบ่นพลางลูบตัวเจ้าหมาน้อยที่มาริสาอุ้มมาให้ดูแล     “ไม่ต้องกลัวนะ แม่จะหาบ้านใหม่ให้หนูเอง เอ๊ะ! เรายังไม่ได้ตั้งชื่อเลยนี่” “เรียกตัวเล็กไปก่อนก็แล้วกันพี่เนย” มาริสาบอกยิ้มๆ หันไปยักคิ้วให้พี่ชายที่เธอรู้ดีว่าอิจฉาเจ้าหมาน้อยที่ถูกกอดอย่างทะนุถนอมแบบนั้น หญิงสาวหยิบกล้องดิจิตอลเตรียมถ่ายรูปหมาน้อยที่ถูกทิ้ง เมื่อเนยผละออกมาเจ้าหมาน้อยก็นั่งนิ่งเป็นนายแบบให้มาริสาถ่ายรูปอย่างง่ายดาย        2 ปีที่แล้วมาริสารู้จักกับเนยผ่านเวบไซต์แห่งหนึ่งที่คอยช่วยเหลือหมาและแมวจรให้มีเจ้าของใจดีค่อยดูแลพวกมัน ทำไปทำมาเธอก็เลยช่วยทำเวบไซต์สำหรับผู้ที่ต้องการอุปการะหมาและแมวตาใสๆ พวกนี้ แต่หมาแมวที่มาริสาเก็บมาบ้างครั้งยังหาเจ้าของไม่ได้หรือรอคนมารับไปดูแลเธอก็ต้องเอาพวกมันมาฝากที่บ้านของหมอกซึ่งเปิดเป็นโฮมออฟฟิศและนั่นก็ทำให้หมอกได้รู้จักหมอเนย สัตวแพทย์สาวจิตใจอ่อนโยน     “น่ารักแบบนี้คงหาบ้านได้ไม่ยาก”  เนยพูดด้วยรอยยิ้มแล้วหันไปทางหมอก “รบกวนคุณหมอกอีกแล้วนะคะ” “ไม่เป็นไรครับ”    ตอนนี้เขาต้องทำกรงไว้เลี้ยงเจ้าพวกนี้ที่ด้านหลังบ้าน ซึ่งตอนนี้ก็มีอยู่ 4 ตัวแล้ว แต่อีก2-3วัน จะมีคนมาขอดูน้องหมารับไปเลี้ยงคงได้แบ่งเบาภาระลงไปบ้าง               “เจ้าตัวเล็ก...โชคดีแล้วนะจ๊ะ”       เนยอุ้มหมาน้อยไว้แนบอก “แต่วันนี้เนยจะเอาเค้าไปตรวจโรคก่อนนะคะ แต่ดูเหงือกแล้วเขาไม่น่าป่วยเป็นอะไรอาจจะแค่ขาดสารอาหารเพราะกินไม่อิ่ม”             “ครับ”    หมอกเอ่ยตอบได้แค่นี้      ปกติเขาเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้วยิ่งอยู่กับคนที่ชอบก็ยิ่งพูดจาไม่เป็นแทบเป็นใบ้ด้วยซ้ำ เขาหันไปทางน้องสาวนิดหนึ่งที่ยิ้มทำหน้าทะเล้น เขาได้แต่แอบถอนหายใจเบาๆ ถึงจะไม่อยากให้มีน้องสาวมาเป็นก้างขวางคอแต่ถ้าไม่มีเขาก็ไม่รู้จะอ้าปากพูดอะไรได้หรือเปล่า             มาริสามองไปรอบๆ บ้านของหมอกหลายครั้งเพื่อความแน่ใจ แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของคนที่เธอเกรงๆ ท่าทางแปลกๆ ของเธอทำให้หมอกต้องเอ่ยถาม             “พี่หม่อนยังมาไม่ถึงเหรอ”             “พี่หม่อนมากรุงเทพฯ เหรอ?”  หมอกถามอย่างแปลกใจ ปกติถ้าพี่ชายคนโตมากรุงเทพฯ จะต้องโทรบอกก่อนเสมอแม้ว่าแต่ละคนที่จะมีที่พักของตัวเองก็ตาม “มีอะไรด่วนหรือ?”             “อ้าว...