“ฉันไม่ได้จำ”
“งั้นบอกใหม่ก็ได้ค่ะ” ฉันทำใจกล้าพูดออกไปอีกครั้ง ตอนนี้ฉันไม่กลัวอะไรทั้งนั้นแล้ว ตั้งแต่คำพูดที่เขาบอกฉันว่า ฉันไม่ได้ชอบเธอ คงไม่มีอะไรที่ออกจากปากเขาทำฉันเจ็บเท่านี้แล้วแหละ
“ต่อจากนี้ก็เตรียมตัวรับมือจากหนูได้เลยค่ะ”
“เพราะหนูจะทำให้พี่พายุชอบหนูให้ได้”
ฉันมองหน้าเขาขณะที่พูดแต่ทันทีที่ฉันพูดจบ ใบหน้าเขาก็ไม่แม้แต่จะยิ้มแถมบึ้งตึงยิ่งกว่าเดิม
เขาเพียงมองหน้าฉันนิ่งๆ ผิดกับเพื่อนเขาอีกสามคนที่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองมาทางฉัน
“อย่าเสียเวลา” พี่พายุพูดขึ้นพร้อมทำท่าเดินออกไป
“ไม่หรอกค่ะเพราะหนูมั่นใจ” ไม่รู้ว่าฉันเอาความมั่นใจมาจากไหนถึงกล้าพูดแบบนี้แต่เชื่อเถอะการที่ฉันเสนอหน้าให้เขาเห็นบ่อยๆยังไงเขาก็ต้องใจอ่อนมั้งนะ
“เต็มที่เลยน้องยังไงพี่เชียร์น้อง” เสียงเพื่อนของพี่พายุที่ชื่อพี่ติณณ์พูดขึ้น
“คนอย่างมึงต้องเจอคนแบบน้องเขานี่แหละ ไอ้พายุ” พี่คิมหันต์พูดขึ้นต่อ
“พวกพี่เอาใจช่วยเอาชนะใจมันให้ได้นะ” และพี่เรย์ก็พูดขึ้นด้วยอีกคน
“ไอ้พายุมันก็แบบนี้แหละ นิสัยมันเหมือนกับชื่อมัน ยากหน่อยนะถ้าจะจีบมันแต่พี่ว่ายังไงน้องก็ทำได้” พี่คิมหันต์พูดขึ้นอีกครั้ง
ทุกคนอาจจะสงสัยทำไมฉันถึงรู้จักพวกเพื่อนพี่พายุ เอาจริงๆการที่ฉันชอบพี่พายุ ฉันก็สังเกตสิ่งมีชีวิตรอบตัวเขาด้วยและพี่พายุก็เป็นคนที่นิ่งที่สุดในกลุ่ม
“ขอบคุณพวกพี่นะคะ” ฉันพูดขึ้นต่อทันทีเพราะเพื่อนๆของพี่พายุทุกคนให้กำลังใจหมด
“ขนมนี่อย่าลืมกินนะคะหนูซื้อมาแพง” ฉันเตือนเรื่องขนมอย่างลืมไม่ได้
การที่เริ่มจีบผู้ชายฉันก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง รู้แค่ว่าหลังจากนี้พี่พายุคงต้องเห็นหน้าฉันบ่อยขึ้นกว่าเดิม
หลังจากนั้นฉันก็เดินออกมาและหยิบโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าขึ้นมาพร้อมกับเปิดหน้าเฟสบุ๊คของพี่พายุที่ฉันส่องเป็นประจำทุกวัน จริงๆมันก็ไม่มีอะไรให้ดูหรอกเพราะพี่พายุไม่ได้เปิดสาธารณะ วันนี้ฉันจึงตั้งใจว่าจะแอดเพื่อนในเฟสบุ๊คพี่พายุไป
“รุกที่ละนิดแล้วกัน”
พายุ
Moji ได้ส่งคำร้องขอเป็นเพื่อนถึงคุณ
“ตามไม่เลิก” ผมพูดขึ้นทันทีเมื่อโทรศัพท์ขึ้นแจ้งเตือนเป็นโปรไฟล์ของตัวน่ารำคาญ
“อะไรตามไม่เลิกวะ” ไอ้ติณณ์พูดขึ้นทันทีพร้อมกับชะเง้อหน้ามาดูโทรศัพท์ของผม
“รับดิวะน้องเขารุกขนาดนี้แล้ว” ไอ้ติณณ์พูดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับกดยืนยันคำขอ
“ไอ้เวรนี่” ผมสบถด่าไอ้ติณณ์ออกมาทันที ขี้เสือกไม่พอมือยังไวตอบรับคำขออีก
