เพล้ง!!
ฉึก!
เศษแก้วคมถูกกรีดลงบนข้อมือเล็ก เลือดสีสดไหลลงกระทบกับพื้นหยดแล้วหยดเล่า เมื่อซันไชน์ปาแก้วลงพื้นจนแตกเธอหยิบเศษแก้วกรีดข้อมือตัวเองโดยไม่ลังเลเลยสักนิดว่าตัวเองจะทนรับมือกับความเจ็บได้หรือไม่
"ทำบ้าอะไรของเธอวะ!" เจ้าพิภพปรี่เข้าจับข้อมือเล็กพร้อมกับปัดเศษแก้วจากมืออีกข้างของเธอออก
เสื้อยืดสีขาวที่เขาสวมไว้ถูกถอดออกเพื่อมาใช้ห้ามเลือดของเธอเอาไว้ ดวงตาคมกริบฉายแววความกังวลออกมาอย่างชัดเจนเมื่อได้เห็นบาดแผลของเธอ
"อย่ามาทำดีกับฉันนะ!" เสียงหวานตะเบ็งเสียงกร้าวเธอชักมือออกให้หลุดจากการจับกุมของเจ้าพิภพหากแต่คนตัวโตกลับยึดข้อมือเล็กของเธอเอาไว้มั่น
"ฉันไม่ปล่อยให้เธอตายหรอก" เจ้าพิภพเอ่ยเสียงเบาแต่หนักแน่นจนเธอได้ยินมันอย่างชัดเจน
"ไม่มีฉัน นายคงไม่มีคนให้ระบายอารมณ์สินะ" ดวงตากลมโตมองดูรอยบาดแผลที่เธอเป็นคนสร้างขึ้นอย่างไร้ความรู้สึก เธอไม่สนด้วยซ้ำว่ารอยแผลนี้จะทำให้เธอต้องเจ็บปวดสักแค่ไหน
"รู้ตัวก็ดี การตายไม่ใช่ทางออกของเธอ" เจ้าพิภพใช้ผ้าห่มผืนหนาคลุมตัวของซันไชน์เอาไว้แล้วช้อนตัวเธออุ้มขึ้นเพื่อตรงไปยังห้องทำแผลที่เจ้าพิภพมักจะใช้เป็นห้องทำแผลส่วนตัว
เจ้าพิภพวางคนตัวเล็กลงบนเตียงอย่างเบามือ เขามองใบหน้าหวานที่ยังคงตีสีหน้านิ่งเฉยไม่แม้แต่จะแสดงความเจ็บออกมาให้เขาได้เห็น
"อย่าทำแบบนี้อีก" เจ้าพิภพเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบจนซันไชน์ถึงกับต้องหันกลับไปจ้องมองใบหน้าคมของเขา แล้วเอ่ยตอบคนตรงหน้าเสียงเย็น
"ฉันต้องเชื่อนายด้วยเหรอ"
"อย่าดื้อกับฉัน" เจ้าพิภพวางอุปกรณ์ทำแผลลงข้างเตียงแล้วจ้องกลับซันไชน์ด้วยความไม่พอใจ
"..."
"แค่เธอเชื่อฟัง แล้วไม่ทำแบบนี้อีกฉันจะไม่ทำร้ายเธอ"
"ฉันเชื่อนายได้เหรอ? ฉันเชื่อนายได้แค่ไหนกัน ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกันมีเรื่องไหนบ้างที่เป็นเรื่องจริง บอกฉันทีแผ่นดินว่านายจะให้ฉันเชื่อได้แค่ไหน" น้ำตาสีใสเอ่อล้นขึ้นอีกครั้ง ความเจ็บปวดภายในจิตใจมันมากกว่าบาดแผลสดบนตัวของเธอเสียด้วยซ้ำ แม้เวลาจะผ่านมานานหลายปีแต่มันก็ไม่เคยจางหายไป
"..." คนตัวโตยังคงยืนฟังคนตัวเล็กบนเตียงด้วยความเจ็บปวดไม่แพ้กัน ใครว่าเขาไม่เจ็บ ใครว่าเขาไม่เสียใจ แค่มันถูกฝังอยู่ส่วนลึกสุดใจเขาก็เท่านั้น
"แม้แต่ชื่อของนาย มันยังปลอม"
'นายชื่ออะไรเหรอ?'
'เรียกฉันว่าแผ่นดิน'
น้ำเสียงสดใสที่เคยดังก้องอยู่กลับมาส่งเสียงหวานอีกครั้งในความทรงจำของเขา
"..."