นึกว่ารู้เรื่องเมี่ยงรู้กันหมดแล้ว”                    “เรื่องที่พี่หม่อนไม่ให้แม่โอนเงินให้นะเหรอ” หมอกหัวเราะอย่างพึ่งนึกได้ “แต่ไม่คิดว่าพี่หม่อนจะลงมาจัดการเอง”             “อย่ามาหัวเราะกันแบบนี้นะ” มาริสาแยกเขี้ยวใส่ “แค่นี้ก็กลุ้มใจจะแย่อยู่แล้ว”             “หน้าตาไม่เหมือนคนกลุ้มใจเลยนี่” หมอกพยายามไม่หัวเราะเยาะน้องตัวเอง พี่น้องทั้งหมด 6 คน ทุกคนล้วนกลัวและเกรงพี่หม่อน-พี่ชายคนโตมากที่สุด ยิ่งกว่าพ่อกับแม่ด้วยซ้ำไปและก็มีแต่หม่อนเท่านั้นที่จะจัดการมาริสาได้             “มีอะไรหรือคะ”   เนยถามอย่างแปลกใจ             “ก็ไม่มีอะไรครับแค่พี่หม่อนอยากดัดนิสัยน้องสาวขาช้อปฯ ของเรา” หมอกพูดปนหัวเราะ “พี่อยากรู้จริงๆ ว่าเราใช้ข้าวของที่ซื้อมาหมดเหรอ”             “ก็มันชอบนี่พี่” มาริสาแลบลิ้นใส่ “พี่หมอกไม่เข้าใจผู้หญิงหรอก”             “ได้ยินว่าต้องซื้อตู้เสื้อผ้าใหม่เพิ่มอีกตู้ไม่ใช่เหรอ...ทำไม่คัดอะไรๆ ที่เบื่อๆ แล้วออกซะบ้าง” พี่ชายแนะนำ             “คัดไปไว้ไหนละคะ พี่หมอกจะเอาไปใช้หรือไง”             “ก็นี่ไง หมอเนยเค้าทำโครงการหาเงินช่วยน้องหมาแมวอยู่ เมี่ยงก็ไปคัดอะไรที่เบื่อๆ แล้วมาให้เนยเอาไปขายหาเงินเข้าโครงการซิ”             “จริงเหรอคะพี่เนย” มาริสาหันมาถามเนยที่ยิ้มเขินๆ อยู่             “พอดีเนยปรึกษาคุณหมอกนะคะ ปกติเราใช้ทุนส่วนตัวช่วยน้องหมาแต่เราเองก็มีเงินไม่มากนัก เราอยากรักษาน้องหมาน้องแมวที่ไม่สบายให้แข็งแรงก่อนจะหาบ้านให้เจ้าของใหม่ค่ะ”             “ก็เลยคิดว่าจะขายของกัน...”             “ดีเลย! ใบเมี่ยงเอาด้วยช่วยเต็มร้อยอยู่แล้ว” มาริสาดีดนิ้วดังเป๊าะ “แบบนี้ใบเมี่ยงจะได้มีข้ออ้างกับพี่หม่อนแล้ว”             “โธ่!เมี่ยง พี่ชวนมาทำบุญไม่ใช่ให้หาเรื่องแก้ตัวแบบนี้”             “ไม่เห็นเป็นไรเลย...” เธอหันหน้าไปพยักเพยิดกับเนยที่ยืนหัวเราะคิกคัก มาริสายื่นมืออุ้มลูกหมาน้อยตาใสมากอดแนบอกอย่างดีใจ “แกนี่นำโชคดีมาให้ฉันจริงๆ เลยนะ แบบนี้น่าจะเรียกว่าหนูโชคดีนะเนี่ย” หญิงสาวหัวเราะเสียงใส นี่เป็นครั้งแรกของวันที่ได้หัวเราะออกมาเสียทีหลังจากเครียดอยู่เป็นนาน แต่เอาเข้าจริง            คนอย่างใบเมี่ยง-มาริสาไม่เคยเครียดนานอยู่แล้ว    พี่หม่อนก็พี่หม่อนเถอะ! อย่าคิดว่าจะจัดการเมี่ยงได้ง่ายเลย            ไม่มีทาง!!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม