ตกหลุมอากาศ

2094 คำ
            ท่าอากาศยานเกาลูน เกาะฮ่องกง             ชั้นโดยสารเฟิร์สคลาสของสายการบินห้าดาวสัญชาติตะวันออกกลาง รอเวลาทะยานจากรันเวย์สู่ปลายทางกรุงเทพฯ  ชายหนุ่มร่างสูงสวมแว่นสายตากรอบสี่เหลี่ยม แต่งตัวสบาย ๆ ในการเดินทางกลับดินแดนมาตุภูมิหลังจากแวะทำธุระที่ฮ่องกง เขาแจกรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรทักทายตามประสาคนมนุษย์สัมพันธ์ดีกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินตลอดทาง  เดินตรงไปยังที่นั่งที่จองไว้ริมหน้าต่าง  เมื่อเครื่องบินเทคออฟจนได้ระดับแล้วจึงเริ่มการเสิร์ฟอาหารตามลำดับ              “ขอแชมเปญครับ”   เขาสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงระดับเจ้าของภาษา             “ได้ค่ะ คุณผู้ชาย”  สาวหน้าแขกรับคำ             การเดินทางหลังจากนี้ใช้เวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงกลางอากาศ  ชั้นเฟิร์สคลาสมีผู้โดยสารเบาบางตา  บรรยากาศรอบตัวสงบเงียบเป็นส่วนตัว ชายหนุ่มสวมหูฟัง ปรับที่นั่งเอนหลัง ทอดอารมณ์ผ่อนคลายกับทิวทัศน์ภูมิประเทศด้วยมุมมองจากท้องฟ้า สลับกับสิ่งบันเทิงต่าง ๆ จากจอส่วนตัว  สายตาขี้เล่นซุกซนไม่อยู่นิ่งลอดเลนส์ใสคอยเหล่สาวพนักงานต้อนรับฯ ที่เดินปฏิบัติหน้าที่ไปมาอยู่ตลอดเวลา                พ่อของเขาสมัยยังหนุ่มได้รับฉายาว่า เสือร้ายหน้าหล่อ ขึ้นชื่อเรื่องเสน่ห์ดึงดูดขั้นเทพต่อเพศตรงข้าม มันคงเป็นพันธุกรรมที่ถ่ายทอดจากพ่อสู่ลูก  เรื่องธรรมดาของหนุ่มโสด เจ้าเสน่ห์มักจะหวงแหนความโสดยิ่งกว่าเงินบัญชีเสียอีก  เขาเซย์กู๊ดบายบรรดาสาว ๆ ในคลังที่รู้จักกันระหว่างเรียนมหาวิทยาลัยทั้งไม่คิดจะสานสัมพันธ์กับใครต่ออีกด้วย              ถ้าไม่เจอคนที่ใช่...จะยอมเป็นโสดต่อไป!             สายตาหลุกหลิกก็ไปหยุดมองที่แอร์โฮสเตสคนหนึ่งในจังหวะกำลังปฏิบัติหน้าที่ยิ้มให้ผู้โดยสารอีกคนแล้วหันมาสบตากันพอดิบพอดี   ยิ้มหวานจากใบหน้าสวยชวนให้เขาเผลอยิ้มรับอย่างไม่รู้ตัวและยักคิ้วหลิ่วตาเป็นของแถม  เธอยังคงแจกความสดใสตอบรับอย่างไม่ขัดเขิน ทว่าใบหน้ากลับร้อนวูบวาบหัวใจเต้นแรงระรัว  หรือต่างฝ่ายต่างเกิดความประทับใจแรกพบซึ่งกันและกัน              อยากรู้จักเธอจัง.....