ฉันพยายามเรียกสติของตัวเองกลับมา เพราะกลัวว่าจะถูกพ่อสงสัยหากร้องไห้จนตาบวม
หลังจากที่ล้างหน้าล้างตาอะไรเรียบร้อยแล้วฉันก็ออกมาข้างนอกเพื่อสูดอากาศ สมองจะได้โล่งๆ ฉันเครียดมาจะครึ่งวันแล้ว จะปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนี้ไม่ได้
“พ่อ กะ กลับมาแล้วหรอคะ” เดินออกมาไม่ทันไม่ต้องจัว พอเห็นพ่อขึ้นบ้านมาฉันจึบทำตัวไม่ถูก
“เอ้อๆ วันนี้งานเสร็จเร็ว” พ่อเดินมานั่งที่โซฟา ฉันจึงรีบไปเอาน้ำมาให้
“แล้วนี่อลันมันจะกลับมาบ้านเมื่อไหร่ ไอ้ลูกคนนี้พ่อโทรไปก็ไม่ยอมรับสาย”
“คงปิดเทอมนั่นแหละพ่อ”
“ให้มันได้แบบนี้สิ ไม่คิดถึงพ่อกับพี่สาวบ้างเลยหรือไง”
ฉันเอาแก้วน้ำวางไว้ให้พ่อ จากนั้นก็นั่งลง ใจมันเต้นรัวๆ เมื่อคิดว่าจะถามเรื่องท้อง แค่เห็นหน้าพ่อปากฉันมันก็ไม่กล้าขยับแล้ว
“แล้วนี่หายป่วยหรือยัง พ่อบอกจะพาไปโรงพยาบาลก็ไม่ยอมไป”
“หะ หายแล้วค่ะ”
“หายแล้วรึ แต่หน้าลูกยังซีดอยู่เลยนะ” พ่อมองหน้าฉันอย่างเป็นห่วง “เดี๋ยวพ่อโทรให้หมอมาตรวจที่บ้านดีไหมถ้าลูกไม่อยากนั่งรถไป”
“พ่อคะ หนูโอเคแล้วค่ะสบายมาก ^_^”
“ได้ยินแบบนี้พ่อก็ค่อยหายหวงขึ้นมาหน่อย”
“พะ พ่อคะ คือว่า อลิชอยากจะถามอะไรพ่อสักอย่าง”
“ว่ามาสิ ถามอะไรลูก”
ฉันค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ มือที่เผลอกำแน่นในตอนนี้เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่ออ
ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะถาม “สมมติว่าอลิชท้อง พ่อจะผิดหวังไหม จะด่าอลิชไหมคะ”
“ท้องก็ดีสิพ่อจะได้อุ้มหลานกับเขาสักที ทุกวันนี้ออกตรวจพื้นที่เห็นเด็กเล็กเด็กน้อยพ่อก็คิดเห็นตอนที่ได้อุ้มหลานของตัวเอง” พ่อตอบไปด้วยรอยยิ้ม
“พะ พ่อไม่โกรธหรอคะ”
“จะโกรธทำไม ถ้าลูกแต่งงานมีครอบครัวไปแล้วจะท้องมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”
ที่พ่อเข้าใจคือแต่งงานไปแล้ว แต่ที่ฉันกำลังจะสื่อมันไม่ใช่แบบนั้น
“แต่ถ้าไม่มีแฟน ไม่มีครอบครัวแล้วท้องพ่อคงรับไม่ได้” พ่อยกมือขึ้นมาลูบหัวฉันเบาๆ
“โชคดีที่ลูกสาวของพ่อไม่เคยทำให้ผิดหวัง ตอนเรียนก็ตั้งใจเรียน ไม่เคยมีเรื่องผู้ชายมาให้พ่อหนักใจ แถมเรียนจบยังจะช่วยทำงานส่งเงินมาให้พ่ออีก”
เฮือก!!! คำพูดของพ่อนั้นทำให้หัวใจของฉันหล่นลงมาอยู่ที่ตาตุ่ม ทำเอาฉันไม่กล้าถามอะไรต่อเลยจริงๆ
“ว่าแต่ทำไมลูกถึงถามแบบนั้นล่ะหื้ม”
“ปะ เปล่าค่ะอลิชแค่ส่งสัย ดะ เดี๋ยวอลิชเข้าห้องก่อนนะคะ”
ฉันรีบลุกขึ้นแล้วเดินมายังห้องนอนด้วยตัวที่สั่นเทา คำตอบของพ่อทำให้ฉันไม่กล้าที่จะสารภาพจริงๆ กลัวว่าพ่อจะผิดหวัง มันกลัวทุกอย่าง
พอมาอยู่คนเดียวในห้องฉันก็ต้องคิดมากอีกครั้ง แต่คิดได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องรีบวิ่งไปอ้วกในห้องน้ำเพราะรู้สึกคลื่นไส้ นับวันอาการแพ้ของฉันมันก็เริ่มหนีกขึ้นเรื่อยๆ