“แค่รับน้องเขาเป็นเพื่อนในเฟสบุ๊คทำท่าจะตาย” เออ กูจะตายเพราะมึงนี่แหละ
“ทีหลังอย่าเสือก” ผมพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับลุกเปลี่ยนที่ทันที
ไม่อยากจะนั่งข้างแม่งละ หงุดหงิด
Moji สวัสดีค่ะพี่พายุจำหนูได้ไหมคะ
ความน่ารำคาญเกิดขึ้นเพราะไอ้เวรติณณ์คนเดียว ผมเลือกที่จะไม่ตอบข้อความพร้อมกับกดหน้าโปรไฟล์คนที่ส่งข้อความมา บล็อกทันทีเพื่อตัดความรำคาญให้หมดไป
“หนูขอนั่งด้วยนะคะพอดีมาคนเดียวเหงามากเลย” ผมเงยหน้ามองเสียงที่คุ้นหูที่ได้ยินวันนี้เป็นรอบที่สาม
“เต็ม”
“ไม่เต็มครับน้องนั่งเลย” ไอ้เรย์พูดขึ้นพร้อมกับขยับตัวเองที่นั่งตรงข้ามผมให้เหลือพื้นที่ว่างพอสำหรับตัวน่ารำคาญ
“น่ารำคาญ” ผมพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ ไม่รู้ผู้หญิงคนนี้เอาความกล้ามาจากไหนถึงได้ตามผมไม่เลิกขนาดนี้
“พี่พายุคะ ก๋วยเตี๋ยวไม่อร่อยหรอคะดูทำหน้าเข้า”
“ไม่”
“งั้นกินของหนูไหมคะ สุกี้ร้านนี้อร่อยมาก”
“กูอิ่มแล้ว” ผมหันหน้าไปบอกเพื่อนเพื่อหวังจะลุกออกไปก่อน มีหวังผมนั่งอยู่ตรงนี้ได้เป็นบ้าตายเพราะเสียงตัวน่ารำคาญเป็นแน่
อย่างที่ผมบอกผู้หญิงบนโลกนี้คือสิ่งมีชีวิตที่น่ารำคาญสำหรับผม
“นั่งด้วยกันก่อนพวกกูยังไม่อิ่ม” ไอ้คิมหันต์ที่อยู่ทางด้านซ้ายขอบผมพูดขึ้นทันที
“น้องเขาก็พึ่งมาอย่าเสียมารยาท” ไอ้ติณณ์พูดต่อเพิ่มเป็นการเสริม
“กูไม่เคยมีมารยาท” ผมพูดขึ้นทันทีพร้อมทำท่าจะลุกอีกครั้งแต่โดนไอ้เรย์จับไหล่แล้วกดให้นั่ง
“เดี๋ยวเขาจะคิดว่าเพื่อนไม่สอนนั่งลงไอ้เวร” สุดท้ายผมก็จำยอมนั่งลงอย่างเลือกไม่ได้ เพราะไอ้เรย์ที่อยู่เยื่องๆกับผมมันเอาขาของมันตั้งบนขาผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“กินไหมคะอร่อยนะคะ” ตัวน่ารำคาญพูดขึ้นต่อ พร้อมกับจิ้มปูอัดมาทางผม
ป้อนรึไง เออก็น่าจะป้อนยื่นมาตรงหน้าผมขนาดนี้
“ไม่”
“หึ่ย ! เอาใจยากจริงพ่อคุณ” เธอบ่นขึ้นพร้อมกับกินปูอัดในมือก่อนจะหันมองหน้าผมอย่างหงุดหงิด
คนที่น่าหงุดหงิดน่าจะเป็นผมมากกว่ามีทั้งตัวน่ารำคาญและเพื่อนเหี้ยๆอีกสามตัว
“แดกเสร็จก็ลุก” ผมพูดขึ้นทันทีเพราะตอนนี้คือเวลาสวรรค์ที่ทุกคนกินเสร็จแล้ว
“พี่พายุอย่าเดินเร็วสิคะ หนูเดินไม่ทัน”
“อุ้ยย....โอ้ยยย”
ตึงงงงง
“เชี่ย ! น้อง” เสียงไอ้ติณณ์ดังขึ้นทำผมต้องหันไปมองคือตัวน่ารำคาญล้มไปกับพื้น
“เป็นอะไรมากไหมเนี่ย” ไอ้เรย์พูดขึ้นพร้อมกับเข้าไปพยุงตัวน่ารำคาญ
แต่ทำไมผมถึงดูขัดใจกับภาพตรงหน้าที่พวกมันกำลังช่วยพยุงตัวน่ารำคาญ
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูแค่เดินตามพี่พายุไม่ทันเลยสะดุดขาตัวเอง”
“โง่”