แค่คิดในใจ                  “ว่าไงนะ นาร่า เธอยื่นใบลาออกแล้วเหรอ”                 “ใช่จ๊ะ ฉันได้งานใหม่เรียบร้อยแล้ว บินกับเครื่องบินส่วนตัว ฉันจะกลับไปดูแลพ่อแม่ ท่านก็อายุมากแล้วด้วย คิดถึงบ้าน”                 “เห้อ! จะว่าไปฉันเสร็จไฟท์นี้ฉันลาพักร้อนกลับไปหาครอบครัวบ้างดีกว่านะ  จริงสิ! ฉันพอเข้าใจเธอนะ ว่าทำไมเธอถึงไม่อยากบินไปอเมริกากับยุโรปตะวันออก เธอโอเคมั้ยนาร่า”                 สองสาวเพื่อนซี้ที่นานทีปีหนจะมีตารางทำงานร่วมกัน กำลังคุยกันตามประสาสาว ๆ ในแกลลี่ (Galley) ระหว่างผู้โดยสารกำลังพักผ่อน ‘นาร่า’  คือชื่อที่เพื่อนร่วมงานต่างชาติเรียก ชื่อจริงคือ ‘ลักษณ์นารา ธรรมรักษ์วงศ์’ สาวไทยบุคลิกมาดมั่นในชุดเครื่องแบบสายการบิน เรียวปากสีแดงสด รอยยิ้มสวยประทับใจ                 ภายใต้เหตุผลความจำเป็นบางอย่างในอดีตของเธอ  ความรักเปรียบเสมือนน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจกลายเป็นยาพิษคร่าชีวิตได้เช่นกัน                   หนึ่งในเหตุผลการตัดสินเดินทางกลับสู่บ้านเกิดครั้งนี้ก็เพื่อเยียวยาจิตใจอันชอกช้ำไปในตัว                   สัญญาณเรียกจากผู้โดยสารคนหนึ่งจากที่นั่งริมหน้าต่าง ลักษณ์นาราหยุดหัวข้อพูดคุยชั่วคราวแล้วออกไปปฏิบัติหน้าที่                  ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปาก ดวงตาฉายแววประกาย ช่างบังเอิญหญิงสาวคนที่เขาหมายตาเมื่อครู่ใกล้เข้ามา                 ว่าจะขอไวท์ขาว...ไม่เอาแล้ว อู้หู! ขาวจริง ๆ ด้วย                 “มีอะไรให้ช่วยมั้ยคะ คุณผู้ชาย”  ลักษณ์นาราย่อตัวลงอย่างสุภาพสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ แต่ผู้โดยสารกลับนั่งนิ่งเงียบ ไม่ตอบสิ่งใดจนผิดปกติ                   “มีอะไรให้ช่วยมั้ยคะ”  หล่อนย้ำคำถามอีกรอบยังคงยิ้มกว้างเต็มใจ                  ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก                 ชายหนุ่มยังคงนิ่งเฉย ไม่ละสายตาจากใบหน้าชวนหลงใหล สักพักเขาเริ่มส่ายหน้า โบกไม้โบกมือกลางอากาศเป็นภาษาใบ้ทำนองว่า   ‘ผมพูดภาษาอังกฤษไม่ได้นะครับ’                 สาวพยักหน้าแล้วสื่อสารต่อด้วยภาษาจีนแมนดารินอย่างคล่องแคล่ว  ฝ่ายชายเลิกคิ้วหนาเข้มแล้วรัวภาษาจีนที่ไม่แน่ใจว่าเป็นสำเนียงกวางตุ้งหรือแต้จิ๋วแทน ถึงคราวลักษณ์นาราเป็นฝ่ายไม่เข้าใจร่วมด้วย                 หลังจากพยายามสื่อสารอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ผู้โดยสารชี้สเต็กเนื้อชิ้นโตแล้วทำภาษามือ รบกวนเธอช่วยตัดมันเป็นชิ้นเล็ก ๆ ให้หน่อยเพราะมือเจ็บ?  ลักษณ์นาราทำตามคำร้องขออย่างไร้ข้อกังขาใด ๆ หลายครั้งที่เจอผู้โดยสารร้องขออะไรแปลก ๆ บนเครื่องบินประจำ                   โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงกำเริบฉับพลันหรือไง                 อันที่จริงแล้ว...