"แล้วตอนนี้นายจะให้ฉันเชื่อนายอีกหรือไง ฉันดูเหมือนโง่มากใช่ไหมที่ทำให้นายมาหลอกซ้ำแล้วซ้ำอีก ที่ผ่านมามันไม่พอเหรอ! มันไม่สาแก่ใจนายอีกใช่ไหม!" ซันไชน์ตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว เธอจ้องลึกเข้าไปในดวงตาเย็นชาดุดันที่เรียบเฉยของเขาอย่างโกรธเคือง ผิดที่เธอเหรอ? ทุกอย่างมันเริ่มต้นจากเขาต่างหาก
"พูดพอหรือยัง รำคาญ" น้ำเสียงเรียบนิ่งของเจ้าพิภพทำให้ซันไชน์ต้องเบือนหน้าหนี เป็นเธอเองที่คอยคาดหวังว่าเขาจะรู้สึกเจ็บปวดเหมือนกับเธอ แต่เปล่าเลยเขากลับเย็นชาและเลือดเย็น
ร่างอรชรนั่งมองบาดแผลที่ข้อมือของเธออย่างไร้ความรู้สึก ที่ตอนนี้มีผ้าพันแผลคอยปกปิดบาดแผลนั้นเอาไว้ซึ่งคนที่เป็นคนทำแผลนี้ให้เธอก็คือเจ้าพิภพ
"อยากไปนั่งเล่นในสวนไหมคะ?" ผึ้งที่ทนดูซันไชน์นิ่งเงียบไร้อารมณ์ก็อดเป็นห่วงเธอไม่ได้
"..."
"ไปเถอะนะคะ ดีกว่าอยู่แต่ในห้องตั้งเยอะ" ผึ้งรบเร้าจนซันไชน์ต้องพยักหน้าด้วยความจำใจ เธอไม่อยากเป็นตัวปัญหาเพิ่มให้ผึ้งอีกคน
ซันไชน์เดินไปตามทางของกระเบื้องลายหินอ่อนที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามเพื่อจะตรงไปยังสวนหลังบ้านของเจ้าพิภพ
ทว่าเมื่อซันไชน์มาถึงกลับต้องแปลกใจเมื่อตรงหน้าของเธอที่ก่อนหน้านี้มีแต่ต้นไม้เต็มไปหมดกลับถูกแทนที่ด้วยสวนกุหลาบสีขาว
...ดอกไม้ที่เธอชอบที่สุด
ร่างอรชรเดินตรงไปยังดอกกุหลาบสีขาวตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ต่างออกไป จากตอนที่เธอเศร้าหมองตอนนี้มันดูสดใสขึ้นมาอีกครั้ง
มือเล็กเอื้อมสัมผัสกุหลาบตรงหน้า รอยยิ้มบางๆปรากฎขึ้นบนใบหน้าสวย นี่คงนับเป็นครั้งแรกตั้งเธอมาอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ที่เธอได้ยิ้มออกมา
"คุณเจ้าพิภพสั่งให้ปลูกเอาไว้ค่ะ" เหมือนจะรู้ทันความคิดของเธอ ผึ้งเลยเอ่ยบอกซันไชน์ที่ดูอารมณ์ดีขึ้นมาในทันที
"..." ร่างบางไม่ตอบกลับแต่อย่างไดเธอยังคงไล่สัมผัสกุหลาบดอกแล้วดอกเล่าไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสายตาของเธอที่เงยหน้ามองขึ้นไปยังระเบียงห้องที่เธออยู่ มีสายตาคมคู่นึงกำลังจ้องมองเธออยู่เช่นกัน
เจ้าพิภพที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงระเบียงห้องกำลังพ่นควันสีขาวคละคลุ้งด้วยสีหน้าเย็นชา มองดูคนตัวเล็กที่กำลังเพลิดเพลินไปกับเหล่าดอกไม้ที่เขาสั่งให้คนนำมาปลูกเอาไว้
"คุณซันไชน์ดูสดชื่นขึ้นนะคะ"
"งั้นเหรอคะ" ซันไชน์เบือนหน้าหันกลับมาสนใจดอกกุหลาบที่กำลังเบ่งบานอยู่ตรงหน้าอย่างสนใจ เธออมยิ้มเพียงนิดก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าเรียบเฉยเมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีสายตาของเจ้าพิภพยังคงจ้องมองเธออยู่
