“ก็ผมไม่อยากเป็นพี่เป็นน้องกับคุณนี่...”
คำนี้พิมพิชญาส่ายหัวไปมา เพราะคิดว่าชายหนุ่มกำลังจะเปิดศึกกับเธออีกครั้ง
“ไม่อยากเป็นก็ไม่อยากเป็น...ใครสน”
“ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น แต่ผมอยากเป็นมากกว่านั้น”
ศิวะพูดขณะขับรถมองไปข้างหน้านิ่ง โดยไม่สนว่าหญิงสาวที่นั่งข้างจะตีความหมายคำพูดของเขาว่าอย่างไรเพราะคำว่า” อยากจะเป็นมากกว่าเป็นพี่เป็นน้อง” นั่นหมายความว่าอะไร แต่คำพูดนี้ มันได้ทำให้พิมพิชญานั่งเงียบเพราะไม่รู้ว่าเธอจะหาคำใดมาสนทนาต่อดี
.......................................................................................
รถเก๋งคันงามวิ่งเข้ามาหยุดนิ่งบนลานจอดสถาบันที่พิมพิชญาทำงานวิจัย ทำให้ชายหนุ่มและหญิงสาวรู้ว่าจะต้องแยกย้ายกันแล้ว
“ขอบคุณนะครับสำหรับวันนี้...”
“ขอบคุณทำไม? ...พิมพ์สิต้องขอบคุณ ที่คุณช่วยงานบริษัทมาทั้งวัน เอาละพิมพ์เข้าสถาบันก่อน ..อาจารย์หมอรอพิมพ์อยู่”
ศิวะมองตามพิมพิชญาเดินลงจากรถไป ด้วยสายตาที่ไม่เคยมองแล้วยิ้ม ก่อนที่เขาจะเคลื่อนรถออกจากบริเวณนั้นไป
.........................................................
พิมพิชญาเข้าไปในห้องปฏิบัติที่ใช้สัมภาษณ์ จึงเห็นอาจารย์หมอและปณิดานั่งอยู่ในห้อง
“หมอพิมพ์มาแล้วค่ะอาจารย์”
ผู้เป็นอาจารย์เงยหน้าจากแฟ้มก่อนจะรับไหว้ทีมงานผู้เพิ่งมาถึง...ก่อนกล่าว
“วันนี้เรามีเคสการมีเพศสัมพันธ์กันระหว่างพ่อกับลูกสาวแท้ๆ ที่มันได้เกิดขึ้นในสังคมของเราบ่อยครั้ง จึงขอให้หมอพิมพ์และหมอดาเก็บรายละเอีอดให้ครบถ้วนนะครั้งนี้”
“ค่ะอาจารย์”
ไฟในห้องสัมภาษณ์เปิดสว่างทำให้ทีมวิจัยมองเห็นผู้ชายอายุประมาณสี่สิบต้นๆ นั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงตำแหน่งเดียวกันกับเด็กสาวที่ชื่อแบมเคยนั่ง ก่อนอาจารย์หมอจะเริ่มถามผ่านไมค์
“ค่ะ...ก่อนอื่นก็ขอบคุณ..คุณไพโรจน์ที่ยินดีมาร่วมกับการวิจัยของเราครั้งนี้ด้วยนะคะ
“ครับ”
นายไพโรจน์รับคำทัก อาจารย์หมอจึงให้เขาเล่าประสบการณ์ ซึ้งมันคือจุดประสงค์ที่ทำให้เขามานั่งอยู่ณ.ที่ตรงนี้
“ตอนนั้นลูกสาวผมอายุประมาณสิบหกย่างสิบเจ็ด...น่าจะกำลังเรียนอยู่ประมาณชั้นมอห้า และเนื่องจากผมเป็นคนเจ้าชู้ ทำให้แม่ของเธอหนีจากผมไป โดยทิ้งให้ผมอยู่กับลูกสาว และจากความเจ้าชู้ของผมๆ จึงมักจะเอาผู้หญิงเข้ามานอนด้วยที่บ้าน จนกระทั่งวันหนึ่ง...ลูกสาวของผมได้ยินเสียงแปลก ๆ มาจากห้องรับแขก ที่เป็นเสียงคล้ายๆ เสียงผู้หญิงร้อง เหมือนได้รับความเจ็บปวด เธอจึงค่อยๆ ย่องลงบันไดมา ก่อนที่จะซ่อนตัวอยู่ที่ชานพักบันไดเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น “
..................................................................................