อาหารตรงหน้าไม่มีปัญหาอะไร  มือไม้ยังใช้การได้ปกติ ก็แค่อยากใช้โอกาสมองในระยะประชิดแบบนี้  เขาลอบสังเกตป้ายชื่อ NARA มีสัญลักษณ์ธงชาติไทยกำกับ  กลิ่นน้ำหอมช่างหอมสดชื่นฟุ้งกระจายอ่อน ๆ รอบกายเธอ เรือนผมสีดำขลับมัดรวบเป็นมวยไว้ด้านหลัง ผิวพรรณเนียนใสเกลี้ยงเกลาบนเรียวหน้าชวนประทับใจเมื่อแรกพบ รอยยิ้มกว้างริมฝีปากสีแดงสด  สาวคนนี้งดงามโดดเด่นอย่างมีเอกลักษณ์  บริการได้ดีเยี่ยมสมกับมาตรฐานสายการบินระดับโลก                 ชายหนุ่มก้มหัวยิ้มกว้างแทนคำขอบคุณเมื่อได้สิ่งที่ต้องการ จะหาข้ออ้างอะไรอีกดีเที่ยวบินนี้สั้นมากหรือนิ่งๆ เอาไว้ก่อนแล้วกัน                 รู้งี้...น่าขอให้ช่วยป้อนด้วยดีกว่า                   ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ                 สมาชิกครอบครัวประทานชัย หน้าชื่นตาบานจ้องประตูผู้โดยสารขอเข้าประเทศอย่างใจจดใจจ่อหญิงสาววัยรุ่นสถานะเฟรชชี่ ในเครื่องแบบนิสิตมหาวิทยาลัยชื่อดังเสื้อขาว กระโปรงพลีทยาว รองเท้าหนังสีขาว  ยืนย้ำเท้าอยู่กับที่ หมุนตัวซ้ายขวา ขาแข้งสั่นหัวใจเต้นระรัว                 “ช้าจัง เครื่องก็ลงแล้วนี้นา เฮียยังไม่มาสักที”                 “เขารอกระเป๋าอยู่มั้ง จะช้าจะเร็วเดี๋ยวก็มาเองแหละ จะบ่นทำไมล่ะ ยัยมิกิ”                 การเฝ้ารอสิ้นสุดลงเมื่อชายหนุ่มร่างสูง ใบหน้าสำเนาถูกต้องกับผู้ให้กำเนิด  เข็นรถเข็นที่มีกระเป๋าใบใหญ่หลายใบปรากฏให้เห็นไกล ๆ หลังจากห่างครอบครัวไปศึกษาต่อต่างประเทศหลายปี  ‘พลพยัคฆ์ ประทานชัย’ กลับมาพร้อมสถานะทายาทนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง                  “เฮีย!!!”    น้องสาวสุดที่รักตะโกนเรียกเสียงหลง  มณีรตาดีใจอย่างที่สุดรีบวิ่งตรงเข้าไป กระโจนกอดพี่ชายทันที                    “คิดถึงเฮียจัง เฮียไม่อยู่โคตรจะเหงาเลย วันนี้มาเป็นไอ้แว่นเด๋อเชียวนะ”                 “เฮียก็คิดถึงมิกินะ  แกล้งใครก็ไม่สนุกเท่าแกล้งมิกิเลย”                 “จากนิวยอกซ์มาแวะไหว้พระที่ฮ่องกง เป็นไงบ้าง สบายใจขึ้นยัง”  เอื้อมพัฒน์  ประทานชัย ตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารประทานชัย กรุ๊ป (มหาชน) จำกัด สวมกอดบุตรชายคนโตแน่น                 “ก็ดีครับป๊า ไหว้พระขอพรอะไรนิดหน่อย มาม้าครับ!! คิดถึงมาม้าจัง หอมทีสิ!”                   