วันต่อมา ช่วงสายๆ ของวันนี้แพรมาหาฉันที่บ้าน เธอบอกว่าออกมาจากกรุงเทพตั้งแต่ตีสี่ ฉันไม่รู้จะพูดยังไง ไม่รู้จะขอบคุณยังไงกับความเป็นห่วงที่แพรมีให้กับฉัน
พอแพรมาถึงเราก็เข้ามาคุยกันให้ห้องนอนของฉัน ยังไม่ได้พูดคุยอะไรพอปิดประตูห้องได้ฉันก็โผล่กอดเพื่อนแล้วร้องไห้ออกมา
“อึก แพร ฉะ ฉันกลัว”
“อลิชอกใจเย็นๆ ตั้งสติอย่าเอาแต่ร้องไห้สิ แกไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วนะ”
“ฉันควรทำยังไงดี อึก~”
แพรดันกอดออกแล้วถาม “แกบอกพ่อหรือยัง”
ฉันส่ายหน้าไปมาช้าๆ “พ่อต้องผิดหวังมากแน่ๆ อึก~ ฉันไม่กล้าพูด ไม่กล้าจริงๆ”
“ฉันรู้ว่ามันยาก ถ้าแกไม่กล้าก็ต้องไปลากตัวผู้ชายคนนั้นมาเป็นคนสารภาพว่าทำแกท้อง”
“แกจะบ้าหรือไง อึก~”
“แกจะยอมท้องไม่มีพ่อหรือไง แบบนั้นพ่อแกคงยิ่งรับไม่ได้”
ฉันก้มหน้าสะอื้นออกมาหนักๆ ไม่ว่าจะให้เลือกทางไหนฉันก็ไม่อยากทำทั้งนั้น ในใจของฉันมันเต็มไปด้วยความกลัว
“บอกฉันได้ไหมว่าใครคือพ่อของเด็กในท้องแก”
“……” ฉันปิดปากเงียบเอาแต่ก้มหน้าก้มตา ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อน
“อลิช ขนาดนี้แล้วแกยังจะไม่ยอมพูดอีกหรอ ผู้ชายคนนั้นมันเป็นใครกันแน่”
“ฉะ ฉันไม่ต้องการให้เขามารับผิดชอบ มันคือความผิดพลาด อึก~”
“ฉันรู้ว่าแกพลาด แต่แกไม่ควรปิดว่าใครคือพ่อของเด็กในท้อง คิดว่าพ่อแกรู้จะยอมหรือไง”
“อึก~” ฉันพยายามกลั้นเสียงสะอื้น แล้วบอกกับแพร “พะ พ่อของเด็กในท้องฉัน คือคุณคานส์ อึก~”
“ใคร แล้วทำไมแกถึงเรียกเขาว่าคุณแบบนั้น”
“ขะ เขาเป็นเจ้าของบริษัทที่ฉันทำงาน เขาอยู่สูงขนาดนั้นแกจะให้ฉันเดินไปบอกว่าท้องกับเขาหรือไง อีก~”
“นี่คือเหตุผลที่แกกลับมาอยู่ที่บ้านสินะ”
แพรถอนหายใจออกมาเบาๆ จากนั้นความเงียบก็เข้ามาปกคลุม ส่วนฉันก็เอาแต่ร้องไห้ มันมืดแปดด้าน คิดไม่ตกจริงๆ
แพรเอามือมาเช็ดน้ำตาออกจากแก้มให้ฉันแล้วพูด“แกปิดได้ไม่ตลอดหรอกนะ สักวันท้องของแกก็ต้องโต แกจะทำยังไงอลิช จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้”
ปัง!! เสียงประตูห้องถูกผลักเข้ามาอย่างแรง ทำให้ฉันกับแพรสะดุ้งแล้วหันมองที่ประตูพร้อมๆ กัน
“พะ พ่อ”
คนที่ผลักประตูเข้ามาในห้องคือพ่อ และในตอนนี้พ่อก็กำลังจ้องมาที่ฉันตาเขม็ง ฉันไม่รู้ว่าพ่อยังอยู่ที่บ้าน คิดว่าพ่อไปทำงานแล้ว
ละ แล้วพ่อจะได้ยินที่ฉันพูดหรือเปล่า ความกลัวในใจของฉันมันเริ่มทวีคูณมากขึ้น
“ลูกท้อง!! ท้องกับใครทำไมถึงไม่ยอมบอกพ่อ มันเป็นใคร”
เฮือก!! หัวใจดวงน้อยของฉันมันแทบจะหยุดเต้นเมื่อได้ยินพ่อถามออกมาแบบนั้น
“พ่อ อึก อลิชขอโทษ” ฉันค่อยๆ คลานไปหาพ่อ แล้วกอดขาพ่อไว้แน่น
“ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันเป็นใครห๊ะ!!”