ภาพที่เด็กสาวเห็นทำให้เธอชาไปทั้งตัว เมื่อเห็นพ่อของตัวเองกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับหญิงสาวคนหนึ่ง โดยคนทั้งคู่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าบนโซฟา และภาพนั้นทำให้ผู้เป็นลูกสาวใจเต้นรัว ร่างกายแทบไม่มีแรงที่จะทรงตัว ร่างเล็กจึงทรุดลงนั่งที่ขั้นบันได ขณะตาเบิกโพลงจดจ่ออยู่กับบทสวาทที่เห็น
“เร็วค่ะฉันจะไม่ไหว...แล้ว...อูย์...”
ตอนนั้นเป็นตอนที่นายไพโรจน์พ่อของเด็กสาว ค่อยๆ ..ดันท่อนเนื้อเข้าไปในร่องกลีบของหญิงสาวที่บิดตัวเร่าด้วยความเสียว ไพโรจน์ชักท่อนเนื้อเข้าออก เริ่มจากช้าๆ แล้วค่อยๆ เร็วขึ้น และแรงขึ้นเลื่อยๆ เสียงหญิงสาวครางระงม จนทั้งภาพและเสียงทำให้ผู้ยังไม่มีประสบการณ์รัก..เสียวท้องน้อยเหมือนอยากจะปัสสาวะ เพราะเด็กสาวไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ทำให้เด็กสาวเข่าอ่อนแรงและรู้สึกถึงความชุ่มชื้น...ใจสั่น ก่อนที่มือเล็กจะค่อยๆ เลื่อนมาวางอยู่ตรงโนนเนื้อระหว่างขาอย่างไม่รู้ตัว
“อื่อ...อูย์....”
นิ้วค่อยๆ ขยับบนเนินเนื้อของตัวเองนอกกางเกงนอนที่ไร้ซึ่งกางเกงในกั้น จนความชุ่มชื้นที่ซึมออกมาบนเนื้อผ้า ขณะนิ้วของสาวน้อยขยับพลิ้วมากขึ้น ตามภาพที่มันได้ทวีความรุนแรง และเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ เพราะตอนนี้เอวของพ่อโยกกระแทกถี่ยิบ ขณะที่เอวของหญิงสาวก็ส่ายเร่าจากความเสียวกระสัน
“โอ้ยยย...อ่า...อูย์.....”
ร่างของทั้งสองคนเกร็งกระตุกอย่างรุนแรงก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ สงบนิ่งลง ในขณะที่ลูกสาววัยสิบหกยังนั่งมองภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเลื่อนลอยขณะปลายนิ้วยังขยับ เหนือร่องเนื้อที่เปียกชุ่ม
และเธอมารู้สึกตัวอีกทีเมื่อเห็นพ่อเงยหน้าหันทิศทางที่เธอนั่งแอบอยู่ เด็กสาวจึงรีบลุกขึ้นวิ่งกลับเข้าไปในห้องอย่าง รวดเร็ว แต่ความเคลื่อนไหวของเธอก็ไม่สามารถรอดพ้นจากสายตาของไพโรจน์ผู้เป็นพ่อไปได้
หลังจากวันนั้นภาพที่เกิดขึ้นมันก็ติดอยู่ในความคิดและจินตนาการของเด็กสาวแทบตลอดเวลา และเธอไม่สามารถสลัดภาพในคืนนั้นให้หลุดจากสมองได้ และทุกครั้งมันก็จบลงด้วยการใช้นิ้วช่วยปลดปล่อยความอัดอั้น
และแล้ว..คืนหนึ่งคุณไพโรจน์กลับมาจากงานเลี้ยง เขามีอาการเมาเล็กน้อย ขณะที่จะเดินกลับห้องไพโรจน์ก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง? ที่ทำให้เขาต้องหยุดเงี่ยหูฟัง
"อูยย์ แรงๆ ซิคะ เอาไอ้นั่นกระแทกของฉันแรงๆ ฉันจะถึงอยู่แล้ว อูยยว์.....โอยวว์ แรงๆ ค่ะรูของเราแฉะหมดแล้ว โอววว์ อูยยสสส์"
เสียงที่ได้ยินก็ทำให้ไพโรจน์รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที โดยเขาคิดว่าต้องมีผู้ชายกำลังทำมิดีมิร้ายกับลูกสาวอยู่ในห้องอย่างแน่นอน แต่ขณะที่เตรียมจะผลักประตูเข้าไป ผู้เป็นพ่อเห็นประตูห้องแง้มอยู่ เขาชะงักก่อนตัดสินใจค่อยๆ แนบสายตากับรอยแง้มของประตู และภาพที่เห็นทำให้คุณไพโรจน์ต้องแปลกใจระคนกับความตื่นเต้น
เพราะที่เห็นคือ...ภาพลูกสาวของเขา นอนอยู่บนเตียงโดยนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว บนมือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์แนบอยู่ที่หู ขณะมืออีกข้างป้วนเปี้ยนอยู่ระหว่างขา สะโพกของผู้เป็นลูกส่ายไหว ขณะนิ้วมือขยับเป็นจังหวะ
เด็กสาวไม่รู้ว่าพ่อแอบมองเพราะเธอหลับตาพริ้มกรอกเสียงที่สั่นระรัวลงไปในไมค์โทรศัพท์
"อูยย์ แรงๆ ค่ะ ระ...เราจะ ถึงแล้ว อูยยสสส์ เอาไอ้นั่นกระแทกรู...แรงๆ ซิคะ อูยย์ โอวว์......."
ไพโรจน์ยืนตัวแข็งเหมือนถูกสตาร์ฟ ตาของเขาจ้องอยู่ที่ภาพวาบหวิวและเร่าร้อนของลูกสาว แบบไม่กระพริบ หัวใจสั่นระทึก แต่ในขณะเดียวกันก็โล่งใจที่ไม่เห็นผู้ชายอยู่ในห้องของลูกสาวก่อนจะเดินจากไปเพราะมันเป็นแค่เซ็กโพน...ที่หลายๆ คนชอบเล่น
หลังจากนั้นขณะที่ไพโรจน์มีอะไรกับคู่ขา เขากับจินตนาการว่ากำลังร่วมรักกับผู้เป็นลูกสาวของเขาเอง และภาพลูกสาวที่กำลังช่วยตัวเองอย่างเร่าร้อน มันก็ติดตราตรึงอยู่ในสมองของเขาอย่างไม่ลืมเลือน
เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ไพโรจน์อยู่ติดบ้านในวันหยุด เขารู้สึกเบื่อๆ จึงชวนลูกไปว่ายน้ำที่สปอร์ตคลับแห่งหนึ่ง ลูกสาวตกลงทันทีเพราะไม่มีอะไรทำเช่นกัน เมื่อสองพ่อลูกไปถึงสระตอนนั้นมีคนว่ายน้ำอยู่ สองถึงสามคน ลูกสาวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็มาลงสระ ขณะไพโรจน์เปลี่ยนเสร็จก็มานั่งจิบกาแฟที่เก้าอี้ริมสระ
เนินเนื้อเป็นโคกนูนสวยงาม ไพโรจน์มองทุกครั้งที่ลูกสาวขึ้นจากสระแล้วไปกระโดดสปริงบอร์ด และภาพนั้นมันทำให้ท่อนเนื้อของเขาโป่งพองขึ้นมาโดยอัตโนมัติทุกครั้งที่เห็น
“พ่อค่ะ...หนูเป็นตะคริว...ช่วยด้วยค่ะ”
เสียงนั้นทำให้ไพโรจน์รีบโผลงสระเข้าไปประคองลูกสาว และตรงที่ลูกสาวเป็นตะคริวมันเป็นบริเวณที่ค่อนข้างลึก และระหว่างชุลมุนมือของไพโรจน์ก็เปะปะไปตะปบเข้าเนินเนื้อกลางขาของลูกสาวอย่างไม่ตั้งใจ แต่ผู้เป็นพ่อก็รู้สึกได้ถึงความอวบอิ่มและร่องกลีบแนวยาวที่ปิดสนิท
“อยู่เฉยๆ ..นะลูก”
ไพโรจน์ว่ายน้ำประคองลูกสาวมาที่ริมสระ ความอวบของลูกสาวทำให้ใจเขาเต้นแรง ท่อนเนื้อตื่นตัวขณะเริ่มบิบเค้นบริเวณที่ลูกสาวเป็นตะคริว
“.......”
เด็กสาวก้มหน้านิ่งเพราะรู้ว่ามือพ่อจับแล้วบีบเน้นไปตามตัวเธอเหมือนตั้งใจทำอย่างอื่นเกินกว่าการปฐมพยาบาล
"เป็นยังไงลูก ตะคริวเป็นตรงไหนอีก"
ไพโรจน์พูดทำลายบรรยากาศอันอึดอัด
"น่องกับต้นขาค่ะพ่อ"
"มาเดียวพ่อนวดให้"
ขณะนั้นทั้งสองคนยืนอยู่ในสระที่มีน้ำอยู่แค่เอว และดูเหมือนว่าคนอื่นๆ ที่เหลืออยู่เพียงนิดในตอนมาครั้งแรก จะกลับกันหมดแล้ว ทั้งสระจึงเหลือเพียงพ่อกับลูกสาวแค่สองคน
“คนไปไหนหมดแล้วนี่...แต่ไม่เป็นไรลูกยืนพิงขอบสระไว้นะ”
ไพโรจน์ให้ลูกสาวยืนหันหลังพิงขอบสระ ก่อนจับขาซ้ายเธอยกขึ้นแค่เอวแล้วเริ่มนวดตั้งแต่น่องขึ้นมาเรื่อยๆ ขณะเด็กสาวเอาหัวพาดขอบสระ หลับตาพริ้ม เพราะความเจ็บเริ่มลดลงกลายเป็นความสบาย ในขณะ มือของผู้เป็นพ่อบีบนวดลึกขึ้นไปจนถึงต้นขา เด็กสาวรู้สึกตัวเบาหวิวเมื่อมือของพ่อเธอมาบีบคลึงอยู่ใกล้ๆ โคนขาหนีบ และบางครั้งมือของพ่อก็มาโดนเนินเนื้อของเธอเหมือนไม่ตั้งใจ แต่มันกับทำให้ผู้เป็นลูกวาบหวิวอย่างบอกไม่ถูก
“เป็นไงหายยัง”
มือของพ่อเคล้นคลึงอยู่บริเวณโคนขาหนีบนานเป็นพิเศษ ในขณะถาม
“ยังค่ะ...”