เขาโผเข้ากอดมารดาที่รักทันที แม้จะอายุยี่สิบสี่ปีโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแต่ก็ยังเป็นลูกชายจอมขี้อ้อนคนเดิมไม่เปลี่ยน  คุณแม่ยังสาวก็หอมลูกคนโตบ้าง                  การกลับมาของพลพยัคฆ์หลังสำเร็จการศึกษาครั้งนี้ก็เพื่อสานต่อกิจการของตระกูล  นอกจากอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักแล้ว ประทานชัย กรุ๊ปยังเดินหน้าเข้าร่วมทุนกับธุรกิจอื่น ๆ อยู่ตลอดเวลา ยังไม่รวมธุรกิจยิบย่อยมากมายที่เปิดตัวแล้ว และกำลังจะเปิดตัวในไม่ช้า...                 เรียกได้ว่าทุกวินาทีเม็ดเงินจะขยับหลักเจ็ดหลักแปดอยู่ตลอดเวลา ภาษาบ้าน ๆ อาจเรียกได้ว่านั่งนับเงินจนนิ้วล็อก จนเอ็นข้อมืออักเสบกันไปข้างหนึ่งเลย                 มณีรตานั่งส่งเสียงเจื้อยแจ้วเล่าถึงชีวิตเฟรชชี่ในรั้วมหาวิทยาลัยชื่อดังให้พี่ชายฟังด้วยความภาคภูมิใจ น้องสาวตัวแสบจัดเป็นนักเรียนผลการเรียนดีเด่น แต่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับครูฝ่ายปกครอง เพราะเธอเป็นหัวโจกพาเพื่อนโดดเรียนประจำ                ระหว่างนั้นพลพยัคฆ์ย้อนนึกถึงเหตุการณ์ ๆ หนึ่งขณะอยู่ในวัดที่ฮ่องกง                 ชายชรารุ่นคราวปู่ทวด แกสวมเสื้อคอจีนกับกางเกงขาก๊วย ผิวหนังเหี่ยวย่นเป็นร่องบนหน้าซูบแก้มตอบ เบ้าตาลึกโบ๋ ค้ำยันร่างผอมแห้งด้วยไม้เท้าตรงเข้ามาแล้วพูดด้วยสำเนียงจีนกวางตุ้ง                 ‘...ไอ้หนุ่มเอ๊ย...อั๊วรู้นะ...รู้ว่าลื้อ...เกิดปีเสือใช่มั้ย...อั๊วบอกอะไรให้...อั๊วเห็นนะ...เห็นอนาคตของลื้อไง....ไอหย่า!! ปีนี้ลื้อจะโชคดีนะ ทั้งเงินทอง การงาน ความรัก....อืม! จริงสิจะเจอเนื้อคู่ด้วยนะ จะมีอุปสรรคบ้างแต่ลื้อจะผ่านไปได้นะ เชื่ออั๊วสิ เตรียมรับโชคให้ดีล่ะ ฮ่าๆ’                   ตาแป๊ะแปลกหน้าหัวเราะร่วนเสียงแหบแห้งด้วยช่องปากที่มีเพียงแนวเหงือกสีชมพูซีดไม่มีฟันสักซี่  แกยัดของบางสิ่งใส่กระเป๋าเสื้อคลุมของชายหนุ่มอย่างรวดเร็วแล้วแบฝ่ามือเหลืองซีดสั่นเทาเพื่อขอค่าตอบแทนตามลำดับ                 พลพยัคฆ์เข้าใจในสิ่งที่ชายแก่พยายามสื่อสารพลางล้วงแบงก์ดอลล่าห์ฮ่องกงส่งให้หนึ่งใบ อีกฝ่ายจ้ำอ้าวขากระเผลกจากไปทันที ช่างน่าทึ่งจริง ๆ ชายแก่คนนั้นคือหมอดูเทวดาในตำนานหรือไงถึงรู้ได้ว่าเขาเกิดปีนักษัตรขาล นับว่าเป็นวาสนา เมื่อได้พบกับเซียนตาทิพย์เดินดิน...เหรอ?                 อ๋อใช่สิ!..ก็ยืนพนมมือเบื้องหน้ารูปสักการะเทพเจ้าประจำปีขาลอยู่ไง                 ถ้าเกิดปีกระต่ายจะมาไหว้ให้เสืองับหัวทำแป๊ะอะไรล่ะ!                 