"กินให้เยอะกว่านี้" เข้าพิภพออกคำสั่งเมื่อเห็นร่างบางทานอาหารได้เพียงไม่กี่คำ
"..." ซันไชน์ไม่ตอบเธอเพียงแค่นั่งนิ่งมองจานข้าวตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า
"ไม่พูด หรืออยากจะเปลี่ยนเป็นครางให้ฉันฟังแทน"
"ฉันไม่อิ่มแล้ว" ซันไชน์ตอบกลับทันทีที่ได้ยินคนตัวโตพูดขู่ เธอไม่อยากขัดใจเขาจนพาลให้ตัวเองเจ็บอีกแล้ว
"ต้องกินมากกว่านี้"
"ก็บอกว่าฉันอิ่มแล้วไง" ซันไชน์ตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้ อันที่จริงเธอเกลียดขี้หน้าเขาจนทานไม่ลงเลยต่างหาก
เจ้าพิภพหยัดตัวลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วเดินอ้อมมาฝั่งของเธอ
"อย่าดื้อกับฉัน...หรือเธออยากให้ฉันทำกับเธอแบบนั้นอีก"
"..." ดวงตาคู่สวยตวัดมองอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ถ้าเธอทำตัวดีกับเขาแล้วมันทำให้เขาไม่บังคับขืนใจเธออีกก็คงดี
"อ้าปาก" เจ้าพิภพลากเก้าอี้มานั่งใกล้กับเธอแล้วใช้ช้อนตักอาหารในจานเธอขึ้นจ่อตรงปากอวบอิ่ม
"ฉันกินเองอื้อ~" คำพูดของเธอกลืนหายไปเมื่อเจ้าพิภพป้อนข้าวให้เธอโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
"หึ" เจ้าพิภพแค่นหัวเราะเมื่อซันไชน์ได้แต่มองเขาตาขวางอยู่อย่างนั้น มันไม่ได้ดูน่ากลัวเลยสักนิดสำหรับเขา
"กินให้หมด" เขาเอ่ยบอกเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กไม่ยอมเคี้ยวอาหารในปากที่เขาป้อนให้
"..."
"หรือว่าจะให้ฉันส่งลิ้นเข้าไปแทน" เมื่อคำขู่เป็นผล ร่างบางถึงกับรีบเคี้ยวจนทำให้สองแก้มของเธอป่องจนน่าหยิก
'โอ๊ย! นายหยิกฉันทำไม'
'กินอย่างกับหมู แก้มป่องจนนึกว่าลูกหมูแล้ว'
คำพูดในวันวานที่เขาเคยบอกกับเธอดังก้องขึ้นอีกครั้ง จากในตอนแรกที่สายตาของเขาอ่อนลงกลับต้องมาฉายแววดุดันขึ้นอีกครั้งเมื่ออดีตมันคอยตอกย้ำความเจ็บปวดที่เขาได้รับ
"มานอน" เจ้าพิภพตบที่ว่างข้างกายบนเตียงนุ่มหลังจากที่ซันไชน์ออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดนอนสีหวาน
ซันไชน์ปรายตามองที่ว่างที่เขาเว้นให้เพียงนิดก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าหาแล้วครานขึ้นเตียงเพื่อล้มตัวนอนข้างเขาแต่ก็ยังเว้นระยะห่างกับคนตัวโตอยู่ดี
"หันมา" เจ้าพิภพเอ่ยสั่งเสียงเรียบเมื่อเธอนอนหันหลังให้กับเขา
คนตัวเล็กพลิกตัวกลับไปเผชิญหน้ากับคนออกคำสั่งอย่างว่าง่าย เธอแค่อยากนอนหลับสบายๆเขายังต้องคอยกลั่นแกล้งเธออีกเหรอ
"อย่ามากอดฉัน" ซันไซน์บอกคนตัวโตด้วยเสียงไม่พอใจเมื่อเจ้าพิภพพาดแขนกำยำบนตัวของเธอ
"อย่าเล่นตัวได้ไหมวะ แค่นอนจะอะไรนักหนาฉันไม่อยากกอดเธอ...แต่จะทำให้เธอทนนอนไม่ได้ต่างหาก" คนตัวโตเอ่ยบอกพร้อมกับรั้งตัวเธอเข้าหาจนใบหน้าหวานแทบชิดแผงอกแกร่งถ้าเธอไม่ได้ดันมือเล็กขวางเอาไว้
"จะนอนดีๆ หรือนอนให้ฉันเอาก็เลือกมา"