เด็กสาวตอบไปเพราะอยากให้พ่อนวดตรงนั้นนานๆ และไพโรจน์ก็สุดจะห้ามใจไว้ได้อีก เขาจึงใช้มือค่อยๆ เคลื่อนเข้าไปทาบบนเนินระเนื้อหว่างขาของลูกสาว
“อุย...พ่อ”
ร่างเล็กสะดุ้งใจสั่น แต่ก็ไม่ดิ้นรนขัดขืน แถมหลับตาพริ้ม ขณะนิ้วของพ่อเคลื่อนไหวพลิ้วอยู่บนเนินเนื้อและบางครั้งก็ชอนไชเข้าไป ในร่องกลีบ แม้ว่าจะนอกชุดว่ายน้ำแต่ก็ทำให้เด็กสาวสั่นสะท้านจากอารมณ์ที่บอกไม่ถูก จนเด็กสาวหายใจหนักๆ และปล่อย เสียงครางเบา ในลำคอให้เล็ดลอดออกมา
"อูยยสสส์ พ่อ จะทะ..ทำอะไรหนู..อูววว์"
ผู้เป็นพ่อไม่ตอบแต่นิ้วมือของเขาแทรกขอบชุดว่ายน้ำของลูกสาวแล้วชอนไชนิ้วเข้าไปข้างใน
บัดนี้ทั้งคู่ลืมความรู้สึกผิดชอบชั่วดี จะเหลือก็เพียง ตัณหาและราคะที่เกาะกินใจจนไม่อาจจะหักห้ามใจไว้ได้ กางเกงว่ายน้ำของไพโรจน์จึงถูกเขาดึงรั้งลงไปไว้ที่ขา ก่อนท่อนเนื้อขนาดใหญ่จะเป็นอิสระ
"อูยยสส์ พ่อจะทำอะไรหนู"
เด็กสาวใจวาบเหมือนถูกกระแสไฟฟ้า เมื่อรู้ว่ามีอะไรมาดันกลางเป้าใน ขณะไพโรจน์กระซิบข้าง หูของผู้ป็นลูก
“พ่อจะทำแบบที่ลูกเคยแอบดูที่บ้าน...”
"ทะ..ทำ ทำ แบบที่พ่อทำกับผู้หญิงคนนั้นที่บ้าน...?? "
เด็กสาวพูดเบาใบหน้าแดงด้วยความกระดาก ขณะไพโรจน์ค่อยๆ ขยับตัวเข้าไปแนบกับตัวลูกสาว ก่อนใช้มือดึงขอบกางเกงว่ายน้ำของลูกสาวออกไปด้านข้าง แล้วค่อยๆ จ่อส่วนที่ตั้งชันดันเข้าไปบนร่องกลีบของลูกสาวตัวเอง
“พ่อ...อูยยยย์”
ในใต้น้ำนั้น..หนุ่มใหญ่ค่อยๆ ดันตัวของเขาเข้าไปในตัวของลูกสาวทีละนิด จนส่วนหัวของมันผลุบเข้าไป
“พ่อ...หนูเจ็บ...อื่ออ....”
และจากอารมณ์ที่ไม่มีการแยกแยะความถูกผิดและชั่วดี เพราะว่าตอนนี้ อารมณ์ของพ่อกับลูกสาวกำลังพลุ่งพล่านไปด้วยไฟแห่งราคะ มันจึงทำให้พ่อและลูก สมสู่กันเยี่ยงสัตว์เดียรัจฉาน ที่ไร้ซึ่งศีลธรรม...
...........................................................................
“หลังจากวันนั้น เป็นต้นมา ผมกับลูกสาวก็ลอบมีความสัมพันธ์ทางเพศกันมาตลอด...”
ไพโรจน์เล่ากล่าวเรื่องราวตั้งแต่จุดเริ่มต้น ที่มันแสดงให้เห็นว่า เรื่องนี้มันเกิดจากเหตุการณ์ประกอบกันหลายอย่างก่อนที่พ่อกับลูกจะทำสิ่งที่ไม่มีศีลธรรมให้เกิดขึ้น
“ค่ะ...แล้วคุณไพโรจน์คิดว่าจะหยุดเรื่องนี้ได้ไหม? ค่ะ”
วณิดาหนึ่งในทีมตั้งคำถามขณะที่ไพโรจน์ตอบทันที
“นี่แหละครับคือปัญหา เพราะ...ผมหยุดไม่ได้ผมจึงมาที่นี่เพื่อบำบัดจิตไงครับ”
“เอาละ..วันนี้พอแค่นี้.นะคะ”
ไฟในห้องสัมภาษณ์รี่ลงจนห้องมืดสนิท ก่อนผู้เป็นอาจารย์จะหันมาสั่งลูกศิษย์
“เคสนี้ให้หมอพิมพ์นัดคุณไพโรจน์มาพบพรุ่งนี้นะ แล้วก็คุยเก็บข้อมูลและรายละเอียดเชิงลึกเอาไว้ให้ครบ”
“ค่ะอาจารย์หมอ”
…………………………………………
รถของวิศวกรหนุ่มวิ่งเข้าไปจอดในโรงเก็บรถภายในบ้านที่เขาเข้ามาอยู่ได้ไม่นาน ก่อนศิวะจะเอื้อมไปเก็บของที่จะเอาลงที่เบาะหลัง แต่สายตาของเขาเหลือบไปพบของบางอย่างวางอยู่บนเบาะที่พิมพิชญานั่ง
“พิมพ์...ลืมโทรศัพท์นี่หว่า...”
ศิวะรีบโทรหาหมอวณิดาทันที..
“สวัสดีค่ะ......"
"ผมศิวะนะครับ คุณพิมพ์อยู่กับหมอวณิดาไหมครับ ผมขอสายหน่อยครับ...">”
” ได้ค่ะ....”
วณิดาเอามือปิดไมค์เอาไว้ก่อนพูดแล้วยิ้มให้เพื่อนรัก...
“ร้ายกาจมากนะแก...เอ้านี่แฟนแกโทรมา”
พิมพิชาญาคิดว่าเป็นหมอเดชาที่เธอกำลังคบหาอยู่ จึงรับโทรศัพท์ด้วยใบหน้านิ่งเฉย...ขณะคิดว่าทำไม? หมอเดชาไม่โทรเข้าเครื่องเธอ...
“สวัสดีค่ะหมอเดชา...ทำไม? ไม่โทรเข้าเครื่องพิมพ์คะ”
“อย่าผิดหวังนะ ผมศิวะ...และโทรศัพท์คุณก็ลืมอยู่บนรถผม...แล้วใครจะโทรหาคุณได้”
พอรู้ว่าเป็นศิวะหญิงสาวยิ้ม ขณะเพื่อนสาวทำหน้าล้อเลียนอยู่ข้างๆ
“คุณศิวะเองเหรอ....พิมพ์พึ่งรู้นะว่าลืมโทรศัพท์”
“’ งั้นเดียวผมเอาไปไว้ในห้องของพิมพ์นะครับ กลับมาถึงบ้านดึกๆ จะได้ใช้”
“ค่ะขอบคุณนะคะ...”
“ไม่เป็นไรครับ..แล้วอย่าลืมโยนลูกบาสมาใส่ผมนะครับ”
ศิวะพูดจบก็วางสาย แต่ประโยคสุดท้ายของชายหนุ่มมันทำให้หมอสาวงง จนอดถามเพื่อนไม่ได้
“เออ...คุณศิวะบอกว่าให้โยนลูกบาศใส่เขา...โยนใส่ทำไหม? วะดา”
“ยัยหมอโง่...ก็พี่ศิวะเขาเป็นห่วงนะสิ...ฮ่าๆๆๆ”
............ติดตามต่อนะครับ......
งานวิจัยเป็นเรื่องราวที่ เป็นส่วนสำคัญของเรื่องนะครับ..ดังนั้นจดจำเรื่องราวการวิจัยไว้ด้วยนะครับ..และเรื่องราวระหว่างศิวะกับพิมพิชญาตอนหน้าจะทำให้ทุกคนที่ติดตามอ่านนิยายเรื่องนี้คาดไม่ถึงเลยนะครับ
...กระซิบแผ่ว..