เมื่อวิเคราะห์แล้วคำทำนายก็เป็นเพียงคำบอกกล่าวกว้าง ๆ เหมือนเหวี่ยงแหในทะเลแล้วอาจจะได้กุ้ง หอย ปู ปลาติดขึ้นมาบ้าง การดูดวงหรือพยากรณ์ชีวิตทุกคนหวังให้มีแต่เรื่องดี ๆ กับตนเอง ทั้งนี้...หมอดูก็แค่พูดเรื่องดี ๆ ปลอบประโลมใจไปก็เท่านั้น  ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจเบา ๆ เลิกคิ้วอย่างฉงนสงสัย ยิ้มเจื่อนมุมปาก  ลอบจู่โจมแบบสายฟ้าฟาดไม่เปิดโอกาสให้คิดก่อนเลย                 มาเฟียฮ่องกงตัวจริงเสียงจริง                 พลพยัคฆ์ล้วงกระเป๋าหาวัตถุลึกลับจากชายลึกลับขึ้นมาดู เขาพบว่ามันคือห่วงหยกสีเขียวมีริ้วลายสีขาวแทรกอยู่วงไม่ใหญ่นักมีด้ายสีแดงกระจุกหนึ่งมัดติดเป็นเส้นยาวอยู่ด้วย จะว่าเป็นแหวนก็ดูเล็กจนเกินไป แม้จะสวมเข้ากับนิ้วก้อยของเขาได้ก็ตาม  มันเหมาะเป็นจี้ห้อยคอมากกว่าหรือ...อะไรก็ตามแต่                  ทายาทหนุ่มหยุดการไตร่ตรองทุกอย่างฉับพลัน ทันทีที่นึกได้ว่าเขาทิ้งอะไรบางอย่างไว้บนเครื่องบิน จึงรีบหยิบโทรศัพท์ยี่ห้อดังขึ้นมาเช็คทันที....                 ว่างเปล่า...                 ก่อนลงเครื่องบินผู้โดยสารหนุ่มขยับแว่นสายตา พยายามชะเง้อมองหาแอร์ฯ สาวคนเดิมแล้วส่งภาษามือกลางอากาศอีกรอบขยุกขยิกเหมือนกำลังเขียนอะไรบางอย่าง  ลักษณ์นารายิ้มรับโค้งรับกล่าวขอบคุณเป็นภาษาจีนแมนดาริน  เป็นเรื่องปกติที่ผู้โดยสารมักจะเขียนโน้ตชื่นชมวางไว้ให้เมื่อมีความประทับใจในการบริการ  หญิงสาวตรงไปยังที่นั่งริมหน้าต่าง มองเห็นกระดาษแผ่นนั้นได้ถนัดตามันมีใจความว่า                 ‘นาร่า.....ขอบคุณมากนะครับ  ผมชื่อ อเล็กซ์ ผมเป็นคนไทยนะครับ                                 IG alex.ponprayak   090-888-8888                 Thank you so much. My name’s ALEX .I’m Thai…!!!                 ****.  **************!’                 ข้อความนี้ถูกเขียนด้วยลายมือเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาจีนและภาษาไทยในแผ่นเดียวกัน                   ลักษณ์นาราเบิกตาโพล่ง ยิ้มเจื่อนมือสั่นระริก หัวเราะเก้อเบา ๆ เพียงลำพัง  นอกจากจะอาภัพอับโชคเรื่อง ความรักแล้ว โชคชะตายังพัดพาให้เธอมาเจอผู้โดยสารพิลึก ๆ กับวิธีขายขนมจีบสุดพิสดาลอีกต่างหาก  กลับมาเมืองไทยเดือนหน้าเห็นทีต้องเดินสายทำบุญสะเดาะเคราะห์ครั้งใหญ่แล้วสิ                    “ค่ะดิฉันจะจำไว้ค่ะ”  สุ้มเสียงหวาน ๆ จากคนหน้าสวย                 “จำไว้เลยนะคะ...คุณอเล็กซ์  ฮึม!”   
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม